ในเมืองใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นแทบในทุกเมืองในทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศด้อยพัฒนาหรือแม้กระทั่งกำลังพัฒนาทั้งหลาย รวมทั้งประเทศไทยด้วยจะมีชุมชนแออัดหรือที่เรียกว่า สลัม ไม่มุมใดก็มุมหนึ่งของเมือง และการที่เมืองใหญ่มีชุมชนแออัดนี้เอง ทำให้เกิดกลุ่มอาชีพ 3 กลุ่มขึ้นมาคือ
1. โสเภณีหรือหญิงขายบริการทางเพศ โดยมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น หญิงงามเมือง ซึ่งแปลมาจากคำว่า นครโสเภณีมีมาแล้วในอินเดียตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยมีหลักฐานปรากฏชัดว่า เมื่อครั้งนั้นมีหญิงนครโสเภณีนางหนึ่งชื่อว่า สิริมา มีค่าตัวแพงถึงพันกหาปณะการให้บริการหนึ่งครั้ง
นอกจากหญิงขายบริการแล้ว ในสังคมปัจจุบันยังมีกะเทยหรือสาวประเภทสอง หรือแม้กระทั่งเด็กชายขายตัวให้แก่ผู้ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันก็มีแล้ว และแม้จะเป็นสาวประเภทสองหรือเป็นผู้ชาย ถ้าขายบริการทางเพศก็คงจะเรียกโสเภณีได้เช่นกัน
2. หาบเร่อันได้แก่ พ่อค้าแม่ขายที่นำเอาขนมหรือของกินประเภทใดก็ได้ใส่ภาชนะ และวางบนสาแหรกแล้วใช้ไม้คานหาบมาเร่ขายตามถนนหนทาง หรืออาจวางหาบขายในที่ใดที่หนึ่งในลักษณะไม่ประจำ หรือประจำแต่เช้ามาและเย็นกลับบ้าน และในปัจจุบันคงรวมไปถึงพ่อค้าเร่ที่นำสินค้าใส่รถมาขายด้วย
3. แผงลอยหมายถึงพ่อค้า แม่ค้าที่นำสินค้ามาวางขายในย่านที่คนสัญจรไปมาหนาแน่น มีทั้งเช้าขนมาและเย็นขนกลับไปจนถึงเช้าวางแผงขาย และเย็นก็วางแผงไว้แล้วนอนเฝ้าหรือไม่นอนเฝ้าก็แล้วแต่ประเภทสินค้า
ในประเทศไทยเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เป็นต้น ทั้ง 3 กลุ่มอาชีพนี้มีอยู่ดาษดื่นและในบางแห่ง เช่น กรุงเทพฯ กำลังเป็นปัญหาให้แก้ไขอยู่ในขณะนี้
เริ่มด้วยปัญหาโสเภณี รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามธุรกิจค้ากามที่มีการหลอกลวงหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงหญิงสาวที่ถูกหลอกมาจากชนบทในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายปราบปรามการค้ามนุษย์
หาบเร่และแผงลอย ก็มีการจัดระเบียบอย่างจริงจังจากฝ่ายบริหาร จะเห็นได้จากการแก้ปัญหาหาบเร่และแผงลอยของ กทม.เพื่อแก้ปัญหาการกีดขวางการสัญจรบนทางเท้า และเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นระเบียบถึงความสกปรกหลายพื้นที่ในขณะนี้
ทำไมต้องจัดการปราบปรามโสเภณีและต้องจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย และจัดการแล้วโสเภณีจะหมดไปไหม ส่วนหาบเร่และแผงลอยจะจัดระเบียบอย่างไร
เกี่ยวกับประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้น ถ้าท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูสาเหตุแห่งปัญหาก็พบว่า ทั้ง 3 กลุ่มอาชีพนี้ก็จะพบว่ามีแนวทางแก้ปัญหาดังต่อไปนี้
1. ปัญหาโสเภณีหรือหญิงขายบริการทางเพศเป็นปัญหามีรากเหง้ามาจากความยากจน และพฤติกรรมฟุ้งเฟ้อแต่มีรายได้จำกัด จึงต้องขายบริการ ทั้งนี้จะเห็นได้จากรูปแบบของการเป็นโสเภณี โดยมีรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่เป็นโสเภณีเร่ร่อนอาศัยเงาเสาไฟฟ้า ต้นไม้ตามสวนลุมฯ สนามหลวงกลายมาเป็นประจำซ่อง พัฒนารูปแบบเป็นหมอนวด จนกระทั่งนางทางโทรศัพท์ และทางอินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งขายผ่านนายหน้าที่นำไปเสนอขายผู้ที่มีเงิน
