ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตำรวจภาค 2 รวบนายหน้าค้ากามชาวไทย ลวงเด็กชายวัยกระเตาะไปให้ต่างชาติทำอนาจารภายในห้องพักให้เช่าแบบรายวัน ซอยกอไผ่ ย่านพัทยาใต้
ค่ำวานนี้ (24 พ.ค.) พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์ ผู้กำกับการวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมกำลังร่วมกันจับกุม นายยศพล หรือเจมส์ สุรวิชัย อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนัก 0.8 กรัม และถุงยางอนามัยอีกจำนวนหนึ่ง หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครอง
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า มีคนล่อลวงเด็กชายชาวไทยมาค้าประเวณีให้แก่ชาวต่างชาติในพื้นที่เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่จึงทำการออกสืบสวนหาข่าวก่อนส่งสายลับชาวต่างชาตินำเงินสด จำนวน 8,000 บาท ทำการล่อซื้อเด็กชายอายุระหว่าง 14-16 ปี รวม 4 คน แล้วนัดหมายกันไปเปิดปาร์ตี้ที่ห้องพักให้เช่าแบบรายวัน ภายในซอยกอไผ่ ย่านพัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โดยกระทั่งถึงเวลานัดหมาย นายยศพล ได้พาเด็กชายทั้ง 4 คน มาที่ห้องดังกล่าว และรับเงินเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระจายกำลังซุ่มอยู่ใกล้เคียงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงของ นายยศพล พบยาไอซ์หนัก 0.8 กรัม จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายยศพล ให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพเป็นเอเยนต์คอยจัดหาเด็กชายให้แก่ชายชาวต่างชาติที่มีรสนิยมชื่นชอบไม้ป่าเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวอเมริกัน และชาวยุโรปที่มาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา โดยคิดราคาค่าตัว 2,000 บาท และจะให้เด็ก 500-1,000 บาท ที่เหลือจะเก็บไว้เป็นค่านายหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะไปหาเด็กย่านชายหาดพัทยา หรือไม่ก็ตามร้านเกมอินเทอร์เน็ต
จากนั้นจะล่อลวงเด็ก และชักจูงด้วยวิธีการต่างๆ นานาเพื่อให้เด็กตายใจ ก่อนส่งไปให้ต่างชาติวิตถารกระทำอนาจาร พอสำเร็จกิจก็จะแบ่งเงินให้เด็กเพื่อล่อใจให้กลับมาอยู่ในวังวนเดิมๆ นอกจากนี้ ตรวจสอบประวัติของ นายยศพล ยังพบว่า เคยต้องคดีข้อหาค้ามนุษย์ และยาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 3 เดือนเศษ ก่อนหวนกลับมาค้ามนุษย์อีกเหมือนเดิม ซึ่งผู้ต้องหาให้การอ้างว่า สาเหตุที่ทำเพราะต้องการหาเงินมาเป็นค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากตัวเองประสบอุบัติเหตุจนขาหัก
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้น ได้แจ้งข้อหาหนักหลายข้อหา เช่น ค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหาฯ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครอง ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป