ผู้จัดการรายวัน360 - ราคาข้าวเปลือกตกต่ำต่อเนื่อง ข้าวหอมมะลิตกเหลือตันละ 9 พัน ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 7.4 พัน ลดลงเฉลี่ยตันละพัน แถมราคาล่วงหน้าเดือน ธ.ค. หอมมะลิจ่อตกเหลือ 8 พันกว่าบาท หลังราคาส่งออกดิ่ง ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ยังหวังมาตรการรัฐ บวกเอกชนซื้อเก็บสต๊อกช่วยดันราคาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จากการสำรวจราคาข้าวเปลือกในแต่ละจังหวัดของสมาคมโรงสีข้าวไทย พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเจ้า 5% ได้ปรับตัวลดลงจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลผลิตปี 2559/60 ที่ผลผลิตเริ่มทยอยออกมาแล้วในบางจังหวัดปรับตัวลดลงถึง 1,000 บาท/ตัน ซึ่งราคา ณ วันที่ 26 ต.ค. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 15% จ.บุรีรัมย์ ราคาอยู่ 9,000 บาท/ตัน ลดลงจากวันที่ 19 ต.ค. ที่มีราคา 10,000 บาทต่อตัน
ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 30% วันที่ 26 ต.ค. ราคาอยู่ที่ 6,800 - 7,000 บาท/ตัน ขณะที่ราคา ณ วันที่ 19 ต.ค. ที่ความชื้น 15% อยู่ที่ 9,800- 10,000 บาท/ตัน
สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ได้ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคา ณ วันที่ 26 ต.ค. ข้าวเปลือกเจ้า 5% ความชื้น 15% ที่ จ.สุพรรณบุรี ราคา 7,400 - 7,700 บาท/ตัน ปรับลดลงจากวันที่ 19 ต.ค.ที่ราคา 8,700 บาท/ตัน หรือลดลง 1,000 บาท/ตันเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ราคาซื้อขายข้าวล่วงหน้า ณ เดือน ธ.ค.59 โดยเป็นราคาที่ผู้ส่งออกซื้อข้าวสารหอมมะลิจากผู้ประกอบการโรงสีจะอยู่ที่ 15,800 บาท/ตัน หรือ 15.80 บาท/กิโลกรัม (กก.) เมื่อทอนเป็นราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจะอยู่ที่ 8,000 กว่าบาท/ตัน เนื่องจากราคาส่งออกข้าวหอมมะลิที่ซื้อขายล่วงหน้าต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตันแล้ว หรืออยู่ที่ประมาณ 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน ถือว่าเป็นราคาต่ำสุดมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจากตลาดเกิดภาวะตื่นตระหนกจากผลผลิตข้าวที่เพิ่มมากขึ้นเกือบทุกประเทศ ทำให้มีการกดราคาซื้อข้าว
ขณะที่ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ได้ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดยราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 347 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากการที่ผู้ส่งออกบางรายขายให้กับประเทศญี่ปุ่น ในราคาที่ต่ำมาก และน่าจะเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งแทบจะไม่ห่างกันหรือราคาเท่ากัน คือ ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน เวียดนาม 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน อินเดีย 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปากีสถาน 345 เหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาข้าวหอมมะลิที่โค้ดราคาขายล่วงหน้าเดือน ธ.ค. น่าจะเป็นราคาต่ำสุด และราคาน่าจะเริ่มกลับตัวขึ้นมาได้ หลังจากที่มาตรการของรัฐเริ่มดำเนินการ ทั้งการเก็บสต๊อกข้าว และการที่ผู้ส่งออกได้เข้าไปช่วยรับซื้อข้าว รวมทั้งมีการหาตลาดส่งออกข้าวเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศผู้ซื้ออย่างฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐฯ ที่จะมีการซื้อข้าวไปเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กำลังดำเนินโครงการซื้อข้าวสารหอมมะลิมาเก็บสต๊อกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ปริมาณ 2 แสนตัน ในราคาตลาด ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ร้องขอ โดยคาดว่าจะช่วยพยุงราคาได้ระดับหนึ่ง โดยขณะนี้ สมาคมฯได้มีการแจ้งไปยังสมาชิกให้เข้าร่วมโครงการแล้ว ซึ่งสมาคมฯ จะจ่ายค่าชดเชยดอกเบี้ย ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัย รวม 165 บาท/ตัน หรือคิดเป็นงบประมาณ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ส่งออกข้าวเข้าร่วมโครงการมากขึ้น เพราะโครงการในปีนี้ไม่ได้ตั้งราคาให้ซื้อเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ให้ซื้อในราคาตลาด ทำให้จะมีปริมาณการซื้อมาเก็บสต๊อกมากขึ้น โดยกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป เริ่มซื้อตั้งแต่ 15 พ.