ด้วยเหตุนี้ โสเภณีจะแก้ให้หมดไปคงจะทำได้ยาก แต่ถ้าจะควบคุมให้อยู่เป็นที่เป็นทางมีการควบคุมเพื่อป้องกันการหลอกลวง และป้องกันโรคติดต่อคงจะทำได้ และน่าจะเป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาศัยกฎหมาย
ส่วนแบบในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้โสเภณีเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่จะต้องอยู่ในที่มีกฎหมายกำหนดไว้ โดยเฉพาะป้องกันมิให้เที่ยวเร่ร่อนบริการทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของต่างชาติ และผู้ที่ต้องการทำอาชีพนี้จะต้องขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และถ้าเมื่อไหร่ต้องการเลิกก็จะต้องจัดการอบรมอาชีพไว้รองรับด้วย
ถ้ารัฐทำได้เช่นนี้ ปัญหาการล่อลวงหญิงมาเป็นโสเภณี และการบังคับขู่เข็ญให้ประกอบอาชีพนี้จากบรรดาแมงดาก็จะหมดไปด้วย
2. หาบเร่และแผงลอยโดยเนื้อแท้มิใช่อาชีพที่กฎหมายห้าม แต่จะเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อวางขายในที่กีดขวางทางสัญจร และทำให้เกิดความสกปรก
ดังนั้น แนวทางแก้ไขก็คงไม่ยาก เมื่อเทียบกับปัญหาโสเภณี เพียงแต่จะต้องได้รับการยอมรับจากพ่อค้า แม่ค้าเท่านั้น และวิธีการที่จะทำให้พ่อค้า แม่ค้ายอมรับก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ เข้าไปอยู่ในที่ทางการจัดให้ และมีการควบคุมให้เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางการสัญจร แต่พวกเขาจะต้องขายได้และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เดิมซึ่งเคยอยู่ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
2.1 จัดหาที่ขายซึ่งไปมาสะดวก และสามารถขายสินค้าได้ไม่น้อยกว่าที่เดิม
2.2 สถานที่ขายที่จัดให้ใหม่ จะต้องไม่ไกลจากจุดเดิมและจะต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย
2.3 ทางรัฐบาลโดยฝ่ายบริหารบ้านเมืองจะต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักสถานที่ใหม่ เป็นการช่วยให้ผู้ขายมีโอกาสขายได้
สุดท้ายขอย้ำว่า 3 กลุ่มอาชีพนี้ เดิมส่วนหนึ่งของสังคมเมืองจะขจัดให้หมดไปคงทำไม่ได้ แต่สามารถจัดระเบียบให้อยู่ร่วมกับคนส่วนใหญ่ในสังคมเมืองได้
1. โสเภณีหรือหญิงขายบริการทางเพศ โดยมีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น หญิงงามเมือง ซึ่งแปลมาจากคำว่า นครโสเภณีมีมาแล้วในอินเดียตั้งแต่ครั้งพุทธกาล โดยมีหลักฐานปรากฏชัดว่า เมื่อครั้งนั้นมีหญิงนครโสเภณีนางหนึ่งชื่อว่า สิริมา มีค่าตัวแพงถึงพันกหาปณะการให้บริการหนึ่งครั้ง
นอกจากหญิงขายบริการแล้ว ในสังคมปัจจุบันยังมีกะเทยหรือสาวประเภทสอง หรือแม้กระทั่งเด็กชายขายตัวให้แก่ผู้ชายที่ชอบไม้ป่าเดียวกันก็มีแล้ว และแม้จะเป็นสาวประเภทสองหรือเป็นผู้ชาย ถ้าขายบริการทางเพศก็คงจะเรียกโสเภณีได้เช่นกัน
2. หาบเร่อันได้แก่ พ่อค้าแม่ขายที่นำเอาขนมหรือของกินประเภทใดก็ได้ใส่ภาชนะ และวางบนสาแหรกแล้วใช้ไม้คานหาบมาเร่ขายตามถนนหนทาง หรืออาจวางหาบขายในที่ใดที่หนึ่งในลักษณะไม่ประจำ หรือประจำแต่เช้ามาและเย็นกลับบ้าน และในปัจจุบันคงรวมไปถึงพ่อค้าเร่ที่นำสินค้าใส่รถมาขายด้วย
3. แผงลอยหมายถึงพ่อค้า แม่ค้าที่นำสินค้ามาวางขายในย่านที่คนสัญจรไปมาหนาแน่น มีทั้งเช้าขนมาและเย็นขนกลับไปจนถึงเช้าวางแผงขาย และเย็นก็วางแผงไว้แล้วนอนเฝ้าหรือไม่นอนเฝ้าก็แล้วแต่ประเภทสินค้า
ในประเทศไทยเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เป็นต้น ทั้ง 3 กลุ่มอาชีพนี้มีอยู่ดาษดื่นและในบางแห่ง เช่น กรุงเทพฯ กำลังเป็นปัญหาให้แก้ไขอยู่ในขณะนี้
