ในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย กำลังซื้อในประเทศผู้นำเข้าสินค้าลดลง เป็นเหตุให้ประเทศผู้ส่งออกสินค้าประสบปัญหาส่งออกได้ยากขึ้น จึงทำให้ประเทศซึ่งหวังพึ่งการส่งออกเป็นรายได้หลักรวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้หันไปหารายได้จากธุรกิจการท่องเที่ยวมาทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ขาดหายได้ ดังนั้น การแข่งขันในด้านธุรกิจการท่องเที่ยวจึงรุนแรงขึ้นเพื่อหวังให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวในประเทศของตน ทั้งนี้จะเห็นได้จากกลยุทธ์ในการโปรโมตการท่องเที่ยวดังต่อไปนี้
1. เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในประเทศของตน
2. อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ
3. เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
4. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น เกาะแก่ง น้ำตก เป็นต้น และในส่วนที่เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมได้ฟื้นฟูขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
จากกลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว 4 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อ 2 นักท่องเที่ยวได้หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่การที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ ซึ่งพอจะอนุมานจากการที่เป็นข่าวทางสื่อได้ดังต่อไปนี้
1. มีการบุกรุกป่าและที่ดินริมทะเล ซึ่งในเขตอนุรักษ์เพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นเหตุให้ระบบนิเวศถูกทำลาย และทำลายสภาพแวดล้อม เนื่องจากน้ำเสียจากสถานที่ประกอบการเหล่านี้ ได้ถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะโดยไม่มีการบำบัดก่อน
2. การควบคุมคนเข้าเมืองไม่รอบคอบ รัดกุม โดยอาศัยช่องว่างของมาตรการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เป็นเหตุอาชญากรจากต่างประเทศหนีมากบดานในเมืองไทย และบางรายถือโอกาสก่ออาชญากรรมขึ้นในประเทศไทย ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับการโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน เป็นต้น
3. มีพฤติกรรมทำลายวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของไทย เช่น การแต่งกายไม่สุภาพเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนไทยเคารพนับถือ อันได้แก่วัด และเขตพระราชฐาน เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงบทรักต่อกันในสถานที่สาธารณะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการทำลายประเพณีและวัฒนธรรมของไทยทั้งสิ้น
จากเหตุ 3 ประการซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนบางกลุ่มก่อขึ้น นอกจากเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยเสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งถูกทำลายให้กลับคืนดังเดิมต้องใช้ทั้งเงิน เวลา และกำลังคนจำนวนมาก ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับเงินที่นักท่องเที่ยวประเภทด้อยคุณภาพใช้จ่ายในขณะพักอยู่ในประเทศแล้วได้ไม่คุ้มเสีย
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ควรจะได้หยิบยกประเด็นนักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพขึ้นมาเพื่อหามาตรการป้องกันได้แล้ว เพราะถ้าขืนปล่อยให้การท่องเที่ยวใช้นโยบายเพิ่มจำนวน โดยไม่เน้นการควบคุมคุณภาพควบคู่กันไป ประเทศไทยคงจะมีอาชญากรจากต่างประเทศหนีมากบดานในประเทศไทย และถือโอกาสก่ออาชญากรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นมาแล้วแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้สักวันหนึ่งข้างหน้าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบในทางลบ ทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจแน่นอน
ถ้าจะป้องกันมิให้นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพเข้ามาก่อปัญหาในประเทศไทย ควรจะทำอย่างไรโดยที่ไม่กระทบธุรกิจการท่องเที่ยว และรัฐจะยังคงมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ขาดหายไป
เกี่ยวกับประเด็นนี้ คงจะแก้ไขและป้องกันได้โดยดำเนินมาตรการดังต่อไปนี้
1. ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบคนเข้าเมืองให้รอบคอบและรัดกุม โดยเน้นเป็นพิเศษกับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เคยมีประวัติก่ออาชญากรรมในประเทศไทย และในขณะเดียวกัน ขอให้ตำรวจท่องเที่ยวคอยสอดส่องพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิด
2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความร่วมมือไปยังประเทศซึ่งนักท่องเที่ยวเคยมีประวัติก่อความเสียหายในประเทศไทย ช่วยแจ้งรายชื่ออาชญากรที่หนีออกนอกประเทศ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการตรวจสอบนักท่องเที่ยวจากประเทศนั้นที่มาขออนุญาตเข้าประเทศ
จากมาตรการ 2 ประการนี้ ถ้าสามารถกระทำได้ ก็จะช่วยป้องกันมิให้นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพเข้าประเทศไทยได้ในระดับหนึ่ง และถึงแม้จะหลุดรอดเข้ามาได้ ก็ง่ายต่อการติดตามจับกุม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่างข้างต้น อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลงบ้างแต่ก็เชื่อว่าไม่มาก และจะไม่กระทบถึงรายได้ซึ่งเคยได้รับจากนักท่องเที่ยว เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไปเพื่อแก้ปัญหาที่นักท่องเที่ยวก่อขึ้น รวมทั้งภาพลักษณ์ของประเทศก็จะดีขึ้นด้วย
