ผู้จัดการรายวัน360-สำนักปลัดกลาโหมชี้แจง ชื่อฝาย "แม่ผ่องพรรณพัฒนา" เป็นชื่อที่ชาวบ้านช่วยกันตั้ง และฝายที่เกิดขึ้น ชุมชนช่วยกันพัฒนา เผยถูกเป็นเป้าโจมตีทางการเมือง เหตุ "ปรีชา" นามสกุลเดียวกับ "บิ๊กตู่" ด้าน "บิ๊กป้อม" ซัดโซเซียลวิจารณ์เกินจริง เชื่อไม่มีเจตนาใฝ่สูง ขณะที่ "ศรีสุวรรณ" ยื่นป.ป.ช. สอบนายทหารกราวรูด เหตุปล่อยให้เอกชนใช้ของหลวง
ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้ากรณีสังคมออนไลน์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเข้าตรวจชื่อฝายที่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา ต.แม่คะ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังมีคนใกล้ชิดในครอบครัวนำชื่อตัวเองไปตั้งเป็นชื่อฝายจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยจากสมาคมแม่บ้านปลัดกระทรวงกลาโหม ว่า ป้ายดังกล่าวเขียนขึ้นมาเพื่อต้อนรับนายกสมาคมแม่บ้านเท่านั้น ไม่ใช่ชื่อฝาย และก็ได้ถอดป้ายออกแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่ามีคนเจตนาไม่ดีนำเรื่องดังกล่าวไปโจมตีเพื่อให้เกิดความเสียหายขึ้น
ต่อมาเช้าวันนี้ เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam นักข่าวสายทหารและความมั่นคง รายงานว่า มีรายงานข่าวจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมชี้แจงกรณีการสร้างฝายที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องความไม่เหมาะสมนั้นว่า การสร้างฝายที่จุดนี้เป็นไปตามแนวคิดของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกลาโหม ที่ได้หารือหน่วยในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อ 23 ส.ค.2559 ในวันที่ได้ไปปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติที่ จ.ลพบุรี เพราะได้รับทราบปัญหาจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่าต้องการฝาย จึงขอให้หน่วยในพื้นที่ไปสำรวจว่าควรจะสร้างฝายในจุดใดให้ประชาชน รวมทั้งจะนำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติไปปลูกในพื้นที่ด้วย จากนั้นทางทหารก็ร่วมกับชาวบ้านในการสำรวจและเลือกจุดที่จะสร้างฝาย แล้วทหารและชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างฝายโดยใช้ไม้ไผ่ และหินที่มีอยู่แล้วตามภูมิประเทศ ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรมากนัก แค่ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันรถ แต่ใช้แรงงานทหารกับชาวบ้านที่ร่วมกันทำด้วยใจเพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ อีกทั้งสมาคมภริยาข้าราชการสำนักปลัดกลาโหมก็ถือเป็นหน่วยในสำนักปลัดกลาโหมที่ดูแลด้านสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของครอบครัวทหาร จึงเป็นสิ่งที่หน่วยในพื้นที่ให้การสนับสนุน และก็จะมีการมอบเงินช่วยเหลือหน่วยให้ทุกครั้งที่มาเยือน
ส่วนเรื่องชื่อฝาย “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” นั้น ทางหน่วยรายงานว่า เกิดจากการที่ชาวบ้านช่วยกันคิดชื่อขึ้นมาเอง เพื่อเป็นการต้อนรับ เนื่องจากชาวบ้านมีความคุ้นเคย เคารพนับถือคุณอู๊ด ผ่องพรรณ อยู่แล้ว เพราะปกติจะมาทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน มาเยี่ยมเยียน มาแจกผ้าห่ม เพราะเห็นว่าอากาศหนาวเย็น และมีโครงการนำลูกหลานกำลังพลที่เป็นเด็กพิเศษ ออทิสติก มาเที่ยวเชียงใหม่อีกด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ไปปลูกป่าและทำพิธีเปิดฝายนั้น เกิดฝนตกอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่ก่อนวันงานทำให้พื้นดินลื่น ระยะทางเดินจากจุดลงรถมายังฝายประมาณ 1 กม. แต่นายกสมาคมฯ ก็เต็มใจเดินมา สวมชุดกันฝน แต่เพราะทางลื่นและชัน จึงต้องมีคนคอยให้พยุงเพื่อไม่ให้ลื่นล้มไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีรูปภาพนางผ่องพรรณและฝายออกมา และภาพต่างๆ ตามมาอีก ทั้งภาพเก่า ภาพใหม่นั้น มีการตั้งข้อสังเกตในหมู่ “คนใกล้ชิด” ว่า อาจมี “คนใน” ที่นำภาพเหล่านี้ไปส่งต่อไป เผยแพร่ และบิดเบือนเพื่อหวังผล เพราะรู้ว่านางผ่องพรรณเป็นเป้าทางการเมือง เพราะเป็นภริยา พล.อ.ปรีชา ปลัดกลาโหม น้องชายนายกฯ เพราะเป็นจันทร์โอชา เป็นน้องสะใภ้นายกฯ อีกด้วย จึงมีการสันนิษฐาน ใน 2 ประการ คือ 1.เกิดจากพวกที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ในโผล่าสุด ที่ไม่พอใจปลัดกลาโหม ประการที่ 2 อาจเป็นเพราะอาจมีคนในที่ไม่พอใจ หรือไม่ชอบนางผ่องพรรณ เนื่องจากเป็นคนดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ และอาจจะเคยดุใครไปแบบตรงๆ ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจ แต่ถ้าใครที่รู้แนวก็จะต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด และตอบคำถามให้ได้ทุกคำถาม เมื่อนั้นคุณอู๊ดก็จะไม่ดุ อย่างไรก็ตาม นางผ่องพรรณจะมีการชี้แจงเรื่องนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนา แต่โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์เกินเหตุ ซึ่งจากการที่รู้จัก ทั้งพล.อ.ปรีชา และนางผ่องพรรณ เชื่อว่า ไม่มีเจตนามักใหญ่ใฝ่สูง
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สนช. กล่าวว่า สนช. จะยังไม่เรียกให้ พล.อ.ปรีชา มาสอบเรื่องจริยธรรม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคู่สมรส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของสมาชิกสนช.โดยตรง เราคงไม่หยิบมาพิจารณาเองหากไม่มีผู้ร้องเข้ามา แต่หากมีผู้ร้อง ต้องมาหารืออีกครั้งว่า เข้าข่ายที่สนช.จะนำมาพิจารณาได้หรือไม่
วันเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหาร
อากาศ,พล.ท.ศิริพงษ์ วงศ์ขันตี เจ้ากรมการพลังงานทหารอากาศ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.พิสิทธิ์ สิงหราชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้เอกชน สามารถใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐ และใช้บุคลากรเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ จากกรณีที่นางผ่องพรรณ ภริยาของพล.อ.ปรีชา ประพฤติตนในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ใช้ทรัพย์สินของทางราชการ เพื่อประโยชน์ส่วนตนหลายประการ อาทิ การสร้างฝายชะลอน้ำ โดยตั้งชื่อว่า ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากในการสร้าง และใช้เครื่องบินกองทัพอากาศในการเดินทาง เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้ากรณีสังคมออนไลน์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเข้าตรวจชื่อฝายที่อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา ต.แม่คะ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังมีคนใกล้ชิดในครอบครัวนำชื่อตัวเองไปตั้งเป็นชื่อฝายจนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยจากสมาคมแม่บ้านปลัดกระทรวงกลาโหม ว่า ป้ายดังกล่าวเขียนขึ้นมาเพื่อต้อนรับนายกสมาคมแม่บ้านเท่านั้น ไม่ใช่ชื่อฝาย และก็ได้ถอดป้ายออกแล้ว ทั้งนี้ เชื่อว่ามีคนเจตนาไม่ดีนำเรื่องดังกล่าวไปโจมตีเพื่อให้เกิดความเสียหายขึ้น
ต่อมาเช้าวันนี้ เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam นักข่าวสายทหารและความมั่นคง รายงานว่า มีรายงานข่าวจากสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมชี้แจงกรณีการสร้างฝายที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องความไม่เหมาะสมนั้นว่า การสร้างฝายที่จุดนี้เป็นไปตามแนวคิดของนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกลาโหม ที่ได้หารือหน่วยในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อ 23 ส.ค.2559 ในวันที่ได้ไปปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติที่ จ.ลพบุรี เพราะได้รับทราบปัญหาจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ว่าต้องการฝาย จึงขอให้หน่วยในพื้นที่ไปสำรวจว่าควรจะสร้างฝายในจุดใดให้ประชาชน รวมทั้งจะนำโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติไปปลูกในพื้นที่ด้วย จากนั้นทางทหารก็ร่วมกับชาวบ้านในการสำรวจและเลือกจุดที่จะสร้างฝาย แล้วทหารและชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างฝายโดยใช้ไม้ไผ่ และหินที่มีอยู่แล้วตามภูมิประเทศ ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรมากนัก แค่ค่าอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันรถ แต่ใช้แรงงานทหารกับชาวบ้านที่ร่วมกันทำด้วยใจเพื่อให้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ อีกทั้งสมาคมภริยาข้าราชการสำนักปลัดกลาโหมก็ถือเป็นหน่วยในสำนักปลัดกลาโหมที่ดูแลด้านสวัสดิการ ขวัญกำลังใจของครอบครัวทหาร จึงเป็นสิ่งที่หน่วยในพื้นที่ให้การสนับสนุน และก็จะมีการมอบเงินช่วยเหลือหน่วยให้ทุกครั้งที่มาเยือน