เริ่มด้วยปัญหาโสเภณี รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามธุรกิจค้ากามที่มีการหลอกลวงหญิงสาวจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงหญิงสาวที่ถูกหลอกมาจากชนบทในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายปราบปรามการค้ามนุษย์
หาบเร่และแผงลอย ก็มีการจัดระเบียบอย่างจริงจังจากฝ่ายบริหาร จะเห็นได้จากการแก้ปัญหาหาบเร่และแผงลอยของ กทม.เพื่อแก้ปัญหาการกีดขวางการสัญจรบนทางเท้า และเพื่อแก้ปัญหาความไม่เป็นระเบียบถึงความสกปรกหลายพื้นที่ในขณะนี้
ทำไมต้องจัดการปราบปรามโสเภณีและต้องจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย และจัดการแล้วโสเภณีจะหมดไปไหม ส่วนหาบเร่และแผงลอยจะจัดระเบียบอย่างไร
เกี่ยวกับประเด็นแห่งปัญหาดังกล่าวข้างต้น ถ้าท่านผู้อ่านลองย้อนไปดูสาเหตุแห่งปัญหาก็พบว่า ทั้ง 3 กลุ่มอาชีพนี้ก็จะพบว่ามีแนวทางแก้ปัญหาดังต่อไปนี้
1. ปัญหาโสเภณีหรือหญิงขายบริการทางเพศเป็นปัญหามีรากเหง้ามาจากความยากจน และพฤติกรรมฟุ้งเฟ้อแต่มีรายได้จำกัด จึงต้องขายบริการ ทั้งนี้จะเห็นได้จากรูปแบบของการเป็นโสเภณี โดยมีรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่เป็นโสเภณีเร่ร่อนอาศัยเงาเสาไฟฟ้า ต้นไม้ตามสวนลุมฯ สนามหลวงกลายมาเป็นประจำซ่อง พัฒนารูปแบบเป็นหมอนวด จนกระทั่งนางทางโทรศัพท์ และทางอินเทอร์เน็ต หรือแม้กระทั่งขายผ่านนายหน้าที่นำไปเสนอขายผู้ที่มีเงิน
ด้วยเหตุนี้ โสเภณีจะแก้ให้หมดไปคงจะทำได้ยาก แต่ถ้าจะควบคุมให้อยู่เป็นที่เป็นทางมีการควบคุมเพื่อป้องกันการหลอกลวง และป้องกันโรคติดต่อคงจะทำได้ และน่าจะเป็นวิธีแก้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยอาศัยกฎหมาย
ส่วนแบบในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้โสเภณีเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย แต่จะต้องอยู่ในที่มีกฎหมายกำหนดไว้ โดยเฉพาะป้องกันมิให้เที่ยวเร่ร่อนบริการทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของต่างชาติ และผู้ที่ต้องการทำอาชีพนี้จะต้องขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และถ้าเมื่อไหร่ต้องการเลิกก็จะต้องจัดการอบรมอาชีพไว้รองรับด้วย
ถ้ารัฐทำได้เช่นนี้ ปัญหาการล่อลวงหญิงมาเป็นโสเภณี และการบังคับขู่เข็ญให้ประกอบอาชีพนี้จากบรรดาแมงดาก็จะหมดไปด้วย
2. หาบเร่และแผงลอยโดยเนื้อแท้มิใช่อาชีพที่กฎหมายห้าม แต่จะเข้าข่ายผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อวางขายในที่กีดขวางทางสัญจร และทำให้เกิดความสกปรก
ดังนั้น แนวทางแก้ไขก็คงไม่ยาก เมื่อเทียบกับปัญหาโสเภณี เพียงแต่จะต้องได้รับการยอมรับจากพ่อค้า แม่ค้าเท่านั้น และวิธีการที่จะทำให้พ่อค้า แม่ค้ายอมรับก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ เข้าไปอยู่ในที่ทางการจัดให้ และมีการควบคุมให้เป็นระเบียบ ไม่กีดขวางการสัญจร แต่พวกเขาจะต้องขายได้และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เดิมซึ่งเคยอยู่ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
2.1 จัดหาที่ขายซึ่งไปมาสะดวก และสามารถขายสินค้าได้ไม่น้อยกว่าที่เดิม
2.2 สถานที่ขายที่จัดให้ใหม่ จะต้องไม่ไกลจากจุดเดิมและจะต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย
2.3 ทางรัฐบาลโดยฝ่ายบริหารบ้านเมืองจะต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักสถานที่ใหม่ เป็นการช่วยให้ผู้ขายมีโอกาสขายได้
สุดท้ายขอย้ำว่า 3 กลุ่มอาชีพนี้ เดิมส่วนหนึ่งของสังคมเมืองจะขจัดให้หมดไปคงทำไม่ได้ แต่สามารถจัดระเบียบให้อยู่ร่วมกับคนส่วนใหญ่ในสังคมเมืองได้