xs
xsm
sm
md
lg

ย่างสดรับปีใหม่ดับ25ศพ รถตู้ข้ามเลนประสานงาปิกอัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-สยอง! รับปีใหม่ 2560 รถตู้โดยสารสาย กทม.-จันทบุรี พุ่งข้ามเลนประสานงากระบะเกิดไฟลุกท่วมย่างสดดับ 25 ราย สาหัส 2 คาถนนบ้านบึง-แกลง ส่วนยอด 7 วันอันตรายรวม 4 วันสังเวยแล้ว 280 รายเจ็บ 2,877 ราย คสช.ยึดรถดื่มแล้วขับ 2,981 คัน ด้านนายกฯ สั่ง ศปถ.กำชับจังหวัดเพิ่มดูแลความปลอดภัยประชาชนเดินทางช่วงปีใหม่ เตือนไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ ขณะที่ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงกันแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ม.ค.) ตำรวจ สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเกิดอบุบัติเหตุบนถนนสาย 344 บ้านบึง-แกลง บริเวณร้านอาหารกระดังงา พื้นที่หมู่ 1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ฝั่งขาเข้า จ.ระยอง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบ้านบึง ในที่เกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้รถตู้โดยสารสายกรุงเทพฯ-จันทบุรี หมายเลขทะเบียน 15-1352 กรุงเทพมหานคร ชนอัดก็อปปี้กับรถกระบะยี่ห้ออีซูซู ดีแม็กซ์ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน 1ฒ 2483 กรุงเทพมหานคร สภาพรถทั้ง 2 คันพังยับเยิน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดับไฟและนำได้ผู้บาดเจ็บสาหัสที่มากับรถกระบะ 2 คนส่งโรงพยาบาล

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบผู้โดยสารพร้อมคนขับรถตู้ถูกไฟไหม้เสียชีวิตทั้งหมด 14 ศพ ส่วนผู้ที่มากับรถกระบะเสียขีวิต 11 ศพ รวมมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 25 ศพ และจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ารถตู้โดยสารรับผู้โดยสารมาจากจังหวัดจันทบุรีรวมคนขับจำนวน 14 คนมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ และคาดว่าคนขับคงหลับในก่อนรถจะพุ่งข้ามเลนไปชนกับรถกระบะจนเกิดไฟลุกไหม้ดังกล่าว

นายบรรชา ปานนัม ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า รถตู้ขับมาจากสี่แยกแกลงมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ก่อนพุ่งข้ามเลนไปชนประสานงากับรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคัน หลังจากนั้นก็เกิดไฟลุกไหม้ทั้งคัน

ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคน เล่าว่า ตนขับรถเก๋งจะพาครอบครัวไปที่จังหวัดจันทบุรี เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเห็นรถตู้เสียหลักพุ่งลงข้างทางแล้วข้ามเลนไปประสานงานกับรถกระบะที่วิ่งสวนทางมา โดยเห็นผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถตู้ก่อนรถตู้จะเกิดไฟลุกท่วม โดยตนทำได้แค่ยืนมอง และได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ โดยเห็นคนอยู่ในรถร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะสิ้นใจตายคากองเพลิง

นายพิเนตร เลิศเขมทัต นายอำเภอบ้านบึง กล่าวว่า การเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ คาดว่ารถตู้จะเป็นรถติดแก๊ส เมื่อเกิดการชนกัน จึงทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นทันที เป็นเหตุให้ผู้โดยสารในรถตู้เและรถกระบะเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้ลำเลียงศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดไปที่โรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลและแจ้งให้ญาติทราบต่อไปแล้ว ส่วนผู้ใดสงสัยว่าญาติเดินทางมากับรถกระบะและรถตู้สามารถติดต่อประสานงานได้ที่มูลนิธิศีลธรรม ชลบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 03-844-4034

วันเดียวกัน ที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ประจำปี 2560 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้แถลงสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ฯ โดยสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค.2560 ซึ่งเป็นวันที่ 4 ของการรณรงค์ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เกิดอุบัติเหตุ 751 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 81 รายมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 778 คน สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นการเมาแล้วขับ

ส่วนยอดสรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน เกิดอุบัติเหตุรวม 2,712 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 280 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 2,877 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตมี 10 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 117 ครั้ง ขณะจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สกลนคร และอุดรธานี คือ 14 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 125 คน

ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่ ด้วยมาตรการดื่มไม่ขับจับยึดรถ ว่า สถิติในวันที่ 1 ม.ค. ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยพบรถจักรยานยนต์ การกระทำความผิด 16,092 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถไว้ 891 คัน และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 9,111 คน ส่วนรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 12,664 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 4,622 คน ยึดรถยนต์ 506 คัน ส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 4,712 คน รวมตลอด 4 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 2,981 คันแยกเป็นรถจักรยานยนต์ 2,027 คัน รถยนต์ 954 คัน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 35,053 คน แยกเป็น จยย.22,884 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 12,169 คน

"รถที่ยึดได้ถูกนำไปเก็บรักษาในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ โดยหลังจากช่วงเทศกาลเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับรถคืนได้ตามที่เจ้าหน้าที่นัดหมาย"พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าว

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยเดินทางกลับ ซึ่งความอ่อนล้าจากการเฉลิมฉลองและการขับรถทางไกล อาจเป็นสาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ห่วงใยความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน จึงได้สั่งการให้ ศปถ. กำชับจังหวัดประสานการปฏิบัติงานของจุดตรวจบริเวณรอยต่อระหว่างจังหวัด เพื่อส่งต่อการดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยกวดขันความพร้อมของผู้ขับรถ โดยเฉพาะพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทาง ไม่ประจำทางและรถตู้โดยสารเป็นพิเศษ โดยยึดมาตรการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการผลักดันกลไกมาตรการทางสังคมและชุมชนให้มีความเข้มแข็ง อีกทั้งปรับแผนการปฏิบัติการสร้างความปลอดภัย โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลเส้นทางขากลับกรุงเทพฯ และเส้นทางที่มุ่งสู่จังหวัดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก จัดระบบการจราจรให้สอดคล้องกับปริมาณรถในแต่ละเส้นทาง

ทั้งนี้ ยังฝากเตือนผู้ขับขี่ไม่ขับรถเร็ว ดื่มไม่ขับ ไม่ใช้โทรศัพท์ ขณะขับรถ หากมีอาการเหนื่อยล้าหรือง่วงนอน ให้จอดพักรถตามจุดบริการ และสถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้การสัญจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เต็มเปี่ยมด้วยความสุขและความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวานนี้ ประชาชนบางส่วนได้เริ่มทยอยเดินทางกลับกันแล้ว ส่งผลให้การจราจรหลายเส่นทางที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มีรถหนาแน่น โดยเฉพาะถนนสายเอเซีย จากภาคเหนือเข้ากรุงเทพฯ ถนนสายมิตรภาพจากนครราชสีมา เชื่อมต่อถนนพหลโยธิน และถนนสาย 304 เริ่มมีปริมาณรถหนาแน่น มีติดขัดในบางช่วง โดยเฉพาะในช่วงหลัก กม.22 ถึง 24 หรือโค้งป้าจำปี ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างเพื่อขยายถนนและสร้างอุโมงค์ทำให้เส้นทางช่วงดังกล่าวลดลงจาก 3 ช่องทางจราจร เหลือเพียง 1 ช่องทาง เหมือนคอขวด บนทางจราจรทำให้รถชะลอตัวจนเกิดการสะสมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร

ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมฯ ได้ร่วมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จัดกิจกรรมรับคนกลับจากบ้าน เตรียมสถานที่รองรับประชาชนในช่วงการเดินทางขากลับเข้ากรุงเทพฯ เพิ่มจุดจอดส่งผู้โดยสารในเส้นทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ณ กรมการขนส่งทางบก จตุจักรอีก 1 แห่ง ควบคู่กับสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ระหว่าง 2-6 ม.ค.เวลา 04.00-09.00 น. เพื่อลดความแออัด ปัญหาจราจรในสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ โดยประสานไปยังสหกรณ์แท็กซี่ให้จัดเตรียมรถแท็กซี่ และประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ จัดรถโดยสารประจำทางเพื่อรองรับให้บริการประชาชนที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ ทั้ง 3 แห่ง

พร้อมกันนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริการประชาชน บริหารจัดการรถโดยสารสาธารณะให้เพียงพอและดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร และจุดที่มีประชาชนเรียกใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเป็นจำนวนมาก และเพิ่มเจ้าหน้าที่สายด่วน 1584 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากการใช้บริการรถสาธารณะตลอด 24 ชั่วโมง
กำลังโหลดความคิดเห็น