1. เพิ่มงบประมาณในการโฆษณาประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในประเทศของตน
2. อำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ
3. เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
4. พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น เกาะแก่ง น้ำตก เป็นต้น และในส่วนที่เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรมได้ฟื้นฟูขึ้นมา เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
จากกลยุทธ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว 4 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อ 2 นักท่องเที่ยวได้หลั่งไหลเข้ามาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่การที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ ซึ่งพอจะอนุมานจากการที่เป็นข่าวทางสื่อได้ดังต่อไปนี้
1. มีการบุกรุกป่าและที่ดินริมทะเล ซึ่งในเขตอนุรักษ์เพื่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นเหตุให้ระบบนิเวศถูกทำลาย และทำลายสภาพแวดล้อม เนื่องจากน้ำเสียจากสถานที่ประกอบการเหล่านี้ ได้ถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะโดยไม่มีการบำบัดก่อน
2. การควบคุมคนเข้าเมืองไม่รอบคอบ รัดกุม โดยอาศัยช่องว่างของมาตรการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว เป็นเหตุอาชญากรจากต่างประเทศหนีมากบดานในเมืองไทย และบางรายถือโอกาสก่ออาชญากรรมขึ้นในประเทศไทย ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับการโจรกรรมเงินจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน เป็นต้น
3. มีพฤติกรรมทำลายวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของไทย เช่น การแต่งกายไม่สุภาพเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนไทยเคารพนับถือ อันได้แก่วัด และเขตพระราชฐาน เป็นต้น รวมไปถึงการแสดงบทรักต่อกันในสถานที่สาธารณะ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการทำลายประเพณีและวัฒนธรรมของไทยทั้งสิ้น
จากเหตุ 3 ประการซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนบางกลุ่มก่อขึ้น นอกจากเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยเสียค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งถูกทำลายให้กลับคืนดังเดิมต้องใช้ทั้งเงิน เวลา และกำลังคนจำนวนมาก ซึ่งถ้านำมาเปรียบเทียบกับเงินที่นักท่องเที่ยวประเภทด้อยคุณภาพใช้จ่ายในขณะพักอยู่ในประเทศแล้วได้ไม่คุ้มเสีย
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ควรจะได้หยิบยกประเด็นนักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพขึ้นมาเพื่อหามาตรการป้องกันได้แล้ว เพราะถ้าขืนปล่อยให้การท่องเที่ยวใช้นโยบายเพิ่มจำนวน โดยไม่เน้นการควบคุมคุณภาพควบคู่กันไป ประเทศไทยคงจะมีอาชญากรจากต่างประเทศหนีมากบดานในประเทศไทย และถือโอกาสก่ออาชญากรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เป็นมาแล้วแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้สักวันหนึ่งข้างหน้าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบในทางลบ ทั้งในด้านสังคม และเศรษฐกิจแน่นอน
ถ้าจะป้องกันมิให้นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพเข้ามาก่อปัญหาในประเทศไทย ควรจะทำอย่างไรโดยที่ไม่กระทบธุรกิจการท่องเที่ยว และรัฐจะยังคงมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพื่อทดแทนรายได้จากการส่งออกที่ขาดหายไป
เกี่ยวกับประเด็นนี้ คงจะแก้ไขและป้องกันได้โดยดำเนินมาตรการดังต่อไปนี้
1. ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบคนเข้าเมืองให้รอบคอบและรัดกุม โดยเน้นเป็นพิเศษกับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เคยมีประวัติก่ออาชญากรรมในประเทศไทย และในขณะเดียวกัน ขอให้ตำรวจท่องเที่ยวคอยสอดส่องพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากประเทศกลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิด
2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความร่วมมือไปยังประเทศซึ่งนักท่องเที่ยวเคยมีประวัติก่อความเสียหายในประเทศไทย ช่วยแจ้งรายชื่ออาชญากรที่หนีออกนอกประเทศ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการตรวจสอบนักท่องเที่ยวจากประเทศนั้นที่มาขออนุญาตเข้าประเทศ
จากมาตรการ 2 ประการนี้ ถ้าสามารถกระทำได้ ก็จะช่วยป้องกันมิให้นักท่องเที่ยวด้อยคุณภาพเข้าประเทศไทยได้ในระดับหนึ่ง และถึงแม้จะหลุดรอดเข้ามาได้ ก็ง่ายต่อการติดตามจับกุม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่างข้างต้น อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลงบ้างแต่ก็เชื่อว่าไม่มาก และจะไม่กระทบถึงรายได้ซึ่งเคยได้รับจากนักท่องเที่ยว เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไปเพื่อแก้ปัญหาที่นักท่องเที่ยวก่อขึ้น รวมทั้งภาพลักษณ์ของประเทศก็จะดีขึ้นด้วย
