xs
xsm
sm
md
lg

"สมคิด"อัดฉีดครั้งใหญ่ ขับเคลื่อนศก.ปี60วางฐาน4.0

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สมคิด" ลั่นปี 60 จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนศก.ครั้งใหญ่ เพื่อวางรากฐานประเทศไทย 4.0 ประกาศเพิ่มงบปี 61 เป็น 4 หมื่นล. ดันศก.ภูมิภาค ด้านหอการค้าไทยประเมินศก.ไทยปี 59 โต 3.2% ส่วนปีหน้าเพิ่มเป็น 3.6% แต่จะผลักดันให้ถึง 4% ภายใต้ปฏิญญาอยุธยา ที่มุ่งใช้ประชารัฐในการขับเคลื่อนศก.ทั้งประเทศ “พาณิชย์”จัดเต็มผนึกห้างลดราคาสินค้า 21 วันรวด เริ่ม 15 ธ.ค.-4 ม.ค.ปีหน้า คาดเงินสะพัด 9 หมื่นล. ลดภาระค่าครองชีพไม่ต่ำกว่า 2.4-2.7 หมื่นล.

ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ย.59 ที่ผ่านมา หอการค้าไทยได้จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 34 ในหัวข้อ "นวัตกรรม ทำจริง สู่ประเทศไทย 4.0" โดยผลการหารือได้มีการประกาศปฏิญญาอยุธยา โดยมีแนวทางในการดำเนินการ คือร่วมมือตามแนวทางประชารัฐร่วมกับภาครัฐส่วนต่างๆ ทั้ง รัฐ เอกชน และประชาชน ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนภาครัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และจะลงมือทำด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้พัฒนากระบวนการทางธุรกิจไปสู่การค้า และบริการ 4.0 ซึ่งเป็นการค้าและบริการบนระบบอัจฉริยะ โดยผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากปฏิญญาอยุธยา จะช่วยผลักดันให้มูลค่าการค้าและบริการของประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่ต่ำกว่าปีละ 50,000-100,000 ล้านบาท หรือช่วยให้ศก.ไทย ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 0.4-0.7% ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ศก.ไทยปี 2560 เติบโตได้ที่ระดับ 4.0%

**สมคิด ลั่นเตรียมจัดหนักศก.

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่ได้เดินทางไปเป็นประธานรับมอบสมุดปกขาวผลสรุปการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 34 จากนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนกระตุ้นศก.อย่างต่อเนื่องอีกหลายมาตรการ โดยในปี 60 จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนศก.ไทยอย่างแท้จริง

โดยในปีนี้ คาดว่าศก.ไทยจะเติบโตอย่างน้อย 3% แน่นอน ส่วนปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ เพราะรัฐบาลเหลือเวลาในการทำงานอีกเพียง 1 ปี จะไม่เสียเวลากับเรื่องใดๆ อีก โดยจะมุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็ง "ในปี 2561 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้กลุ่มจังหวัดเพิ่มจากเดิม 2 หมื่นล้านบาทเป็น 4 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ในระดับภูมิภาค โดยจะเรียกคืนงบโครงการที่มีวงเงินเกินพันล้านบาทที่ยังใช้ไม่หมด ภายใน 31 ธ.ค.59 นำกลับมาจัดสรรให้กลุ่มจังหวัดนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลใหม่จะสามารถเข้ามาสานต่อได้ โดยไม่กระทบฐานะทางการคลัง"

ส่วนปัจจัยกดดันศก.ไทยในปีหน้า รัฐบาลได้เตรียมตัวรับนโยบายศก.ภายใต้การนำของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ แล้ว และเชื่อว่า แม้สหรัฐฯ จะไม่เอา TPPแต่ก็ต้องมีสิ่งอื่นมาทดแทน เพราะสหรัฐฯไม่สามารถทิ้งตลาดเอเชียได้

ขณะที่ข้อกังวลต่อเศรษฐกิจจีนที่จะเติบโตลดลงนั้นไม่อยากให้กังวล เพราะจีนมีความสามารถในการปรับตัวได้รวดเร็ว หากมองในแง่ลบก็เท่ากับฆ่าตัวเอง แม้ศก.โลกจะมีความเสี่ยง แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับประเทศไทยเสมอ

** หอการค้าเชื่อตัวเลขศก.ขึ้นถึง4%

ขณะที่ทีมผู้บริหารหอการค้าไทย นำโดยนายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย พร้อมด้วยประธานหอการค้าทั้ง 5 ภาค และศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ร่วมกันแถลงภาวะศก.ไทยรายภูมิภาค และภาพรวมของประเทศปี 59 และคาดการณ์ปี 60

