วันนี้อยากคุยเรื่องชาวบ้านเกี่ยวกับสิทธิและความปลอดภัยหลังจากกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์ “กลุ่มปลดแอกชาว 2 ล้อ” กว่า 100 คนชุมนุมปิดถนนพัฒนาการซอย 17 วันอาทิตย์ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คัดค้านการก่อสร้างอุโมงค์ลอดแยกพัฒนาการ โดยไม่ยอมออกแบบให้รถจักรยานยนต์ และขอสิทธิในการใช้อุโมงค์ข้ามสะพานเพื่อความสะดวก
เรื่องจักรยานยนต์เป็นปัญหาหลากมิติ ดูเหมือนเป็นการเขม่นระหว่างผู้ใช้รถต่างๆ เช่น จักรยานโดนเขม่นโดยมอเตอร์ไซค์ และทั้ง 2 ประเภทถูกมองโดยผู้ขับขี่รถ 4 ล้อว่าสร้างปัญหา แต่โดยรวมตัวเลขผู้ใช้รถจักรยานบนถนนมีน้อยกว่ายานยนต์ประเภทอื่นๆ
เมื่อมีการเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ถ้าพิจารณาโดยรวม ผลสุดท้ายเรื่องนี้ต้องถึงคุณท่านผู้นำ เพราะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจไม่อยากยุ่งด้วยอันเนื่องจากเสียงร่ำลือเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์แฝงเร้นด้านรายได้ค่าหัวคิวจากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ฯลฯ
การชุมนุมเรียกร้องสิทธิบนถนนพัฒนาการเห็นชัดว่าได้สร้างปัญหาจราจร เป็นการละเมิดสิทธิผู้ใช้รถใช้ถนนทันที ประเด็นนี้พวกชุมนุมคงมองว่าถ้ากลุ่มอื่นๆ ไม่เดือดร้อน คงไม่มีใครมารับรู้ปัญหาและความต้องการของพวกตน ซึ่งได้ตั้งชมรมเรียกร้องสิทธิขึ้นมา
การชุมนุมวันนั้น ไม่เกี่ยวกับบรรดานักบิดมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ผ่านมาถ้ามีปัญหาบ้างก็เรื่องคิว เรื่องค่าวิน ค่าเสื้อกั๊ก เป็นเรื่องเงินผลประโยชน์ล้วนๆ ถ้าผู้ใช้ถนนได้สังเกต จะเห็นว่าการตั้งด่านโดยตำรวจจราจรมักไม่เห็นพวกสวมเสื้อวินโดนเรียกเจรจาตรวจสอบ
ส่วนใหญ่เป็นพวกพนักงานส่งเอกสาร ส่งสินค้า หรือขับขี่ทั่วไป กลุ่มปลอดปัญหาข้างถนนไม่มีพวกบิ๊กไบค์ราคาแพง และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งน่าจะอนุมานได้ว่าได้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด สภาพรถสมบูรณ์พร้อม ไร้ปัญหา จึงไม่ต้องถูกเรียกตรวจเข้ม
เห็นสภาพความพิสดารเช่นนี้ จำเป็นที่ผู้พบเห็นต้องเป็นผู้มองโลกสวยไว้ก่อน!
ในการเรียกร้องสิทธิของบรรดาชมรม 2 ล้อปลดแอกน่าเห็นใจ อยากขึ้นสะพานข้ามแยก อยากลงอุโมงค์ หรืออะไรต่ออะไร นั่นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องไปพิจารณาว่าสมควรยอมหรือไม่ยอมประการใด ต้องหาทางออกอยู่ในสังคมร่วมกันให้ได้
การชุมนุมเรียกร้องสิทธิอาจเป็นช่วงจังหวะเวลาไม่เหมาะนัก เพราะก่อนหน้านั้นมีเหตุเกิดกับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2 ครั้ง เมื่อมีผู้ขี่จักรยานยนต์บนเส้นทางสำหรับรถจักรยานบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มีผู้ถ่ายคลิปภาพไว้ ให้เห็นการละเมิดกฎหมาย
คนขับมอเตอร์ไซค์แทนที่จะมีจิตสำนึกอับอาย ตัวเองละเมิดกฎหมาย กลับพูดจาทำนองหาเรื่อง อ้างว่าขับขี่บนไบค์เลนเพียง 100-200 เมตรเท่านั้น พูดจาออกแนวนักเลง แต่ไม่มีเหตุร้ายอะไรเพราะคนถ่ายภาพคลิปไม่อยากมีเรื่องต้องออกกำลังกายเสี่ยงตาย
