ท่านผู้นำเผชิญปัญหาหนักอก จะว่าถึงขั้นวิกฤตก็อาจยังไม่ใช่ แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่จัดการให้เหมาะสม ย่อมมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบต่อสภาวะการเป็นผู้นำรัฐบาล แผนต่างๆ ที่วางไว้ในกรณีที่มี จะทำให้ไม่ราบรื่นตามคาด เมื่อมีสิ่งรบกวนด้านความน่าเชื่อถือ
อย่างที่รู้กันนั่นแหละ ความท้าทายความสามารถในการจัดการปัญหาในฐานะผู้นำรัฐบาล และ คสช.เป็นเรื่องข้อครหาต่างๆ เกี่ยวโยงกับพฤติกรรมด้านลบของเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตามสภาวะ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”
ใครเจอปัญหาเพื่อนพ้องน้องพี่หรือบริวารเป็นพิษแบบคุณท่านผู้นำ ย่อมตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แม้จะประกาศว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ ไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด หรือให้การช่วยเหลือ แต่ยังมีความสงสัยอยู่ในกลุ่มตรงข้ามกับคุณท่าน
แม้แต่แม่นางเห็ดบาน นักซื้อข้าวแพงมาขายถูกยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วแนวเหน็บเจ็บๆ ว่าอยากให้ตัวเองได้รับการปฏิบัติในระนาบเดียวกัน คือความเที่ยงธรรมในข้อกล่าวหาเรื่องการรับจำนำข้าว เข้าทำนองน้องใครพี่มัน ไม่ควรมีความต่างในด้านบรรทัดฐานหลักปฏิบัติ
คุณท่านจะรอดปลอดภัยจากผลกระทบของข้อครหาด้านลบในพฤติกรรมของเพื่อนพ้องน้องพี่หรือไม่ นั่นย่อมขึ้นกับการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระหรือหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รักษากฎหมายว่าเอาจริงเอาจัง “ไม่ไว้หน้าใคร จะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย” หรือไม่...
โดยธรรมเนียมปฏิบัติแบบไทยๆ คุณท่านผู้นำคงไม่ถึงกับต้องเหนื่อยจนสิ้นสภาพ ถึงอย่างไรสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านอย่างฉับพลัน ด้วยเหตุมีปัญหาเรื้อรังด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หมักหมมมานาน ยังดิ้นหาทางออกไม่ได้ง่ายๆ
คุณท่านจำเป็นต้องประคองตัวเองให้รอดจากแรงกดดันในช่วงนี้ โดยหวังว่ากาลเวลาจะเป็นตัวเยียวยาปัญหาที่ทำท่าจะยืดเยื้อ เป็นสภาพหยิกเล็บเจ็บเนื้อ เรื่องของน้องชายถูกลดระดับแรงบีบคั้นเพราะน้องชายเกษียณอายุราชการหลุดวงโคจรชั่วคราว
ปัญหาของรัฐมนตรีกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยิ่งไม่น่าห่วง เพราะย่อมต้องแก้ปัญหาเองอยู่แล้ว ดังเช่นในเรื่อง “การเดินทางไปฮาวาย” แม้จะมีเสียงวิพากย์อยู่ในขั้น “จุดติด” เพื่อโหมอารมณ์ร่วมในการสร้างทัศนคติเชิงลบก็ตาม กระแสก็ยังไม่แรงพอ
จะยากหรือง่าย อยู่ที่ว่าคุณท่านอยากอยู่ต่อยาวนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าไม่อยากเป็น ฝ่ายปรปักษ์อาจไม่ติดใจตอแยนานๆ ขอเพียงแต่ตอดเล็กตอดน้อย ถ้าในกรณีนักการเมืองได้กุมอำนาจรัฐ ย่อมเกิดความกังวลว่าจะมี “เช็กบิล”
วิกฤตการเมืองหลังการเลือกตั้งย่อมมีแน่ภายใต้เงื่อนไข กฎ กติกาการเมืองยุคใหม่ ถ้าพรรคการเมืองดิ้นรนต่อสู้ พรรคใหญ่จับมือกันเพื่อต้าน คสช.สภาพเช่นนั้นยิ่งมีความเป็นไปได้สูง ถ้าคุณท่านผู้นำไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำให้การหาตัวผู้นำไม่ง่ายดายนัก