ย.-15 ธ.ค.59 และจากนั้นจะมีการสุ่มตรวจเพื่อแยกกองข้าวที่เก็บสต๊อกตามโครงการต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จากการสำรวจราคาข้าวเปลือกในแต่ละจังหวัดของสมาคมโรงสีข้าวไทย พบว่า ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิและข้าวเปลือกเจ้า 5% ได้ปรับตัวลดลงจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกหอมมะลิฤดูกาลผลิตปี 2559/60 ที่ผลผลิตเริ่มทยอยออกมาแล้วในบางจังหวัดปรับตัวลดลงถึง 1,000 บาท/ตัน ซึ่งราคา ณ วันที่ 26 ต.ค. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 15% จ.บุรีรัมย์ ราคาอยู่ 9,000 บาท/ตัน ลดลงจากวันที่ 19 ต.ค. ที่มีราคา 10,000 บาทต่อตัน
ส่วนที่ จ.นครราชสีมา ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 30% วันที่ 26 ต.ค. ราคาอยู่ที่ 6,800 - 7,000 บาท/ตัน ขณะที่ราคา ณ วันที่ 19 ต.ค. ที่ความชื้น 15% อยู่ที่ 9,800- 10,000 บาท/ตัน
สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ได้ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยราคา ณ วันที่ 26 ต.ค. ข้าวเปลือกเจ้า 5% ความชื้น 15% ที่ จ.สุพรรณบุรี ราคา 7,400 - 7,700 บาท/ตัน ปรับลดลงจากวันที่ 19 ต.ค.ที่ราคา 8,700 บาท/ตัน หรือลดลง 1,000 บาท/ตันเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ราคาซื้อขายข้าวล่วงหน้า ณ เดือน ธ.ค.59 โดยเป็นราคาที่ผู้ส่งออกซื้อข้าวสารหอมมะลิจากผู้ประกอบการโรงสีจะอยู่ที่ 15,800 บาท/ตัน หรือ 15.80 บาท/กิโลกรัม (กก.) เมื่อทอนเป็นราคาข้าวเปลือกหอมมะลิจะอยู่ที่ 8,000 กว่าบาท/ตัน เนื่องจากราคาส่งออกข้าวหอมมะลิที่ซื้อขายล่วงหน้าต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตันแล้ว หรืออยู่ที่ประมาณ 490 เหรียญสหรัฐ/ตัน ถือว่าเป็นราคาต่ำสุดมากกว่า 10 ปีขึ้นไป เนื่องจากตลาดเกิดภาวะตื่นตระหนกจากผลผลิตข้าวที่เพิ่มมากขึ้นเกือบทุกประเทศ ทำให้มีการกดราคาซื้อข้าว
ขณะที่ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ได้ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดยราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 347 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากการที่ผู้ส่งออกบางรายขายให้กับประเทศญี่ปุ่น ในราคาที่ต่ำมาก และน่าจะเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งแทบจะไม่ห่างกันหรือราคาเท่ากัน คือ ราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน เวียดนาม 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน อินเดีย 350 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปากีสถาน 345 เหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาข้าวหอมมะลิที่โค้ดราคาขายล่วงหน้าเดือน ธ.ค. น่าจะเป็นราคาต่ำสุด และราคาน่าจะเริ่มกลับตัวขึ้นมาได้ หลังจากที่มาตรการของรัฐเริ่มดำเนินการ ทั้งการเก็บสต๊อกข้าว และการที่ผู้ส่งออกได้เข้าไปช่วยรับซื้อข้าว รวมทั้งมีการหาตลาดส่งออกข้าวเพิ่มเติม โดยเฉพาะประเทศผู้ซื้ออย่างฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐฯ ที่จะมีการซื้อข้าวไปเตรียมไว้ใช้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กำลังดำเนินโครงการซื้อข้าวสารหอมมะลิมาเก็บสต๊อกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ปริมาณ 2 แสนตัน ในราคาตลาด ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ร้องขอ โดยคาดว่าจะช่วยพยุงราคาได้ระดับหนึ่ง โดยขณะนี้ สมาคมฯได้มีการแจ้งไปยังสมาชิกให้เข้าร่วมโครงการแล้ว ซึ่งสมาคมฯ จะจ่ายค่าชดเชยดอกเบี้ย ค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัย รวม 165 บาท/ตัน หรือคิดเป็นงบประมาณ 40 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ส่งออกข้าวเข้าร่วมโครงการมากขึ้น เพราะโครงการในปีนี้ไม่ได้ตั้งราคาให้ซื้อเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ให้ซื้อในราคาตลาด ทำให้จะมีปริมาณการซื้อมาเก็บสต๊อกมากขึ้น โดยกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป เริ่มซื้อตั้งแต่ 15 พ.ย.-15 ธ.ค.59 และจากนั้นจะมีการสุ่มตรวจเพื่อแยกกองข้าวที่เก็บสต๊อกตามโครงการต่อไป
