เที่ยวบินเช่าเหมาลำนำพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรวม 38 ชีวิตบินตรงสู่ฮาวาย เพื่อร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ถูกหยิบยกเป็นประเด็นโจมตีในวงกว้าง
เพราะเที่ยวบินนี้ มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 20,95,800 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตกหัวละกว่า 5 แสนบาท
เฟซบุ๊ก “หยุดดัดจริตประเทศไทย” ซึ่งสนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และเว็บไซต์เสื้อแดง ถือโอกาสรุมกระหน่ำเที่ยวบินของพล.อ.ประวิตรอย่างหนัก ตั้งคำถามการใช้จ่ายค่าอาหารบนเครื่องบินจำนวน 600,000 บาท เพราะเมื่อมีการจัดอาหารบนเครื่องรวมค่าตั๋วไว้แล้ว ทำไมจึงเผาเงินชาติ จัดบุฟเฟ่ต์ไวน์เมากันบนเครื่องบินหรือไง
เรื่องมัวหมองของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ทันจางหาย เที่ยวบินชั้นพิเศษของพล.อ.ประวิตรก็ฉาวโฉ่ขึ้นมาอีก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับบทหนัก
ไม่มีใครตั้งประเด็นการทุจริตแต่อย่างใด เพียงแต่ข้องใจว่า ทำไมเที่ยวบินนี้จึงต้องถลุงงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ทำไมจึงต้องเช่าเหมาลำเครื่องของการบินไทย ทำไมต้องขนคณะไป 38 คน และทำไมค่าอาหารเครื่องดื่มจึงสูงถึง 600,000 บาท
รายละเอียดค่าใช้จ่ายเที่ยวบินพิเศษครั้งนี้ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบิน 3,835,200 บาท ค่าเชื้อเพลิงอากาศยาน 10,776,000 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน 600,000 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปฏิบัติการภาคพื้นดิน 2,636,400 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 3,106,200 บาท
โฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงถึงความจำเป็นในการเช่าเหมาลำเที่ยวบินไปฮาวาย โดยอ้างว่า ไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปฮาวาย หากใช้สายการบินทั่วไป ต้องต่อเครื่องหลายครั้งซึ่งไม่ได้บินทุกวัน ทำให้ต้องใช้เวลาเดินทาง และอาจพลาดกำหนดการประชุมได้
แต่คำแถลงของโฆษกกลาโหม ไม่ได้คลายปมที่สังคมตั้งข้อสงสัยในเรื่องค่าใช้จ่ายที่มโหฬารสักเท่าไหร่ พล.อ.ประวิตรจึงต้องออกมาแจกแจงซ้ำ อธิบายถึงความจำเป็นในการเช่าเหมาลำ ความจำเป็นที่ต้องขนคณะไปชุดใหญ่ ส่วนค่าใช้จ่ายกว่า 20 ล้านบาทนั้น เป็นราคากลาง ซึ่งต้องรอสรุปตัวเลขรายจ่ายตามความเป็นจริง โดยเฉพาะค่าอาหาร
คำชี้แจงของพล.อ.ประวิตรแม้จะมีเหตุมีผล แต่ไม่อาจกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะเที่ยวบินวีไอพีสู่ฮาวาย เป็นการใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเกินความจำเป็น สวนทางกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
และการเดินทางไปราชการต่างประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ได้กลายเป็นตัวเปรียบเทียบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคณะของพล.อ.ประวิตร เพราะไม่ได้ขนคนไปมากมาย และใช้สายการบินปกติทั่วไป โดยพร้อมรอคอยตารางบิน พร้อมจะต่อเครื่อง จึงไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ค่าอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบินคณะของพล.อ.ประวิตร เที่ยวไปและกลับยอดเงินรวม 600,000 บาท หรือเฉลี่ยหัวละประมาณ 16,000 บาท และถ้าคิดต่อเที่ยวจะตกหัวละ 8,000 บาท ทำให้เกิดคำถามว่า มีการตั้งวงปาร์ตี้ มีไวน์ชั้นดีบริการตลอดการเดินทางหรือไม่
