ผู้จัดการรายวัน360-พ่อค้าแม่ค้าแบรนด์เนมหนาว! กรมศุลกากรทุ่ม 2 พันล้าน ติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋า เพื่อตรวจสอบสินค้าต้องห้ามนำเข้า สินค้าหรู สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ คาดเริ่มติดตั้งปีหน้า เริ่มใช้จริงปี 61 เผยจะมีการสแกนกระเป๋าก่อนมาส่งที่สายพาน หากพบผิดปกติ จะถูกทำเครื่องหมายไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกที
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋าสนามบินทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบสินค้านำเข้า โดยเฉพาะวัตถุสิ่งของต้องห้ามนำเข้ามาในประเทศ หรือสินค้าหรูราคาแพงที่นำเข้ามาเกินกำหนดตามที่กฎหมายได้อนุญาตไว้ ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่จะมีการสุ่มตรวจเป็นบางกระเป๋าเท่านั้น เพราะเมื่อติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์เสร็จ จะทำให้ตรวจสอบกระเป๋าได้ทุกใบ โดยคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งเสร็จในปี 2560 และเริ่มใช้งานได้ในปี 2561
สำหรับการทำงานของเครื่องเอ็กซเรย์ดังกล่าว จะทำการตรวจกระเป๋าตั้งแต่วิ่งอยู่บนสายพานลำเลียงกระเป๋าเข้าสนามบิน เพื่อมาส่งให้กับผู้โดยสาร โดยหากมีกระเป๋าต้องสงสัยนำเข้าสินค้าหรูเข้ามาเกินกฎหมายกำหนด หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ กระเป๋าใบดังกล่าวก็จะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ และเมื่อผู้โดยสารนำออกมา ก็จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในกระเป๋าอีกครั้งหนึ่ง หากมีการนำเข้าสินค้าหรูเกิน ก็จะต้องเสียภาษีให้ครบก่อนนำเข้า หากเป็นสิ่งของต้องห้าม ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพาน แบ่งเป็นที่สนามบินสุวรรณภูมิ 23 สายพาน และที่สนามบินดอนเมือง สมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต อีก 6 สายพาน วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท และการติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์นี้ ยังรวมถึงห้องควบคุมเครื่องเอ็กซเรย์ที่ทันสมัย สามารถดูการเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงได้ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ หรือย้อนภาพกลับมาตรวจสอบซ้ำได้
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงกระเป๋าสนามบินทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบสินค้านำเข้า โดยเฉพาะวัตถุสิ่งของต้องห้ามนำเข้ามาในประเทศ หรือสินค้าหรูราคาแพงที่นำเข้ามาเกินกำหนดตามที่กฎหมายได้อนุญาตไว้ ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากเดิมที่จะมีการสุ่มตรวจเป็นบางกระเป๋าเท่านั้น เพราะเมื่อติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์เสร็จ จะทำให้ตรวจสอบกระเป๋าได้ทุกใบ โดยคาดว่าจะดำเนินการติดตั้งเสร็จในปี 2560 และเริ่มใช้งานได้ในปี 2561
สำหรับการทำงานของเครื่องเอ็กซเรย์ดังกล่าว จะทำการตรวจกระเป๋าตั้งแต่วิ่งอยู่บนสายพานลำเลียงกระเป๋าเข้าสนามบิน เพื่อมาส่งให้กับผู้โดยสาร โดยหากมีกระเป๋าต้องสงสัยนำเข้าสินค้าหรูเข้ามาเกินกฎหมายกำหนด หรือสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสิ่งของต้องห้ามเข้ามาในประเทศ กระเป๋าใบดังกล่าวก็จะถูกทำเครื่องหมายเอาไว้ และเมื่อผู้โดยสารนำออกมา ก็จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในกระเป๋าอีกครั้งหนึ่ง หากมีการนำเข้าสินค้าหรูเกิน ก็จะต้องเสียภาษีให้ครบก่อนนำเข้า หากเป็นสิ่งของต้องห้าม ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ การติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คร่อมสายพาน แบ่งเป็นที่สนามบินสุวรรณภูมิ 23 สายพาน และที่สนามบินดอนเมือง สมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต อีก 6 สายพาน วงเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท และการติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์นี้ ยังรวมถึงห้องควบคุมเครื่องเอ็กซเรย์ที่ทันสมัย สามารถดูการเอ็กซเรย์คร่อมสายพานลำเลียงได้ทั้งหมดแบบเรียลไทม์ หรือย้อนภาพกลับมาตรวจสอบซ้ำได้