ผู้จัดการรายวัน 360 - “กรมเจ้าท่า” นำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกู้ซากเรือล่มอยุธยาได้แล้ว พร้อมลากไปซ่อมที่ท่าเรือศรีเจริญ ยอดสังเวยเรือมรณะ 28 ราย ล่าสุดพบศพยายวัย 89 โซเชี่ยลรัมสับเผยคลิปภายในเรือก่อนล่ม ลูกเด็กร้องระงม ก.คมนาคมแจง ครม.ย้ำสาเหตุหลักบรรทุกคนเกิน
วานนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเรือโดยสารสมบัติมงคลชัยทับทิม ล่มที่บริเวณท่าน้ำวัดสนามไชย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจากหน่วยงานต่างๆ และอาสากู้ภัยได้ร่วมกันปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันที่ 19 ก.ย.จนกระทั่งเวลา 19.00 น.วันที่ 20 ก.ย.เจ้าหน้าที่พบผู้สูญหายเพิ่มอีก 8 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจนถึงขณะนี้ทั้งหมด 28 ราย รายล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พบศพของ นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 89 ปี โดยพบศพหลุดจากตัวเรือขณะเคลื่อนย้าย ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พบร่างผู้สูญหายครบหมดแล้ว คือ 28 ราย ส่วนเด็กชาย 1 ราย คือ ด.ช.อภินันท์ แสงขำ ที่แจ้งว่า สูญหายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกับทะเบียนราษฎร์ ไม่พบข้อมูล ไม่สามารถติดต่อญาติมายืนยันได้ว่าสูญหายจริง และได้ติดต่อไปยังโต๊ะอิหม่าม ที่ควบคุมเรือแจ้งว่า มีผู้สูญหายเพียง 28 ราย จึงได้สั่งการให้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา ปิดศูนย์อำนวยการ
ส่วนการกู้ซากเรือนั้น กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการกู้ขึ้นมาได้แล้วเมื่อเวลา 15.30 น. โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถยกเรือที่จมขึ้นมาได้ประมาณ 50% แต่ไม่ยกเรือพ้นน้ำทั้งลำ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายและตัวเรือเกิดความเสียหายไปกว่านี้ และจะลากเรือที่ลอยปริ่มน้ำไปยังท่าเรือศรีเจริญ ห่างจากจุดเกิดเหตุไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4-5 กิโลเมตร เพื่อทำการซ่อมแซมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีผู้นำคลิปเหตุการณ์ภายในเรือช่วงที่กำลังเกิดเหตุเรือล่มซึ่งภายในคลิปกำลังเกิดความโกลาหล หวีดร้องของผู้ที่อยู่ในเรือมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเผยแพร่ ปรากฎว่าได้มีประชาชนเข้าไปตำหนิผู้ที่นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงสาเหตุของเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.พระนครศรีอยุทธยาว่า ประการแรกสาเหตุที่ทำให้มีอุบัติเหตุและมีการเสียชีวิตจำนวนมากนั้น เนื่องจากเรือลำดังกล่าวสามารถรับผู้โดยสารได้จำนวนหนึ่ง แต่ในขณะเกิดเหตุนั้นบรรทุกไปเกือบ 2 เท่าของจำนวนผู้โดยสารที่จะรับได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ควบคุมเรือก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้โดยสารต้องการขึ้นมาไม่สามารถห้ามได้ ประการที่ 2 ผู้โดยสารเอง ทั้งที่เห็นแล้วว่าเรือค่อนข้างจะเต็มและแออัด แต่ยังจะใช้บริการ รวมถึงคือเครื่องชูชีพที่จะใช้ช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็มีไม่ครบ และประการสุดท้าย คือตอม่อจุดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งติดอยู่กับโป๊ะ โดยเวลาปกติเมื่อน้ำน้อยจะมองเห็น แต่เมื่อน้ำมากก็จะจมใต้น้ำทำให้เรือมองไม่เห็น จนเกิดการชนขึ้น อีกทั้งโป๊ะท่าดังกล่าวไม่ใช่ของส่วนราชการ แต่เป็นที่วัดจัดทำขึ้น ทั้งหมดนี่คือสาเหตุหลัก
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมาว่า ขั้นตอนแรกให้สอบสวนกันว่า มีใครทีมีส่วนเกี่ยวข้องในการประมาทเลินเล่อ หรือคิดถึงแต่เรื่องผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จากนั้นก็ดูในเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับการจราจรทางน้ำที่มีอยู่แล้ว แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยไม่ปฏิบัติ ขณะเดียวกันผู้โดยสารเองก็อาจขึ้นเรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าจำนวนนั้นแน่นเกินไป” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ระบุว่าผลการสอบสวนอุบัติเหตุเบื้องต้นพบว่า เรือลำที่เกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาตที่ระบุไว้ 50 คน แต่ในวันเกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารถึง 120 คน ซึ่งถือว่ามีการกระทำผิดที่ชัดเจน
ขณะที่ นายอาคม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงการกำกับควบคุม ดูแล และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่การจดทะเบียนเรือ การตรวจสอบเรือ การออกใบอนุญาตผู้ควบคุมเรือ ท่าเรือ ลักษณะของเรือ การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตในเรือ การลาดตระเวนตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่เกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนการดำเนินการกำกับควบคุมอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน รวมทั้งให้ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของท่าเรือ และเรือโดยสาร การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด เช่น เสื้อชูชีพ ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลา 1 เดือน.
วานนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุเรือโดยสารสมบัติมงคลชัยทับทิม ล่มที่บริเวณท่าน้ำวัดสนามไชย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำจากหน่วยงานต่างๆ และอาสากู้ภัยได้ร่วมกันปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่เวลา 20.00 น.วันที่ 19 ก.ย.จนกระทั่งเวลา 19.00 น.วันที่ 20 ก.ย.เจ้าหน้าที่พบผู้สูญหายเพิ่มอีก 8 ราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นจนถึงขณะนี้ทั้งหมด 28 ราย รายล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้พบศพของ นางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 89 ปี โดยพบศพหลุดจากตัวเรือขณะเคลื่อนย้าย ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร
นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พบร่างผู้สูญหายครบหมดแล้ว คือ 28 ราย ส่วนเด็กชาย 1 ราย คือ ด.ช.อภินันท์ แสงขำ ที่แจ้งว่า สูญหายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกับทะเบียนราษฎร์ ไม่พบข้อมูล ไม่สามารถติดต่อญาติมายืนยันได้ว่าสูญหายจริง และได้ติดต่อไปยังโต๊ะอิหม่าม ที่ควบคุมเรือแจ้งว่า มีผู้สูญหายเพียง 28 ราย จึงได้สั่งการให้ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยา ปิดศูนย์อำนวยการ
ส่วนการกู้ซากเรือนั้น กรมเจ้าท่าได้ดำเนินการกู้ขึ้นมาได้แล้วเมื่อเวลา 15.30 น. โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถยกเรือที่จมขึ้นมาได้ประมาณ 50% แต่ไม่ยกเรือพ้นน้ำทั้งลำ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายและตัวเรือเกิดความเสียหายไปกว่านี้ และจะลากเรือที่ลอยปริ่มน้ำไปยังท่าเรือศรีเจริญ ห่างจากจุดเกิดเหตุไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ประมาณ 4-5 กิโลเมตร เพื่อทำการซ่อมแซมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีผู้นำคลิปเหตุการณ์ภายในเรือช่วงที่กำลังเกิดเหตุเรือล่มซึ่งภายในคลิปกำลังเกิดความโกลาหล หวีดร้องของผู้ที่อยู่ในเรือมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาเผยแพร่ ปรากฎว่าได้มีประชาชนเข้าไปตำหนิผู้ที่นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงสาเหตุของเหตุการณ์เรือล่มที่ จ.พระนครศรีอยุทธยาว่า ประการแรกสาเหตุที่ทำให้มีอุบัติเหตุและมีการเสียชีวิตจำนวนมากนั้น เนื่องจากเรือลำดังกล่าวสามารถรับผู้โดยสารได้จำนวนหนึ่ง แต่ในขณะเกิดเหตุนั้นบรรทุกไปเกือบ 2 เท่าของจำนวนผู้โดยสารที่จะรับได้อย่างปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ควบคุมเรือก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้โดยสารต้องการขึ้นมาไม่สามารถห้ามได้ ประการที่ 2 ผู้โดยสารเอง ทั้งที่เห็นแล้วว่าเรือค่อนข้างจะเต็มและแออัด แต่ยังจะใช้บริการ รวมถึงคือเครื่องชูชีพที่จะใช้ช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็มีไม่ครบ และประการสุดท้าย คือตอม่อจุดที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุซึ่งติดอยู่กับโป๊ะ โดยเวลาปกติเมื่อน้ำน้อยจะมองเห็น แต่เมื่อน้ำมากก็จะจมใต้น้ำทำให้เรือมองไม่เห็น จนเกิดการชนขึ้น อีกทั้งโป๊ะท่าดังกล่าวไม่ใช่ของส่วนราชการ แต่เป็นที่วัดจัดทำขึ้น ทั้งหมดนี่คือสาเหตุหลัก
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมาว่า ขั้นตอนแรกให้สอบสวนกันว่า มีใครทีมีส่วนเกี่ยวข้องในการประมาทเลินเล่อ หรือคิดถึงแต่เรื่องผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จากนั้นก็ดูในเรื่องของกฎหมายที่เกี่ยวกับการจราจรทางน้ำที่มีอยู่แล้ว แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องละเลยไม่ปฏิบัติ ขณะเดียวกันผู้โดยสารเองก็อาจขึ้นเรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าจำนวนนั้นแน่นเกินไป” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ระบุว่าผลการสอบสวนอุบัติเหตุเบื้องต้นพบว่า เรือลำที่เกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาตที่ระบุไว้ 50 คน แต่ในวันเกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารถึง 120 คน ซึ่งถือว่ามีการกระทำผิดที่ชัดเจน
ขณะที่ นายอาคม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงการกำกับควบคุม ดูแล และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตั้งแต่การจดทะเบียนเรือ การตรวจสอบเรือ การออกใบอนุญาตผู้ควบคุมเรือ ท่าเรือ ลักษณะของเรือ การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตในเรือ การลาดตระเวนตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่เกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนการดำเนินการกำกับควบคุมอื่น ๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน รวมทั้งให้ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของท่าเรือ และเรือโดยสาร การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย และอุปกรณ์อื่นที่จำเป็นตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด เช่น เสื้อชูชีพ ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลา 1 เดือน.