ส่วนคณะที่ขนกันไปถึง 38 คนนั้น มีคำถามว่า เป็นใครกันบ้าง ทุกคนมีความจำเป็นทางราชการจริงหรือไม่ เพราะถ้าจำกัดผู้ร่วมเดินทาง คัดเฉพาะผู้เกี่ยวข้องจริงๆ คณะของพล.อ.ประวิตรจะเป็นเพียงคณะเล็กๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเช่าเหมาลำ และไม่ต้องตกเป็นขี้ปากนินทาของชาวบ้านก็ได้
37 ชีวิตที่พล.อ.ประวิตรหอบหิ้วร่วมคณะไปด้วยนั้น จะต้องตีแผ่ให้สาธารณชนรับรู้ ค่าอาหารและเครื่องดื่มหัวละประมาณ 8,000 บาทต่อเที่ยวบินนั้น สังคมยังต้องการรายละเอียดการใช้จ่าย และมีเมนูอาหารอะไรบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ถูกโจมตีในประเด็นคนรอบข้างมาตลอด และพล.อ.ประวิตรเป็นอีกหนึ่งในคนรอบข้าง ซึ่งควรจะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดเรื่องมัวหมอง เพราะจะตกเป็นเป้าการโจมตี กลายเป็นจุดอ่อนของพล.อ.ประยุทธ์
เที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ แม้กระแสโจมตีจะพุ่งไปที่พล.อ.ประวิตรโดยตรง แต่คนที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนไปด้วยคือพล.อ.ประยุทธ์ เพราะปัญหาคนรอบข้างจะถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำ กระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์คงกลุ้มเหมือนกัน จะแก้ปัญหาคนรอบข้างอย่างไรดี ใครรู้ทางออก ช่วยบอก “ลุงตู่” เอาบุญที
เพราะเที่ยวบินนี้ มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 20,95,800 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตกหัวละกว่า 5 แสนบาท
เฟซบุ๊ก “หยุดดัดจริตประเทศไทย” ซึ่งสนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตร และเว็บไซต์เสื้อแดง ถือโอกาสรุมกระหน่ำเที่ยวบินของพล.อ.ประวิตรอย่างหนัก ตั้งคำถามการใช้จ่ายค่าอาหารบนเครื่องบินจำนวน 600,000 บาท เพราะเมื่อมีการจัดอาหารบนเครื่องรวมค่าตั๋วไว้แล้ว ทำไมจึงเผาเงินชาติ จัดบุฟเฟ่ต์ไวน์เมากันบนเครื่องบินหรือไง
เรื่องมัวหมองของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่ทันจางหาย เที่ยวบินชั้นพิเศษของพล.อ.ประวิตรก็ฉาวโฉ่ขึ้นมาอีก ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับบทหนัก
ไม่มีใครตั้งประเด็นการทุจริตแต่อย่างใด เพียงแต่ข้องใจว่า ทำไมเที่ยวบินนี้จึงต้องถลุงงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท ทำไมจึงต้องเช่าเหมาลำเครื่องของการบินไทย ทำไมต้องขนคณะไป 38 คน และทำไมค่าอาหารเครื่องดื่มจึงสูงถึง 600,000 บาท
รายละเอียดค่าใช้จ่ายเที่ยวบินพิเศษครั้งนี้ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบิน 3,835,200 บาท ค่าเชื้อเพลิงอากาศยาน 10,776,000 บาท ค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน 600,000 บาท ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปฏิบัติการภาคพื้นดิน 2,636,400 บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ 3,106,200 บาท
โฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาชี้แจงถึงความจำเป็นในการเช่าเหมาลำเที่ยวบินไปฮาวาย โดยอ้างว่า ไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปฮาวาย หากใช้สายการบินทั่วไป ต้องต่อเครื่องหลายครั้งซึ่งไม่ได้บินทุกวัน ทำให้ต้องใช้เวลาเดินทาง และอาจพลาดกำหนดการประชุมได้
แต่คำแถลงของโฆษกกลาโหม ไม่ได้คลายปมที่สังคมตั้งข้อสงสัยในเรื่องค่าใช้จ่ายที่มโหฬารสักเท่าไหร่ พล.อ.ประวิตรจึงต้องออกมาแจกแจงซ้ำ อธิบายถึงความจำเป็นในการเช่าเหมาลำ ความจำเป็นที่ต้องขนคณะไปชุดใหญ่ ส่วนค่าใช้จ่ายกว่า 20 ล้านบาทนั้น เป็นราคากลาง ซึ่งต้องรอสรุปตัวเลขรายจ่ายตามความเป็นจริง โดยเฉพาะค่าอาหาร
คำชี้แจงของพล.อ.ประวิตรแม้จะมีเหตุมีผล แต่ไม่อาจกลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะเที่ยวบินวีไอพีสู่ฮาวาย เป็นการใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อเกินความจำเป็น สวนทางกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง
และการเดินทางไปราชการต่างประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ได้กลายเป็นตัวเปรียบเทียบที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับคณะของพล.อ.ประวิตร เพราะไม่ได้ขนคนไปมากมาย และใช้สายการบินปกติทั่วไป โดยพร้อมรอคอยตารางบิน พร้อมจะต่อเครื่อง จึงไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
ค่าอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบินคณะของพล.อ.ประวิตร เที่ยวไปและกลับยอดเงินรวม 600,000 บาท หรือเฉลี่ยหัวละประมาณ 16,000 บาท และถ้าคิดต่อเที่ยวจะตกหัวละ 8,000 บาท ทำให้เกิดคำถามว่า มีการตั้งวงปาร์ตี้ มีไวน์ชั้นดีบริการตลอดการเดินทางหรือไม่
ส่วนคณะที่ขนกันไปถึง 38 คนนั้น มีคำถามว่า เป็นใครกันบ้าง ทุกคนมีความจำเป็นทางราชการจริงหรือไม่ เพราะถ้าจำกัดผู้ร่วมเดินทาง คัดเฉพาะผู้เกี่ยวข้องจริงๆ คณะของพล.อ.ประวิตรจะเป็นเพียงคณะเล็กๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเช่าเหมาลำ และไม่ต้องตกเป็นขี้ปากนินทาของชาวบ้านก็ได้
37 ชีวิตที่พล.อ.ประวิตรหอบหิ้วร่วมคณะไปด้วยนั้น จะต้องตีแผ่ให้สาธารณชนรับรู้ ค่าอาหารและเครื่องดื่มหัวละประมาณ 8,000 บาทต่อเที่ยวบินนั้น สังคมยังต้องการรายละเอียดการใช้จ่าย และมีเมนูอาหารอะไรบ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ถูกโจมตีในประเด็นคนรอบข้างมาตลอด และพล.อ.ประวิตรเป็นอีกหนึ่งในคนรอบข้าง ซึ่งควรจะต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดเรื่องมัวหมอง เพราะจะตกเป็นเป้าการโจมตี กลายเป็นจุดอ่อนของพล.อ.ประยุทธ์
เที่ยวบินพิเศษเช่าเหมาลำ แม้กระแสโจมตีจะพุ่งไปที่พล.อ.ประวิตรโดยตรง แต่คนที่ต้องรับแรงสั่นสะเทือนไปด้วยคือพล.อ.ประยุทธ์ เพราะปัญหาคนรอบข้างจะถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำ กระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์คงกลุ้มเหมือนกัน จะแก้ปัญหาคนรอบข้างอย่างไรดี ใครรู้ทางออก ช่วยบอก “ลุงตู่” เอาบุญที