ผมมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าภายใน 10-20 ปีข้างหน้า มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งที่สำคัญของโลก
ความเชื่อมันของผมมาจากการวิเคราะห์ในหลาย ๆ ปัจจัยด้วยกัน ทั้งปัจจัยภายในประเทศ และปัจจัยจากสถานการณ์ทั่วโลก
เริ่มจากปัจจัยภายในของประเทศไทย ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันนี้คุณภาพและจิตวิญญาณของปวงชนชาวไทยได้ยกระดับสู่ความเป็นอารยะอย่างสมบูรณ์แล้ว
เห็นได้จากภาพของการร่วมแรงร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนทุกหมู่เหล่า ข้าราชการ ที่สำคัญพระเมตตาของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงร่วมกันปลอบประโลมพสกนิกรชาวไทย จากการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์ท่าน
นี่คือภาพของราชประชาสมาสัย ที่หลอมรวมหัวใจคนไทยเข้าด้วยกันอย่างแท้จริง ถึงแม้จะเกิดการพยายามปลุกปั่นจากผู้ไม่หวังดีในการทำให้กระแสความจงรักภักดีของชาวไทยกลายเป็นการล่าแม่มด แต่เราก็จะเห็นว่า คนไทยนั้นมีสติไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการดังกล่าว
เราได้แสดงให้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ชาวโลกได้ประจักษ์แล้วว่า ปวงชนชาวไทยทั้งประเทศทุกภาคส่วนมีฉันทมติที่จะแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจ
นี่คือประชาธิปไตยที่เกิดจากความสมัครใจ ไม่ใช่พิธีกรรมผ่านหีบบัตรเลือกตั้ง
ผู้หลงผิดเชื่อคำยุยงหลายคนเริ่มตาสว่าง เมื่อได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้องมาหักล้างเรื่องโคมลอยที่เคยโดนเป่าหูมา
วันนี้จึงไร้สิ้นซึ่งเสียงรำพึงจากคนรุ่นเก่าว่า กลัวว่าเด็กหรือคนไทยรุ่นใหม่จะไม่รู้จักการเสียสละของพระองค์ท่านที่มีต่อสังคมไทย
แนวคิดต่างๆที่พระองค์ท่านได้ตรัสสอน และปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง พสกนิกรทั้งประเทศได้น้อมนำจดจำใส่เกล้าใส่กระหม่อม และเพียรกันปฏิบัติ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ให้แก่สังคมไทย
เวลานี้หากแม้นผู้มีอำนาจจะลุแก่อำนาจ และปกป้องเพื่อนฝูง พี่น้องในเครือข่ายกันเอง หรือ จะทุจริตเบียดบังภาษีของประชาชน คงจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ใครก็ตามที่ทำเรื่องที่ทำให้กระทบกระเทือนต่อความไว้วางใจของคนไทย ก็จะโดนตราหน้าว่าเป็นคนที่ไม่จงรักภักดี ไม่ดำรงตนอยู่ในคำสั่งสอนและพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านที่เสียสละเพื่อคนไทยทั้งประเทศในทันที กรณีอย่าง ทริปฮาวาย คงจะไม่มีอีก
นายทุนคนไหนยังคงเห็นแก่ตัว เอาแต่กอบโกยผูกขาด ไม่ปรับตัวเอง ไม่รู้จักความพอเพียง ไม่เดินตามรอยพระองค์ท่านที่มีแต่ทำเพื่อสังคม ต่อให้ยิ่งใหญ่รวยล้นฟ้าแค่ไหน ก็จะไม่มีที่ยืนในสังคม
ถ้าเป็นดังนี้ คนไทยมีความพร้อมในเรื่องจริยธรรม มีแนวคิดแห่งความพอเพียง แนวคิดที่จะทำดีปฏิบัติดี ตามแนวพระราชดำริ
ในส่วนของภาครัฐ ผมแอบตั้งความหวังว่า รัฐบาลจะเริ่มทำอะไรที่เข้ารูปเข้ารอยในเรื่องต่างๆ มากขึ้น
และหากรัฐได้นำเอาแนวคิดของพระองค์ท่านมาต่อยอด ช่วยสร้างเสริมอาชีพคนไทย ให้โอกาสคนไทยได้เป็นไทจากทุนผูกขาด ประเทศชาติก็จะยิ่งเข้มแข็งอย่างก้าวกระโดด กล่าวคือ เข้มแข็งทั้งอย่างแท้จริงจากรากฐาน
ดังนั้น ปัจจัยภายในประเทศสามารถสรุปได้ว่า สังคมไทยในตอนนี้มีความเริ่มเป็นสังคมอารยะในทุกภาคส่วน สามารถแยกแยะถูกผิด ดำขาวได้ชัดเจน และพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง
เหล่านี้ล้วนเกิดจากพระบารมี แนวคิด คำสั่งสอน การทรงงานเพื่อพสกนิกรอย่างหนักของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสิ้น ในการปรับพื้นฐานยกระดับสังคมไทยในรัชสมัยของพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านก็ทำสำเร็จ และส่งผลให้ชัยชนะเกิดสู่ชาติไทยของเราในที่สุด
สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น หากติดตามสถานการณ์โลกให้ดีๆ เราจะพบว่า ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา และยุโรป กำลังล่มสลาย ไม่ว่าจะพยายามงัดกลยุทธ์ หรือมาตรการใดๆ ออกมา ก็จะไม่สามารถยื้อเวลาได้อีกต่อไป
วันนี้โลกทั้งโลกล้วนแต่สมเพชคนอเมริกัน ที่ความจริงได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่า มหาอำนาจชาตินี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มทุน วางพล็อต ส่งตัวแทนให้คนกาบัตรเลือกตั้ง สุดท้ายอยู่ที่สองคนให้เป็นผู้นำสูงสุดในสถานะหุ่นเชิดของกลุ่มทุน และ CIA
ประเทศเจ้าตำรับประชาธิปไตยกลับกลายเป็นประชาธิปไตยจอมปลอมไปเสียเอง
อีกทั้งมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า กลุ่มก่อการร้ายใหญ่ๆ ทั่วโลก อาทิ ไอซิสนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก CIA แม้แต่กรณี 911 ที่ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนตึก world trade centre CIA และชาติพันธมิตรอย่างซาอุดีอาระเบีย ก็มีส่วนรู้เห็นในปฏิบัติการก่อการร้ายถล่มบ้านตัวเองในครั้งนั้น
สหรัฐอเมริกาได้ใช้เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งออกสงครามไปทั่วโลก เพื่อทำให้ยุทธศาสตร์เป็นมหาอำนาจเดียวของตัวเองสัมฤทธิผล
แต่ทั้งรัฐบาลอเมริกา และประชาชนอเมริกา ก็ไม่ได้มีความเดือดร้อนที่จะสอบสวน หรือดำเนินคดีในกรณีเผาบ้านตัวเองเลยแม้แต่น้อย
หลายประเทศที่ตาสว่างจึงพากันลดระดับความสัมพันธ์กับอเมริกา เพราะตระหนักดีถึงความล่อแหลมในสถานการณ์ภายในประเทศตัวเองที่โดน CIA ปลุกปั่น เพื่อประโยชน์ของทุนสามานย์ในหลายครั้ง
ที่สำคัญ ความพ่ายแพ้ของอเมริกาต่อรัสเซียในสงครามซีเรียนั้น ทำให้อเมริกาไม่ใช่ผู้นำโลกอีกต่อไป ยังไม่นับรวมฟองสบู่ของเศรษฐกิจอเมริกาที่ไม่สามารถรับประกันว่า จะใช้มาตรการโฆษณาชวนเชื่อหลอกคนทั้งโลกไปได้นานแค่ไหน
ทางด้านยุโรปนั้น มีแววตกต่ำสูงมากๆ จากปัญหาการเป็นพันธมิตรกับอเมริกาที่ต้องทำให้หลายๆ ชาติอย่าง เยอรมนี ฝรั่งเศส เบลเยียม ต้องเปลืองตัว เกิดปัญหาในเรื่องผู้อพยพ ปัญหาก่อการร้าย ปัญหาเศรษฐกิจ และสังคม
แม้กระทั่งการสิ้นความน่าเชื่อถือขาดสภาพคล่องของดอยช์แบงก์ ธนาคารเสาหลักของเยอรมนีที่คอยค้ำชูสหภาพยุโรปอยู่
คนยุโรปเองยังพากันพูดว่า ยุโรปในวันนี้ไม่มีความสงบสุขและรุ่งเรืองเหมือนเดิมอีกต่อไป หลายคนเชื่อว่ายุโรปกำลังเดินลงเหวสู่ความล่มสลายในไม่ช้า
และมีความเป็นไปได้ว่า หายนะจากสงครามและความล่มสลายจากกลุ่มทุนสามานย์โดยชาติมหาอำนาจยักษ์ใหญ่กำลังลุกลามไปอย่างไม่มีทางหยุดยั้งได้ จากประเทศสู่ประเทศ ทวีปสู่ทวีป ราวกับโรคระบาด
แนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และปรากฏการณ์ราชประชาสมาสัยของประเทศไทย จึงเป็นคำตอบที่มาอย่างถูกที่ถูกเวลาให้แก่ชาวโลกในยามเกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้
การเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระองค์ท่านในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงครองราชย์นานที่สุดในโลก การเป็นศูนย์รวมใจของปวงชนชาวไทย ได้ทำให้ประชาชนจากนานาประเทศได้รับรู้ข้อมูล และเกิดความสนใจเป็นอย่างมากในการศึกษา และต่อยอดแนวคิดต่างๆ ของในหลวง รวมไปถึงโครงการพระราชดำริที่สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาได้ทั่วโลก