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของศก.ไทยปี 59 จากเดิม 3.3% เหลือ 3.2% โดยคาดว่าการส่งออกจะติดลบ 0.4% อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 0.2% ส่วนปี 60 คาดว่าศก.ไทยจะขยายตัวเพิ่มเป็น 3.6% การส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้ 1.4% มีมูลค่า 2.14 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เกินดุลทั้งดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อขยายตัว 1.6%
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลจากการสำรวจทัศนะของสมาชิกหอการค้าไทยต่อภาวะศก. พบว่าส่วนใหญ่ 63.1% มองว่าศก.ไทยยังไม่ฟื้น ขณะที่ 30% มองว่าเริ่มฟื้นตัว แต่ยังไม่เป็นปกติ และมีเพียง 6.9% ที่มองว่าฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว ซึ่งยอมรับว่าตอนนี้ศก.ไทยยังซึมอยู่ แต่รัฐบาลได้พยายามกระตุ้น และภาคเอกชนได้ให้ความร่วมมือ ซึ่งในส่วนของหอการค้าไทย ได้มอบหมายให้สมาชิกไปเฟ้นหาโปรดักส์ แชมเปี้ยนในแต่ละภาคที่จะนำมาเพิ่มมูลค่าสินค้าและจีดีพีของประเทศในปีหน้า ให้เพิ่มอีก 0.4-0.7% จากเดิมที่คาดว่าปีหน้าจะขยายตัว 3.6% " ศก.ในปีหน้า ที่คาดกันว่าจะโตที่ 3.6% แต่ภายใต้ปฏิญญาอยุธยาที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะผลักดันให้ศก.ในปีหน้าโตได้ถึง 4%" นายสมเกียรติ กล่าว

**พาณิชย์จับมือห้างลดกระหน่ำ 21วัน

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับห้างสรรพสินค้า เพื่อทำการลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีต่อเนื่องจนถึงต้นปีหน้าแล้ว โดยกำหนดที่จะจัดลดราคาตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.59 ถึง 4 ม.ค. 60 รวมระยะเวลา 21 วัน และจะลดราคามากกว่าการจัดงานปีที่แล้ว โดยลดเพิ่ม 30-80% ในทุกสาขาของห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ซูเปอร์มาร์เกต และร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขารวมกันกว่า 1.35 หมื่นสาขาทั่วประเทศ

ทั้งนี้ การจัดงานคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากยอดขายสินค้าประมาณ 8-9 หมื่นล้านบาท และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เฉลี่ย 30% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2.47-2.7 หมื่นล้านบาท และยังเชื่อว่า เงินน่าจะสะพัดมากกว่านี้ หลังจากที่รัฐบาลได้เตรียมจัดทำโครงการชอปช่วยชาติ ออกมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและสามารถนำใบเสร็จไปหักภาษีได้ ซึ่งจะออกมาในช่วงปลายปีนี้

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯได้หารือร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เกต และร้านสะดวกซื้อ รวม 17 ราย และทุกรายพร้อมที่จะร่วมมือในการลดราคาจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปีหน้าเป็นพิเศษ และจะจัดยาวนานกว่าการจัดงานครั้งก่อน ซึ่งครั้งแรกจัดประมาณ 7 วัน ครั้งที่ 2 จัด 10 วัน และครั้งนี้ 21 วัน โดยจะใช้ชื่องาน“รวมใจ ช่วยไทย ลดรับปีใหม่”โดยสินค้าที่จะนำมาลดราคา จะลดทุกชั้น ทุกแผนก ลดสูงสุด 80% ในสินค้าหลายประเภท เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และวัสดุก่อสร้าง โดยสินค้าที่นำมาลดราคา ได้ขอความร่วมมือให้นำสินค้าใหม่มาลด และต้องไม่เป็นสินค้าที่ค้างสต๊อกหรือสินค้าเก่า เพื่อให้เห็นว่ามีการปรับลดราคาลงจริง

"เป็นการจัดใหญ่ จัดหนัก จัดเต็ม ลดเต็มๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยให้กับประชาชน และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้เพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ประชาชนจะได้มีโอกาสในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในราคาที่ถูกลง เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้ในการมอบเป็นของขวัญปีใหม่" นางนันทวัลย์ กล่าว

นอกจากนี้ ในการจัดงานลดราคาสินค้า ทางห้างยังได้ร่วมมือในการรับซื้อข้าวสารจากเกษตรกรมาจำหน่ายในพื้นที่ของห้าง และจะนำข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวมาจัดเป็นกระเช้าของขวัญ เพื่อจำหน่ายให้ประชาชนได้เลือกซื้อไปมอบเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย สำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมลดราคาสินค้า ได้แก่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีซีซี โลจิสติกส์ แอนด์ แวร์เฮ้าส์ จำกัด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท สรรสินค้าสินค้าเซ็นทรัล จำกัด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท สรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ฟู้ดแลนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ต จำกัด บริษัท ยูเอฟเอ็ม ฟูจิ ซูเปอร์ จำกัด บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด บริษัท สหลอว์สัน จำกัด และบริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
กำลังโหลดความคิดเห็น