มีภาพป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ชัดเจน ตำรวจจะเรียกตัวมาคุยปรับทัศนคติหรือไม่ หรือเห็นว่าเป็นเหตุปกติ มอเตอร์ไซค์ขับขี่บนฟุตบาทเป็นเรื่องธรรมดา มีให้เห็นแทบทุกพื้นที่โดยเฉพาะในเขตย่านธุรกิจ คนเดินบนทางเท้าควรยอมเสียสิทธิ หยวนๆ กัน
ก่อนหน้านี้มีคลิปสตรีคนหนึ่งท้วงติงคู่ชายหญิงขี่มอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท แทนที่จะสำนึกรู้สึกอาย กลับแสดงความหน้าด้านอย่างไร้ขีดจำกัด โต้ตอบแบบไร้ยางอาย จนทำให้คนพูดตักเตือนต้องยอมรับคำพูดที่ว่า “เราสามารถเอาชนะใครก็ได้ ยกเว้นคนหน้าด้าน”
อีกรายมีความพิสดารกว่า เหตุเกิดใน “บริเวณเส้นทางเลนจักรยาน ตรงตลาดนัดจตุจักรกรีน มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินในเลนจักรยานคอยไล่มอเตอร์ไซค์ที่ขับในเลนจักรยานให้ออกไป แต่มีวินรายหนึ่งไม่พอใจ ลงมาด่า แล้วชกต่อย หลังจากนั้น ก็มีวินอีกคนเสนอตัวมาช่วยรุมทำร้าย คว้าเก้าอี้พลาสติกหวังใช้เป็นเครื่องผ่อนแรง ไม่มีใครช่วยเหยื่อคนนั้น”
กระทำผิดกฎหมาย ไม่สำนึก ยังใช้วิธีหมาหมู่ ใช้เครื่องทุ่นแรงอีกต่างหาก ไม่แมนมากๆ! ถ้าคนถูกรุมทำร้ายดันมีอาวุธมีด แทงเสื้อวินตาย อาจมีดรามาแบบว่าคนเสื้อวินเป็นคนดี ทำมาหากิน รักครอบครัว ลูกยังเล็ก อะไรทำนองนั้น ให้สังคมเห็นใจอีกต่างหาก
ตำรวจเชิญตัววินมอเตอร์ไซค์ 2 คนมาคุย แจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ยังไม่ตั้งข้อหารุมทำร้าย ทั้งๆ ที่มีคลิปภาพปรากฏผ่านสื่อทีวีไปหลายช่อง อ้างว่าต้องรอให้ตรวจร่างกายดูอาการบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อ 3 กันยายน ป่านนี้ยังจะมีร่องรอยฟกช้ำให้เห็นเรอะ
เห็นชัดเจนว่าเป็นการรุมทำร้าย ไม่ใช่เป็นการสวมกอดด้วยความรักใคร่! อยากรู้ว่าถ้าพวกนั้นไม่ใช่เป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างสวมเสื้อวินมีราคา เป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ธรรมดา จะมีข้อหารุมทำร้ายหรือไม่ หรือผลสุดท้ายจะกลายเป็นการทะเลาะวิวาท ผิดทั้ง 2 ฝ่าย
สภาพโดยรวม สังคมมองว่าคนขับขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกัน แต่มีสิทธิพิเศษต่างกัน เพียงเพราะถูกแยกแยะให้เห็นว่ามีเสื้อกั๊กราคาแพง มีเครือข่าย ทุกวันนี้การขับขี่แบบสิทธิพิเศษเหนือคนเดินถนนกลายเป็นสภาวะปกติ คนใช้ฟุตบาทต้องเสี่ยงชีวิตเอง
กรณีเหยื่อโดนรุมชกต่อยนั่นไง ใครไปมีเรื่องกับพวกสวมเสื้อวิน ไม่ตายก็คางเหลือง! คนมีอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นพลเมืองดีก็มีเช่นกัน ถ้าชั่วร้ายทั้งหมด บ้านนี้เมืองนี้คงมีอาชญากรกลางเมืองหลายแสนคน นี่เป็นเพียงพวกปลาเน่าตัวร้ายทำให้กลิ่นเหม็นทั้งข้อง
เรื่องการละเมิดสิทธิของคนเดินถนนโดยพวกขับขี่จักรยานยนต์ต้องให้คุณท่านผู้นำคำราม เน้นกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดอย่างนั้นหรือ! ตำรวจจราจรหรือหัวหน้ามีปัญหาอันใดกับผู้คุมคิว ส่งผลกระทบต่อการครองชีพหรือไม่
