xs
xsm
sm
md
lg

คดี112-มั่นคงขึ้นศาลปกติ "บิ๊กป้อม"ยันชาติยังไม่สงบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-คสช.ใช้ม.44 สั่งคดี ม.112 และคดีความมั่นคง กลับขึ้นศาลปกติแทนศาลทหาร ยกเหตุประเทศเกิดความสงบ ประชาชนให้ร่วมมือ ประชามติผ่านท้วมท้น และเตรียมรับการบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ "บิ๊กป้อม"พูดเวทีปิดหลักสูตร วปอ. ยันชาติยังไม่สงบ ยังมีพวกป่วนเคลื่อนไหวสร้างความขัดแย้ง ด้านผบ.สส.-ผบ.ทบ.-รองผบ.ทบ. ตบเท้าพบนายกฯ ขอบคุณแต่งตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (12 ก.ย.) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 55/2559 เรื่อง การดําเนินการเกี่ยวกับคดีบางประเภทที่อยู่ในอํานาจศาลทหาร โดยกำหนดให้คดีที่เกิดขึ้นตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 เรื่อง ความผิดที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร , ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร และฉบับที่ 50/2557 เรื่อง ให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงคราม ซึ่งได้กระทำตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ ให้อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ส่วนคำสั่งที่ 13/2559 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยังคงมีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าวต่อไป

ทั้งนี้ สาเหตุของการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า สถานการณ์บ้านเมืองในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีความสงบเรียบร้อย ประชาชนร่วมมือในการนำประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มีการปฏิรูปประเทศตามขั้นตอน มีการสร้างความปรองดอง และประชามติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงควรผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ใช้สิทธิปฏิบัติหน้าที่ของตนและได้รับการคุ้มครองตามกลไกรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะประกาศใช้ในเร็ววันนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับความผิดตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 37/2557 คือ คดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตั้งแต่มาตรา 107 ถึงมาตรา 112 คดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่มาตรา 113 ถึงมาตรา 118 ส่วนความผิดตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 50 คือ คดีที่มีข้อหาว่ากระทำความผิดฐานมีหรือใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิด ที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490

วันเดียวกันนี้ ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เป็นประธานปิดหลักสูตรการศึกษาวิทยาลัยป้องกันอาณาจักรรุ่น 58 โดยมี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกเข้าร่วม

พล.อ.ประวิตรกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความยินดีแก่ผู้สำเร็จการศึกษาในวันนี้ เนื่องจาก วปอ. เป็นสถาบันการศึกษาสูงสุดของกระทรวงกลาโหม ที่มีทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน รัฐวิสาหกิจ นักการเมือง ถือเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงของประเทศ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งนักศึกษา วปอ. จะต้องช่วยกันสอดส่องดูแลภาพรวมของประเทศให้เกิดความสงบสุข เพราะ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ 2 ปีแล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน มีความสงบ แต่ถามว่าประเทศมีความสงบจริงหรือไม่ ก็ไม่ใช่ เพราะทุกอย่างยังมีการเคลื่อนไหวให้ประเทศเดินไปในลักษณะที่เขาต้องการ สร้างความขัดแย้งให้คนในชาติก็ยังมีอยู่ ทุกวันนี้ประเทศมีความสงบแต่ยังมีความขัดแย้ง

"อยากให้นักศึกษา วปอ.ได้ช่วยกันเพื่อให้ประเทศชาติสงบ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อประเทศชาติให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพราะทุกท่านเป็นผู้ใหญ่ในกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ทุกคนต้องร่วมมือกันทำเพื่อส่วนรวมของประเทศ ขอให้นำความรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศของเราเพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนตลอดไป"พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ได้เข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยช่วงเช้าได้เปิดโอกาสให้ข้าราชการทหารที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2559 เข้าพบเป็นการภายใน เพื่อขอบคุณและขอรับโอวาทตามธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งมีนายทหารทยอยเข้าพบ เช่น พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก เป็นรองผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค และ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ผู้ชำนาญการกองทัพบก ที่ได้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตราพลโท) เป็นต้น โดยโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวให้โอวาทในการปฏิบัติหน้าที่และมอบพระสมเด็จพิมพ์ใหญ่เนื้อผงผสมว่าน 108 ด้านหลังมีพระคาถากำกับ และกระเป๋าสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นที่ระลึก

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ถือเป็นประเพณีและธรรมเนียมของทหารที่จะเข้าขอพรผู้บังคับบัญชาสูงสุด และอดีตผู้บังคับบัญชาที่เป็นทั้งรุ่นพี่ที่ให้ความเคารพ ขอพรในโอกาสที่ได้เลื่อนยศและตำแหน่ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการทำหน้าที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้โอวาทตอนหนึ่งว่า การที่ทุกคนได้เลื่อนยศและตำแหน่งเป็นไปตามกุศลงานที่แต่ละคนได้ทำไว้ แต่ยศและตำแหน่งเป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่ง และหัวโขนเท่านั้น ขออย่าลืมความรับผิดชอบที่ต้องทำต่อประเทศ และในฐานะผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยการมองที่ใจทำให้เขามีความสุข จะได้ตอบสนองงานของหน่วยและประเทศได้ด้วย ดังนั้น ทุกคนจะต้องทำหน้าที่ให้ดีเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่สร้างบรรทัดฐานให้สังคมเข้าใจผิดว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งจะต้องสร้างสิ่งต่างๆ ไว้เป็นอนุสรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องขับเคลื่อนงานของหน่วยงานให้มีศักยภาพ นั่นคือภารกิจหลักของทหาร

ด้านพล.ต.วีรชน กล่าวว่า นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่าขอให้ทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ระมัดระวังและดูแลทุกคนให้เกิดความเท่าเทียม ทำงานทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ สถาบัน ทำงานเพื่อประชาชน ทำให้กองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น