สภาพการณ์ทุกวันนี้ ถึงจะมีโรดแหม็บๆ แต่ย่อมภาวะสุดวิสัย ทำให้ต้องเลื่อนออกไปเสมอ อารมณ์ของชาวบ้านยังไม่พร้อมเผชิญกับกลุ่มนักการเมืองซึ่งจะยังคงพฤติกรรมลงทุนซื้อเสียงแบบเดิมๆ เพื่อกุมอำนาจรัฐ ถอนทุนด้วยการโกงกินซ้ำซาก
เอาเป็นว่าคุณท่านลุงตู่ยังเต็งหาม แทบไม่มีคู่แข่งเว้นแต่จะเกิดวิกฤตความน่าเชื่อถือส่วนตนด้วยความพลาดพลั้งด้วยตัวเอง หรือด้วยเหตุบริวารเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นพิษ ถ้าปัญหานี้ยังยืดเยื้อ ทั้งมีประเด็นใหม่ต่อเนื่อง คุณท่านอาจบอบช้ำเกินไปที่จะขออยู่ต่อ
เอาเพียงแค่คำประกาศทุกวันนี้ว่า “ไม่เอาแล้ว” แต่ยังมีคนหรือสถานการณ์ปูทางให้กลับมาเป็นต่ออีก 2 สมัย ตามแผนซึ่งไม่ประกาศแล้ว ยังจะมีเสียงค่อนแคะเรื่องพลิกลิ้นเพื่อชาติแน่นอน ทำให้ความน่าเชื่อถือน้อยลง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นบังคับ ทำให้คนต้องลืม
สังคมการเมืองยุคใหม่ย่อมต้องการให้คุณท่านผู้นำจัดการปัญหาบริวาร เพื่อนพ้องน้องพี่เป็นพิษด้วยความเด็ดขาด ไม่เห็นแก่หน้าใคร ในการดำรงศรัทธาว่าเป็นผู้นำมีความกล้าหาญทางการเมือง ผลงานอาจถึงขั้นเป็นต้นแบบ เป็นรัฐบุรุษ ไม่ใช่พูดอย่าง ทำอย่าง
ถ้าเด็ดเดี่ยวถึงขั้นนั้น จะมีคำถามว่าคุ้มหรือไม่กับการต้องหักหาญบริวารเพื่อนพ้องน้องพี่ สร้างวีรกรรมผลงานการเมืองเพียงไม่กี่ปี แต่อาจต้องห่างเหินผิดใจกับคนเคยรักใคร่คุ้นเคย ต้องหมางเมินตลอดชีวิตที่เหลืออยู่หลังจากลงจากตำแหน่งผู้นำขวัญใจประชาชน
“เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คุณท่าน “ตัดไม่ตาย ขายไม่ขาด” ต้องกล้ำกลืนฝืนทน สภาพที่ “ต้องได้กับได้ ไม่มีเสียอะไรเลย” ในสังคมการเมือง เป็นไปได้ยาก!
ยิ่งมีการหักล้างกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับกลุ่มท่านเหลี่ยมเร่ร่อน แบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ รุกไล่จนขบวนการเสื้อแดงสมุนเหลี่ยมแทบไม่มีที่ยืน ไร้โอกาสเป็นใหญ่ทางการเมือง ก็ยิ่งมีแรงเสียดสีหนัก แต่คุณท่านย่อมตระหนักว่าสงครามย่อมมีคนบาดเจ็บ
ผลงานที่ผ่านมา แทบทำให้ไร้คู่แข่งผู้นำการเมือง ถูกมองว่าเป็น “ผลบุญสะสม” ห่อหุ้มกันแรงกระแทก ชะล้างมุมมองเชิงลบโดยสาธารณชนได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องสร้างบุญเพิ่มด้วยผลงานดีกว่าเดิมแบบ “ทำเสียหายเล็กน้อย เพื่อสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่า”
สังคมไทยไม่ควรคาดหวังเกินไป ในโลกนี้ย่อมไม่มีบุคคลซึ่งขาดไม่ได้ มีตัวตายตัวแทนเสมอ คุณท่านผู้นำวันนี้มีสภาพเป็นเช่นนี้ เผชิญปัญหาซึ่งเป็นบททดสอบคุณภาพความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้วางใจ ว่าเป็นบุคคลที่ยึดผลประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใดหรือไม่
อย่างน้อยเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ปี ก่อนการเลือกตั้ง ถ้ามี! ประชาชนยังมีโอกาสได้เฝ้าดูพฤติกรรม ผลงานของคุณท่านก่อนชี้ชัดว่าเป็นทองแท้หรือทองชุบ ตามเสียงปรามาส รักมากย่อมเสี่ยงต่อการผิดหวังมาก ทำใจได้ยาก ถ้าการทดสอบมีผลไม่น่าประทับใจนัก
ถึงเวลานั้น ถ้าคุณท่านจะอยู่ต่อ ชาวบ้านมีสิทธิบอก “เอา” หรือ “ไม่เอา” ได้เต็มปาก!
อย่างที่รู้กันนั่นแหละ ความท้าทายความสามารถในการจัดการปัญหาในฐานะผู้นำรัฐบาล และ คสช.เป็นเรื่องข้อครหาต่างๆ เกี่ยวโยงกับพฤติกรรมด้านลบของเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกตามสภาวะ “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน”
ใครเจอปัญหาเพื่อนพ้องน้องพี่หรือบริวารเป็นพิษแบบคุณท่านผู้นำ ย่อมตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แม้จะประกาศว่าให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบ ไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด หรือให้การช่วยเหลือ แต่ยังมีความสงสัยอยู่ในกลุ่มตรงข้ามกับคุณท่าน
แม้แต่แม่นางเห็ดบาน นักซื้อข้าวแพงมาขายถูกยังส่งเสียงเจื้อยแจ้วแนวเหน็บเจ็บๆ ว่าอยากให้ตัวเองได้รับการปฏิบัติในระนาบเดียวกัน คือความเที่ยงธรรมในข้อกล่าวหาเรื่องการรับจำนำข้าว เข้าทำนองน้องใครพี่มัน ไม่ควรมีความต่างในด้านบรรทัดฐานหลักปฏิบัติ
คุณท่านจะรอดปลอดภัยจากผลกระทบของข้อครหาด้านลบในพฤติกรรมของเพื่อนพ้องน้องพี่หรือไม่ นั่นย่อมขึ้นกับการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระหรือหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รักษากฎหมายว่าเอาจริงเอาจัง “ไม่ไว้หน้าใคร จะให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย” หรือไม่...
โดยธรรมเนียมปฏิบัติแบบไทยๆ คุณท่านผู้นำคงไม่ถึงกับต้องเหนื่อยจนสิ้นสภาพ ถึงอย่างไรสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านอย่างฉับพลัน ด้วยเหตุมีปัญหาเรื้อรังด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หมักหมมมานาน ยังดิ้นหาทางออกไม่ได้ง่ายๆ
คุณท่านจำเป็นต้องประคองตัวเองให้รอดจากแรงกดดันในช่วงนี้ โดยหวังว่ากาลเวลาจะเป็นตัวเยียวยาปัญหาที่ทำท่าจะยืดเยื้อ เป็นสภาพหยิกเล็บเจ็บเนื้อ เรื่องของน้องชายถูกลดระดับแรงบีบคั้นเพราะน้องชายเกษียณอายุราชการหลุดวงโคจรชั่วคราว
ปัญหาของรัฐมนตรีกลาโหม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ยิ่งไม่น่าห่วง เพราะย่อมต้องแก้ปัญหาเองอยู่แล้ว ดังเช่นในเรื่อง “การเดินทางไปฮาวาย” แม้จะมีเสียงวิพากย์อยู่ในขั้น “จุดติด” เพื่อโหมอารมณ์ร่วมในการสร้างทัศนคติเชิงลบก็ตาม กระแสก็ยังไม่แรงพอ
จะยากหรือง่าย อยู่ที่ว่าคุณท่านอยากอยู่ต่อยาวนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าไม่อยากเป็น ฝ่ายปรปักษ์อาจไม่ติดใจตอแยนานๆ ขอเพียงแต่ตอดเล็กตอดน้อย ถ้าในกรณีนักการเมืองได้กุมอำนาจรัฐ ย่อมเกิดความกังวลว่าจะมี “เช็กบิล”
วิกฤตการเมืองหลังการเลือกตั้งย่อมมีแน่ภายใต้เงื่อนไข กฎ กติกาการเมืองยุคใหม่ ถ้าพรรคการเมืองดิ้นรนต่อสู้ พรรคใหญ่จับมือกันเพื่อต้าน คสช.สภาพเช่นนั้นยิ่งมีความเป็นไปได้สูง ถ้าคุณท่านผู้นำไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทำให้การหาตัวผู้นำไม่ง่ายดายนัก
สภาพการณ์ทุกวันนี้ ถึงจะมีโรดแหม็บๆ แต่ย่อมภาวะสุดวิสัย ทำให้ต้องเลื่อนออกไปเสมอ อารมณ์ของชาวบ้านยังไม่พร้อมเผชิญกับกลุ่มนักการเมืองซึ่งจะยังคงพฤติกรรมลงทุนซื้อเสียงแบบเดิมๆ เพื่อกุมอำนาจรัฐ ถอนทุนด้วยการโกงกินซ้ำซาก
เอาเป็นว่าคุณท่านลุงตู่ยังเต็งหาม แทบไม่มีคู่แข่งเว้นแต่จะเกิดวิกฤตความน่าเชื่อถือส่วนตนด้วยความพลาดพลั้งด้วยตัวเอง หรือด้วยเหตุบริวารเพื่อนพ้องน้องพี่เป็นพิษ ถ้าปัญหานี้ยังยืดเยื้อ ทั้งมีประเด็นใหม่ต่อเนื่อง คุณท่านอาจบอบช้ำเกินไปที่จะขออยู่ต่อ
เอาเพียงแค่คำประกาศทุกวันนี้ว่า “ไม่เอาแล้ว” แต่ยังมีคนหรือสถานการณ์ปูทางให้กลับมาเป็นต่ออีก 2 สมัย ตามแผนซึ่งไม่ประกาศแล้ว ยังจะมีเสียงค่อนแคะเรื่องพลิกลิ้นเพื่อชาติแน่นอน ทำให้ความน่าเชื่อถือน้อยลง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นบังคับ ทำให้คนต้องลืม
สังคมการเมืองยุคใหม่ย่อมต้องการให้คุณท่านผู้นำจัดการปัญหาบริวาร เพื่อนพ้องน้องพี่เป็นพิษด้วยความเด็ดขาด ไม่เห็นแก่หน้าใคร ในการดำรงศรัทธาว่าเป็นผู้นำมีความกล้าหาญทางการเมือง ผลงานอาจถึงขั้นเป็นต้นแบบ เป็นรัฐบุรุษ ไม่ใช่พูดอย่าง ทำอย่าง
ถ้าเด็ดเดี่ยวถึงขั้นนั้น จะมีคำถามว่าคุ้มหรือไม่กับการต้องหักหาญบริวารเพื่อนพ้องน้องพี่ สร้างวีรกรรมผลงานการเมืองเพียงไม่กี่ปี แต่อาจต้องห่างเหินผิดใจกับคนเคยรักใคร่คุ้นเคย ต้องหมางเมินตลอดชีวิตที่เหลืออยู่หลังจากลงจากตำแหน่งผู้นำขวัญใจประชาชน
“เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คุณท่าน “ตัดไม่ตาย ขายไม่ขาด” ต้องกล้ำกลืนฝืนทน สภาพที่ “ต้องได้กับได้ ไม่มีเสียอะไรเลย” ในสังคมการเมือง เป็นไปได้ยาก!
ยิ่งมีการหักล้างกันอย่างเอาเป็นเอาตายกับกลุ่มท่านเหลี่ยมเร่ร่อน แบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ รุกไล่จนขบวนการเสื้อแดงสมุนเหลี่ยมแทบไม่มีที่ยืน ไร้โอกาสเป็นใหญ่ทางการเมือง ก็ยิ่งมีแรงเสียดสีหนัก แต่คุณท่านย่อมตระหนักว่าสงครามย่อมมีคนบาดเจ็บ
ผลงานที่ผ่านมา แทบทำให้ไร้คู่แข่งผู้นำการเมือง ถูกมองว่าเป็น “ผลบุญสะสม” ห่อหุ้มกันแรงกระแทก ชะล้างมุมมองเชิงลบโดยสาธารณชนได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องสร้างบุญเพิ่มด้วยผลงานดีกว่าเดิมแบบ “ทำเสียหายเล็กน้อย เพื่อสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่กว่า”
สังคมไทยไม่ควรคาดหวังเกินไป ในโลกนี้ย่อมไม่มีบุคคลซึ่งขาดไม่ได้ มีตัวตายตัวแทนเสมอ คุณท่านผู้นำวันนี้มีสภาพเป็นเช่นนี้ เผชิญปัญหาซึ่งเป็นบททดสอบคุณภาพความน่าเชื่อถือ ความน่าไว้วางใจ ว่าเป็นบุคคลที่ยึดผลประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใดหรือไม่
อย่างน้อยเหลือเวลาอีกเกือบ 2 ปี ก่อนการเลือกตั้ง ถ้ามี! ประชาชนยังมีโอกาสได้เฝ้าดูพฤติกรรม ผลงานของคุณท่านก่อนชี้ชัดว่าเป็นทองแท้หรือทองชุบ ตามเสียงปรามาส รักมากย่อมเสี่ยงต่อการผิดหวังมาก ทำใจได้ยาก ถ้าการทดสอบมีผลไม่น่าประทับใจนัก
ถึงเวลานั้น ถ้าคุณท่านจะอยู่ต่อ ชาวบ้านมีสิทธิบอก “เอา” หรือ “ไม่เอา” ได้เต็มปาก!