ทฤษฎีต่างๆ ของพระองค์ท่านกำลังกลายเป็นที่สนใจ บรรจุอยู่ในงานวิจัย และหนังสือตำราเรียนทั่วโลกในแต่ละสาขา เพราะนี่คือสิ่งที่ปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง หาใช่เพียงทฤษฎีในตำรา
โดยมีตัวอย่างที่จับต้องได้คือ ประเทศภูฏาน โดยสมเด็จพระราชา จิกมี นับเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้นำทฤษฎีการพึ่งพาตนเองภายใต้ความสุขความพอเพียงของพระองค์ท่านไปใช้แล้วประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จึงนับเป็นบุคคลสำคัญของโลกในสมัยนี้ ที่ประชาชนชาวไทยและทั่วโลกต้องการที่ยึดเหนี่ยว ที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้จากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จากพระราชกรณียกิจ คำสอน และพระบารมีของพระองค์ท่าน
แม้แต่ประธานาธิปดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งชาติมหาอำนาจรัสเซีย ยังยกย่องว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่โดยที่ไม่ต้องไปสู้รบกับใคร
ดังนั้น พระองค์ท่านจึงมิใช่เป็นเพียงศูนย์รวมใจของชาวไทยเท่านั้น หากทรงเป็นแรงบันดาลใจของคนทั่วโลก
เมื่อได้วิเคราะห์ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกดังที่กล่าวมาแล้ว คงจะไม่เกินเลยนักกับความเชื่อที่ว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงวางรากฐานประเทศไทยสู่ชาติมหาอำนาจในอนาคตอันใกล้
ในขณะที่หลายๆชาติทั่วโลกกำลังจะล่มสลาย แต่ประเทศไทยกลับอยู่ในสภาวะผลัดใบเพื่อกำเนิดใหม่ เป็นประเทศที่เข้มแข็ง
คนไทยผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวิกฤตทางการเมืองมาจนได้ตกผลึกแล้วว่า ระบอบการปกครองที่ดีที่สุดก็คือ ระบอบ ธรรมาธิปไตย ในการครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙
ประเทศไทยโชคดีที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นดั่งครอบครัวของพสกนิกรไทยทุกคน มีความพิเศษในทางการปกครองที่ประเทศอื่นไม่มี
นอกจากนี้ หากพิจารณาในด้านภูมิศาสตร์ประเทศไทยก็ถือเป็นศูนย์กลางแห่งเอเชียที่สำคัญที่สุด ซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์
เราจึงสามารถตั้งสมมติฐานได้ว่า ปัจจัยทุกอย่างพร้อมสำหรับประเทศไทยในการก้าวสู่ชาติมหาอำนาจ ที่จะเป็นแบบอย่างแก่นานาอารยประเทศทั่วโลก
ชาติมหาอำนาจนี้อาจไม่จำเป็นจะต้องเป็นมหาอำนาจทางอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่เป็นมหาอำนาจทางความสุข ความดีงาม ความเป็นต้นแบบของโลกในการดำรงความเป็นชาติที่สง่างาม มีจริยธรรม เจริญทั้งวัตถุและจิตใจ ประชากรมีความสุข
การก้าวขึ้นสู่ความเป็นชาติมหาอำนาจในรูปแบบดังกล่าวของเรา มิได้อยู่ที่พระองค์ท่านอีกต่อไป หากแต่พระองค์ท่านได้ทรงวางรากฐานให้ชาวไทยอย่างเต็มที่แล้ว
ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่น้องชาวไทยทุกคน และผู้ปกครองบ้านเมืองจะพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และสามารถตั้งมั่นอยู่ความเป็นอารยชน ยึดมั่นธรรมะที่ได้รับจากการเสด็จสู่สวรรคาลัยในครั้งนี้ ให้สืบทอดไปสู่ลูก สู่หลาน
อย่าให้เป็นเพียงกระแสอารยะชั่วแล่น
หากพวกเราทำได้เช่นนั้นจริง ในช่วงชีวิตของเราย่อมมีโอกาสได้เห็นประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ความเป็นประเทศมหาอำนาจที่โลกยกย่องอย่างแน่นอน
น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า
นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล