ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ตำนานการอุ้มของตำรวจไทยมีประวัติมายาวนานแต่ที่อยู่ในความทรงจำดูเหมือนว่าคดีนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจคนดังจะมีความสลับซับซ้อนมากที่สุด และที่น่าสนใจคือการฆาตรกรรมอำพรางนั้นกลุ่มจอมบงการได้วางแผนไว้อย่างแยบยล มีการไล่ทำลายพยานหลักฐานทั้งขาไป และขากลับกล่าวคือวันที่ถูกคนร้ายอุ้มยันไปจนถึงวันเจอศพ มีทั้งไทยมุง นักข่าว เจ้าหน้าที่ย่ำๆๆๆๆในที่เกิดเหตุจนไม่สามารถแยกแยะหลักฐานหรือร่องรอยอะไรของคนร้ายได้
แม้จะจับผู้ต้องหาได้ 1 คนแต่ทุกวันนี้หากเอ่ยถึงคดีนี้บรรดาผู้สันทัดต่างเอ่ยเป็นเสียงเดียวกันว่าเบื้องหน้า เบื้องหลังเป็นอย่างไรก็รู้กันอยู่ ทีมอุ้ม ทีมวางงานเป็นใครก็รู้กันอยู่แก่ใจโดยเฉพาะนักข่าวสายอาชญากรรมประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล
เหมือนคดีอุ้มทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิมซึ่งแม้จะไม่เหลือซาก ไม่ปรากฏร่องรอยอะไรให้เห็นแต่ก็รู้ๆกันอยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง ใครคือทีมอุ้ม แต่ถึงจะรู้ทั้งรู้ด้วยข้อจำกัดหลายอย่างโดยเฉพาะขอบเขตอำนาจการสอบสวนของตำรวจ กล่าวคือทั้งรับคดีเอง สอบเอง จับเอง ค้นหาพยานหลักฐานเองจึงมักมีปัญหาเรื่องความโปร่งใสมาโดยตลอดทำให้ความตรงไปตรงมากลายเป็นความบิดเบี้ยวจนไม่สามารถจับมือใครดมไปในที่สุด
พูดถึงเรื่อง “อุ้ม”ช่วงนี้คดี พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี สังกัดกองบัญชาการตำรวจภาค 7 มาแรงแซงโค้งจนลืมกระแสการเมืองทั้งเรื่องวัดธรรมกาย และกรอบเวลาการร่างรัฐธรรมนูญ เผลอจะกลบข่าวน้ำท่วมภาคใต้เสียด้วยซ้ำเพราะตัวละครที่เกี่ยวข้องมีความน่าสนใจ เริ่มจากจอมบงการที่เป็นถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ส่วนสาเหตุก็น่าสนใจไม่น้อยเป็นเรื่องจากความหึงหวงซึ่งข่าวใดก็ตามที่มีกลิ่นอายของเรื่องชู้สาวคาวโลกีย์มักมีคอข่าวอาชญากรรมแห่แหนมาติดตามอ่าน
ช่วงที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ตำรวจพบศพ น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง อายุ 28 ปีสาวทอมเจ้าเสน่ห์ที่ริอ่านไปตีท้ายครัวของรักของหวง พ.ต.อ.อำนวย ซึ่งตามเนื้อข่าวระบุว่าทอมชะตาขาดได้หลอกเอาเงิน “น้องดาว”หรือน.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ นักร้องสาวใหญ่วัย 38 ปีที่ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้กำกับเดือนละ 1-2 แสนบาทเป็นเวลาติดต่อกันถึง 3 ปีรวมเป็นเงินประมาณ 4 ล้านบาทจึงเกิดความเครียดแค้นจนเป็นที่มาของคำสั่งฆ่า
ส่วนผลการตรวจศพจากสถาบันนิติเวชฯ โรงพยาบาลตำรวจไม่แน่ใจว่าจะพบร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศ หรือไม่แต่บางกระแสได้โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลฯทำนองว่ามีการทารุณทางเพศจนอวัยวะทั้งหน้าและหลังยับเยินซึ่งต้องรอการชี้ชัดจากแพทย์นิติเวชฯว่าก่อนเสียชีวิตสาวทอมได้ประสบกับเคราะห์กรรมอะไรบ้างรวมทั้งเป็นการฝังทั้งเป็นหรือเปล่า!!??
เรื่องของคดีก็ว่ากันไป เท่าที่ติดตามรายละเอียดต่างๆแล้วทางพนักงานสอบสวนกับทีมจับอันประกอบด้วยกองบังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ( บก.สส.บช.น.) และกองบังคับการสืบสวน บก.น.9 ทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว น่าชมเชย แม้กระทั่งกองบัญชาการตำรวจภาค 7 ก็สมควรได้รับการยกย่องอยู่พอสมควรเนื่องจากหลังเกิดเรื่อง พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ได้ประสานกับพล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.ภ.7 ตลอดเวลาและมีการตะครุบตัวช่วงที่พ.ต.อ.อำนวย เดินทางไปอวยพรคล้ายวันเกิดของ รรท.ผบช.ภ.7 กระทั่งมีการจับกุมกันขึ้น
แต่ทั้งหลายทั้งปวงก็ต้องกลับมาที่เราจะยอมจบกันแค่นี้ คนที่ตายก็ตายไป คนที่ติดคุกไม่ว่าจะเป็นผู้บงการมียศสูงถึง พ.ต.อ. หรือบรรดาฆาตกรรับจ้างมีทั้งทหาร -ตำรวจ-พลเรือน จะโยนให้ “กรรม”เป็นคนก่อเรื่องขึ้นคงไม่ใช่ มันต้องมีอะไรผิดปกติและคนที่ควรเห็นหรือรับรู้เพื่อนำไปแก้ไขก็คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแล สตช. และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.
