ผู้จัดการรายวัน 360 - ตื่นข่าววินาศกรรม ทหาร-ตร.ปูพรมค้นหลายจุด รามคำแหง-ปากน้ำ-มีนบุรี ได้ผู้ต้องสงสัยพร้อมของกลางนับสิบ “ศานิตย์” อ้างแค่ตั้งสมมติฐาน ให้ จนท.มีความเข้มในการป้องกันเหตุ สตช.แจ้งเตือนเฝ้าระวังรถถูกโจรกรรมจากพื้นที่ภาคใต้ หวั่นถูกนำไปก่อเหตุคาร์บอมบ์กว่า 30 คัน สั่งจับตาเป็นพิเศษ 2 คัน มิตซูบิซิ ไทรทัน สีดำ - ฮอนด้าสีดำ
จากกรณีที่กรณีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เปิดเผยข้อมูลทางการข่าวว่า อาจมีการก่อความไม่สงบในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวม 3 จุด ในช่วงระหว่างวันที่ 25 - 30 ต.ค.นี้ ส่งผลให้มีความเคลื่อนไหวของหลายหน่วยงาน
วานนี้ (11 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งกำลังตรวจสอบภัยด้านความมั่นคงในหลายพื้นที่ โดยในช่วงเช้า พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เป็นประธานปล่อยแถว ตำรวจกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 กว่า 100 นาย เพื่อตรวจสอบพื้นที่ย่านรามคำแหง กทม. โดยเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ SK ภายใน ซ.รามคำแหง 53 ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชั้น จากการตรวจค้นห้องเป้าหมาย จำนวน 4 ห้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ทั้งหมดเกือบ 10 คน
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 เปิดเผยว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเฝ้าระวังภัยด้านความมั่นคง รวมถึงเฝ้าระวังภัยหลังประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 ซึ่งมีผู้นำ 33 ประเทศ เข้าร่วม ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป นอกการมาตรการด้านความมั่นคงแล้ว เจ้าหน้าที่ได้ติดตามผู้ต้องหาที่มีหมายจับค้างเก่า รวมถึงผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมด้วย ขณะที่มาตรการเฝ้าระวังภัยเจ้าหน้าที่จะเน้นสถานที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น การตรวจค้นในครั้งนี้เจ้าหน้าที่กระจายกำลังเข้าตามพื้นที่เป้าหมายรวมทั้งหมด 9 จุด ซึ่งหลังควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยจะนำตัวไปสอบสวนต่อที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
** “ศานิตย์” นำค้นอู่รถย่านราษฎร์อุทิศ
เมื่อเวลา 07.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (กตว.บก.สปพ.บช.น.) และเจ้าหน้าที่เทศกิจ กว่า 30 นาย ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นอาคารไมมูณาการ์เด้นโฮม ซ.ราษฎร์อุทิศ 25/8 และอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อ ซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นสถานที่พักเป้าหมายและเฝ้าระวังที่อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาพักอาศัยเพื่อตระเตรียมการที่จะก่อเหตุ โดยใช้เวลาตรวจค้นกว่า 1 ชั่วโมง ไม่พบสิ่งปกติ
หลังเสร็จสิ้นการปิดล้อมตรวจค้น พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า สำหรับข่าวว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในพื้นที่ กทม. และปริมณฑลในช่วงปลายเดือนนั้น เป็นเพียงการตั้งสมมติฐาน ให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มในการป้องกันเหตุตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สถานทูต จุดเสี่ยงจุดล่อแหลม จึงอยากให้พี่น้องประชาชนมีส่วนช่วยในการสังเกตตรวจตราบุคคลแปลกหน้า รถยนต์ต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัยต่างๆ รวมไปถึงสถานประกอบการต่างๆ ที่จำหน่ายสารตั้งต้นที่จะนำไปประกอบวัตถุระเบิด หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
** “บิ๊กตู่” ขออย่าขยายความปมเตือนบึ้ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีการเตือนเรื่องเหตุรุนแรงเสมอมา ขณะเดียวกันสื่อมวลชนต้องระมัดระวังในการขยายความ อย่าทำให้ตื่นตระหนก ควรเสนอให้สังคมรับรู้แต่พอควร เพราะอาจขยายไปสู่ต่างประเทศจนเกิดผลกระทบตามมามากมาย จึงขอให้ทุกคนเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่และปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงาน
ส่วนการข่าวแจ้งเตือนดังกล่าว มีความเชื่อมโยงจากเหตุระเบิดหลายจุดในช่วงวันที่ 11-12 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เป็นการทำงานด้านการข่าวที่กำลังสืบสวนอยู่ในขณะนี้ จึงขอสื่ออย่าเพิ่งประโคมข่าว
เมื่อถามย้ำว่ากรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาวันสถาปนากลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไปให้ความสำคัญกับวันเกิดเขาทำไม ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการที่ไปขยายความให้กลุ่มที่ใช้ความรุนแรง วันนี้ทั้งโลกมีปัญหาหมด ถ้าผมพูดแรงเกินไปเขาก็นำไปเป็นประเด็นที่ใช้ความรุนแรงตอบโต้กลับมา วันสำคัญอื่นเยอะแยะไป".
** สตช.เฝ้าระวังรถขโมย 30 คัน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีรายงานว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการจารกรรมรถยนต์ จักรยานยนต์ สตช.เปิดเผยข้อมูลรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในพื้นที่ภาคใต้ที่อาจถูกนำไปใช้ก่อเหตุความไม่สงบหรือคาร์บอมบ์ในพื้นที่ต่างๆ โดยส่วนใหญ่พบว่าเป็นรถยนต์ปิกอัพ และรถเก๋งนั่งส่วนบุคคลที่หายไปจากพื้นที่ตั้งแต่ปี 2555-2559 รวมทั้งหมด 30 คัน ประกอบด้วย ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส จำนวน 10 คัน ในพื้นที่ จ.ปัตตานี จำนวน 12 คัน และ จ.สงขลา จำนวน 8 คัน
นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนรถยนต์เฝ้าระวังพิเศษในพื้นที่ สภ.เมืองยะลา จำนวน 2 คัน คือ รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิซิ รุ่นไทรทัน สีดำ ทะเบียน บต 3597 ยะลา และรถยนต์ฮอนด้า สีดำ ทะเบียน วฐ 1563 กทม. จากการสืบสวนทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ขนส่งคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 10-12 ส.ค.59 คาดว่าคนร้ายจะนำรถยนต์คันดังกล่าวไปประกอบเป็นรถยนต์คาร์บอมบ์เพื่อก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้.