ส่วนเรื่องชื่อฝาย “ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา” นั้น ทางหน่วยรายงานว่า เกิดจากการที่ชาวบ้านช่วยกันคิดชื่อขึ้นมาเอง เพื่อเป็นการต้อนรับ เนื่องจากชาวบ้านมีความคุ้นเคย เคารพนับถือคุณอู๊ด ผ่องพรรณ อยู่แล้ว เพราะปกติจะมาทำประโยชน์ให้ชาวบ้าน มาเยี่ยมเยียน มาแจกผ้าห่ม เพราะเห็นว่าอากาศหนาวเย็น และมีโครงการนำลูกหลานกำลังพลที่เป็นเด็กพิเศษ ออทิสติก มาเที่ยวเชียงใหม่อีกด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ไปปลูกป่าและทำพิธีเปิดฝายนั้น เกิดฝนตกอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ตั้งแต่ก่อนวันงานทำให้พื้นดินลื่น ระยะทางเดินจากจุดลงรถมายังฝายประมาณ 1 กม. แต่นายกสมาคมฯ ก็เต็มใจเดินมา สวมชุดกันฝน แต่เพราะทางลื่นและชัน จึงต้องมีคนคอยให้พยุงเพื่อไม่ให้ลื่นล้มไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีรูปภาพนางผ่องพรรณและฝายออกมา และภาพต่างๆ ตามมาอีก ทั้งภาพเก่า ภาพใหม่นั้น มีการตั้งข้อสังเกตในหมู่ “คนใกล้ชิด” ว่า อาจมี “คนใน” ที่นำภาพเหล่านี้ไปส่งต่อไป เผยแพร่ และบิดเบือนเพื่อหวังผล เพราะรู้ว่านางผ่องพรรณเป็นเป้าทางการเมือง เพราะเป็นภริยา พล.อ.ปรีชา ปลัดกลาโหม น้องชายนายกฯ เพราะเป็นจันทร์โอชา เป็นน้องสะใภ้นายกฯ อีกด้วย จึงมีการสันนิษฐาน ใน 2 ประการ คือ 1.เกิดจากพวกที่ผิดหวังจากการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ในโผล่าสุด ที่ไม่พอใจปลัดกลาโหม ประการที่ 2 อาจเป็นเพราะอาจมีคนในที่ไม่พอใจ หรือไม่ชอบนางผ่องพรรณ เนื่องจากเป็นคนดุ เข้มงวด เจ้าระเบียบ และอาจจะเคยดุใครไปแบบตรงๆ ก็อาจทำให้เกิดความไม่พอใจ แต่ถ้าใครที่รู้แนวก็จะต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด และตอบคำถามให้ได้ทุกคำถาม เมื่อนั้นคุณอู๊ดก็จะไม่ดุ อย่างไรก็ตาม นางผ่องพรรณจะมีการชี้แจงเรื่องนี้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้มีเจตนา แต่โซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์เกินเหตุ ซึ่งจากการที่รู้จัก ทั้งพล.อ.ปรีชา และนางผ่องพรรณ เชื่อว่า ไม่มีเจตนามักใหญ่ใฝ่สูง
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สนช. กล่าวว่า สนช. จะยังไม่เรียกให้ พล.อ.ปรีชา มาสอบเรื่องจริยธรรม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคู่สมรส ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของสมาชิกสนช.โดยตรง เราคงไม่หยิบมาพิจารณาเองหากไม่มีผู้ร้องเข้ามา แต่หากมีผู้ร้อง ต้องมาหารืออีกครั้งว่า เข้าข่ายที่สนช.จะนำมาพิจารณาได้หรือไม่
วันเดียวกันนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหาร
อากาศ,พล.ท.ศิริพงษ์ วงศ์ขันตี เจ้ากรมการพลังงานทหารอากาศ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.พิสิทธิ์ สิงหราชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าข่ายปล่อยปละละเลยให้เอกชน สามารถใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐ และใช้บุคลากรเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ จากกรณีที่นางผ่องพรรณ ภริยาของพล.อ.ปรีชา ประพฤติตนในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ใช้ทรัพย์สินของทางราชการ เพื่อประโยชน์ส่วนตนหลายประการ อาทิ การสร้างฝายชะลอน้ำ โดยตั้งชื่อว่า ฝายแม่ผ่องพรรณพัฒนา ที่จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากในการสร้าง และใช้เครื่องบินกองทัพอากาศในการเดินทาง เป็นต้น