เหตุ-ผล ที่ไม่ต้องมองเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากเพราะนายตำรวจระดับนี้ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำงานเกี่ยวข้องกับชาวบ้านจำนวนมาก เป็นผู้บังคับบัญชาในระดับปฏิบัติการแม้จะมองว่าเป็นความผิดเฉพาะตัวที่เกิดจากความหึงหวงแต่ลองถามความรู้สึกของสุจริตชนทั่วไปว่าเขาคิดกันอย่างไร
ระหว่างโจร -ผู้ร้าย และตำรวจ ไม่รู้กันแล้วว่าจะไว้ใจใครได้!!??
จริงอยู่...ขอย้ำว่าถ้าสาวทอมไม่ไปตีท้ายครัวทำให้ ผกก.เจ็บใจ คำสั่งฆ่าคงไม่เกิดขึ้น แต่รูปแบบของการใช้อำนาจมืดมีการใช้จ้างวานถึง 2 แสนบาท กลุ่มลงมือทำงานมีมากถึง 6-7 คนเริ่มจากใช้รถยนต์ปาดหน้าลากเข้าไปในรถ จากนั้นเอาตัวไปซ้อมทรมานซึ่งไม่รู้ว่า ผกก.อำนวย “สั่งสอน”แบบไหนกันบ้างกระทั่งเมื่อขุดพบศพบาดแผลที่ปรากฏบริเวณอวัยวะต่ำกว่าเอวทั้งหน้าและหลังอยู่ในสภาพยับเยิน...ความโหดเหี้ยมอำมหิตนี้มันหนักหนา ตอกย้ำภาพลักษณ์ตำรวจให้ตกต่ำลงไปอีกแม้จะ “ใหญ่แค่ไหนก็จับ” แต่จับแล้วไงล่ะ มีใครรับรองได้ว่าจะไม่มี พ.ต.อ.อำนวย 2-3-4 เกิดตามขึ้นมาอีก
ดังนั้นสิ่งที่หลายฝ่ายเรียกร้องคือการปฏิรูปตำรวจ ท่านนายกรัฐมนตรี ต้องเล็งเห็นความสำคัญอย่างเร่งด่วนได้แล้ว...เหตุการณ์ไล่เรี่ยกันอีกคดีหนึ่งคือตำรวจ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม จับ “ครูแพะ”คดีรถชนคนตายนั้นก็เช่นกัน มันเหลวแหลก เละเทะเป็นบทพิสูจน์ว่าโครงสร้าง - ระบบ - มาตรฐาน -วุฒิภาวะ -ศีลธรรม -จรรยาและธรรมาภิบาล เกิดความขาดแคลน ขาดตกบกพร่องในหน่วยงานนี้อย่างที่สุด..การปฏิรูปแบบขัดห้องส้วม ทาสีโรงพักหรือให้ที่จอดรถกับชาวบ้านที่มาติดต่อราชการคงไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องแล้ว
หลายคนพูดว่าถ้าท่านนายกฯคิดปฏิรูปประเทศไทย ไม่ต้องทำอะไรมากแค่เพียงใช้ความกล้าปฏิรูปตำรวจ นั่นก็หมายความว่าท่านได้ปฏิรูปประเทศ สร้างคุณูปการแก่คนไทยอย่างมากมายมหาศาล อย่าไปเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ไม่ต้องการถูกปฏิรูป...มีแต่ตำรวจส่วนน้อยเท่านั้นที่เสวยอำนาจ มีผลประโยชน์กันไม่กี่คนที่ไม่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
ตำรวจพวกนี้อยากมากมีไม่เกิน 5-6 พันคน ประเภทเด็กในขั้วสายอำนาจทั้งสิ้น ทั้งอำนาจเก่าและอำนาจใหม่ แต่สำหรับคนไม่มีเส้น คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานพวกนี้มีเป็นเรือนแสน ตำรวจที่สิ้นหวัง-ผิดหวังในระบบ พวกนี้มีอยู่เยอะท่านก็ต้องสนับสนุนให้คนตั้งใจทำงาน คนสุจริต คนมีความสามารถได้เติบโต ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากท่าน
ตำรวจดีแต่สิ้นหวังมีอยู่เยอะมาก น่าจะเป็นเรือนแสน...ตำรวจดีคืออะไร...ตำรวจดีคือ 1.ไม่มีโอกาสไปอยู่ในตำแหน่ง หรือพื้นที่เศรษฐกิจเกรด Aหาเงินได้ง่าย 2.ตำรวจดีคือตำรวจที่ไม่เลีย ไม่รับใช้เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย หรือเมียเจ้านาย 3.ตำรวจดีคือตำรวจที่ผู้มีอำนาจไม่ค่อยเรียกใช้...มีอยู่ประมาณนี้
ดังนั้นข้อมูลที่ท่านอาจเคยได้ยิน หรือมีความเชื่อว่าตำรวจไทยก็ยังไม่ชอบ หรือไม่พร้อมจะปฏิรูปตัวเองขอโปรดอย่าไปเชื่อ...ตำรวจดีๆเขาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น