อ้อ! ยังมีปัญหาเรื้อรังแก้ไม่ตก นั่นคือเด็กแว้น มีกลุ่มทุกขนาดมากเป็นร้อยๆ คัน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครจัดการให้สะเด็ดน้ำได้ มีกลุ่มแว้นท้าทายกฎหมาย น่าสงสัยมากว่าสังคมบ้านเรากฎหมายทำอะไรกลุ่มแว้นไม่ได้ใช่มั้ย จะได้ตัดใจทำใจรับสภาวะจำยอม
เรื่องจักรยานยนต์เป็นปัญหาหลากมิติ ดูเหมือนเป็นการเขม่นระหว่างผู้ใช้รถต่างๆ เช่น จักรยานโดนเขม่นโดยมอเตอร์ไซค์ และทั้ง 2 ประเภทถูกมองโดยผู้ขับขี่รถ 4 ล้อว่าสร้างปัญหา แต่โดยรวมตัวเลขผู้ใช้รถจักรยานบนถนนมีน้อยกว่ายานยนต์ประเภทอื่นๆ
เมื่อมีการเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ถ้าพิจารณาโดยรวม ผลสุดท้ายเรื่องนี้ต้องถึงคุณท่านผู้นำ เพราะเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจไม่อยากยุ่งด้วยอันเนื่องจากเสียงร่ำลือเกี่ยวโยงกับผลประโยชน์แฝงเร้นด้านรายได้ค่าหัวคิวจากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ฯลฯ
การชุมนุมเรียกร้องสิทธิบนถนนพัฒนาการเห็นชัดว่าได้สร้างปัญหาจราจร เป็นการละเมิดสิทธิผู้ใช้รถใช้ถนนทันที ประเด็นนี้พวกชุมนุมคงมองว่าถ้ากลุ่มอื่นๆ ไม่เดือดร้อน คงไม่มีใครมารับรู้ปัญหาและความต้องการของพวกตน ซึ่งได้ตั้งชมรมเรียกร้องสิทธิขึ้นมา
การชุมนุมวันนั้น ไม่เกี่ยวกับบรรดานักบิดมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ผ่านมาถ้ามีปัญหาบ้างก็เรื่องคิว เรื่องค่าวิน ค่าเสื้อกั๊ก เป็นเรื่องเงินผลประโยชน์ล้วนๆ ถ้าผู้ใช้ถนนได้สังเกต จะเห็นว่าการตั้งด่านโดยตำรวจจราจรมักไม่เห็นพวกสวมเสื้อวินโดนเรียกเจรจาตรวจสอบ
ส่วนใหญ่เป็นพวกพนักงานส่งเอกสาร ส่งสินค้า หรือขับขี่ทั่วไป กลุ่มปลอดปัญหาข้างถนนไม่มีพวกบิ๊กไบค์ราคาแพง และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งน่าจะอนุมานได้ว่าได้ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด สภาพรถสมบูรณ์พร้อม ไร้ปัญหา จึงไม่ต้องถูกเรียกตรวจเข้ม
เห็นสภาพความพิสดารเช่นนี้ จำเป็นที่ผู้พบเห็นต้องเป็นผู้มองโลกสวยไว้ก่อน!
ในการเรียกร้องสิทธิของบรรดาชมรม 2 ล้อปลดแอกน่าเห็นใจ อยากขึ้นสะพานข้ามแยก อยากลงอุโมงค์ หรืออะไรต่ออะไร นั่นเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องไปพิจารณาว่าสมควรยอมหรือไม่ยอมประการใด ต้องหาทางออกอยู่ในสังคมร่วมกันให้ได้
การชุมนุมเรียกร้องสิทธิอาจเป็นช่วงจังหวะเวลาไม่เหมาะนัก เพราะก่อนหน้านั้นมีเหตุเกิดกับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ 2 ครั้ง เมื่อมีผู้ขี่จักรยานยนต์บนเส้นทางสำหรับรถจักรยานบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มีผู้ถ่ายคลิปภาพไว้ ให้เห็นการละเมิดกฎหมาย
คนขับมอเตอร์ไซค์แทนที่จะมีจิตสำนึกอับอาย ตัวเองละเมิดกฎหมาย กลับพูดจาทำนองหาเรื่อง อ้างว่าขับขี่บนไบค์เลนเพียง 100-200 เมตรเท่านั้น พูดจาออกแนวนักเลง แต่ไม่มีเหตุร้ายอะไรเพราะคนถ่ายภาพคลิปไม่อยากมีเรื่องต้องออกกำลังกายเสี่ยงตาย
มีภาพป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ชัดเจน ตำรวจจะเรียกตัวมาคุยปรับทัศนคติหรือไม่ หรือเห็นว่าเป็นเหตุปกติ มอเตอร์ไซค์ขับขี่บนฟุตบาทเป็นเรื่องธรรมดา มีให้เห็นแทบทุกพื้นที่โดยเฉพาะในเขตย่านธุรกิจ คนเดินบนทางเท้าควรยอมเสียสิทธิ หยวนๆ กัน
ก่อนหน้านี้มีคลิปสตรีคนหนึ่งท้วงติงคู่ชายหญิงขี่มอเตอร์ไซค์บนฟุตบาท แทนที่จะสำนึกรู้สึกอาย กลับแสดงความหน้าด้านอย่างไร้ขีดจำกัด โต้ตอบแบบไร้ยางอาย จนทำให้คนพูดตักเตือนต้องยอมรับคำพูดที่ว่า “เราสามารถเอาชนะใครก็ได้ ยกเว้นคนหน้าด้าน”
อีกรายมีความพิสดารกว่า เหตุเกิดใน “บริเวณเส้นทางเลนจักรยาน ตรงตลาดนัดจตุจักรกรีน มีผู้ชายคนหนึ่ง เดินในเลนจักรยานคอยไล่มอเตอร์ไซค์ที่ขับในเลนจักรยานให้ออกไป แต่มีวินรายหนึ่งไม่พอใจ ลงมาด่า แล้วชกต่อย หลังจากนั้น ก็มีวินอีกคนเสนอตัวมาช่วยรุมทำร้าย คว้าเก้าอี้พลาสติกหวังใช้เป็นเครื่องผ่อนแรง ไม่มีใครช่วยเหยื่อคนนั้น”
กระทำผิดกฎหมาย ไม่สำนึก ยังใช้วิธีหมาหมู่ ใช้เครื่องทุ่นแรงอีกต่างหาก ไม่แมนมากๆ! ถ้าคนถูกรุมทำร้ายดันมีอาวุธมีด แทงเสื้อวินตาย อาจมีดรามาแบบว่าคนเสื้อวินเป็นคนดี ทำมาหากิน รักครอบครัว ลูกยังเล็ก อะไรทำนองนั้น ให้สังคมเห็นใจอีกต่างหาก
ตำรวจเชิญตัววินมอเตอร์ไซค์ 2 คนมาคุย แจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ยังไม่ตั้งข้อหารุมทำร้าย ทั้งๆ ที่มีคลิปภาพปรากฏผ่านสื่อทีวีไปหลายช่อง อ้างว่าต้องรอให้ตรวจร่างกายดูอาการบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อ 3 กันยายน ป่านนี้ยังจะมีร่องรอยฟกช้ำให้เห็นเรอะ
เห็นชัดเจนว่าเป็นการรุมทำร้าย ไม่ใช่เป็นการสวมกอดด้วยความรักใคร่! อยากรู้ว่าถ้าพวกนั้นไม่ใช่เป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างสวมเสื้อวินมีราคา เป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ธรรมดา จะมีข้อหารุมทำร้ายหรือไม่ หรือผลสุดท้ายจะกลายเป็นการทะเลาะวิวาท ผิดทั้ง 2 ฝ่าย
สภาพโดยรวม สังคมมองว่าคนขับขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนกัน แต่มีสิทธิพิเศษต่างกัน เพียงเพราะถูกแยกแยะให้เห็นว่ามีเสื้อกั๊กราคาแพง มีเครือข่าย ทุกวันนี้การขับขี่แบบสิทธิพิเศษเหนือคนเดินถนนกลายเป็นสภาวะปกติ คนใช้ฟุตบาทต้องเสี่ยงชีวิตเอง
กรณีเหยื่อโดนรุมชกต่อยนั่นไง ใครไปมีเรื่องกับพวกสวมเสื้อวิน ไม่ตายก็คางเหลือง! คนมีอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นพลเมืองดีก็มีเช่นกัน ถ้าชั่วร้ายทั้งหมด บ้านนี้เมืองนี้คงมีอาชญากรกลางเมืองหลายแสนคน นี่เป็นเพียงพวกปลาเน่าตัวร้ายทำให้กลิ่นเหม็นทั้งข้อง
เรื่องการละเมิดสิทธิของคนเดินถนนโดยพวกขับขี่จักรยานยนต์ต้องให้คุณท่านผู้นำคำราม เน้นกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดอย่างนั้นหรือ! ตำรวจจราจรหรือหัวหน้ามีปัญหาอันใดกับผู้คุมคิว ส่งผลกระทบต่อการครองชีพหรือไม่
อ้อ! ยังมีปัญหาเรื้อรังแก้ไม่ตก นั่นคือเด็กแว้น มีกลุ่มทุกขนาดมากเป็นร้อยๆ คัน ทุกวันนี้ยังไม่มีใครจัดการให้สะเด็ดน้ำได้ มีกลุ่มแว้นท้าทายกฎหมาย น่าสงสัยมากว่าสังคมบ้านเรากฎหมายทำอะไรกลุ่มแว้นไม่ได้ใช่มั้ย จะได้ตัดใจทำใจรับสภาวะจำยอม