xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เสียงเพรียกหลัง 'ป้อมมหากาฬ' ชุมชนเก่าแห่งสุดท้ายชานกำแพงพระนคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ข้อพิพาทระหว่าง “ชาวชุมชนป้อมมหากาฬ” และ “กรุงเทพมหานคร” ยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับวิถีของชาวบ้านที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่หลังชานพระนคร แม้ระโหยโรยแรงต่อสู้กับการพัฒนาอย่างไร้รากอารยะ แต่ใช่ว่าจะยอมแพ้โดยง่าย

3 ก.ย. 2559 กทม. ขีดเส้นตายไล่รื้อชุมชนป้อมมหากาฬอีกครั้ง ล่าสุด (22 ส.ค.) นำป้ายขนาดใหญ่มาปิดประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า “ขอบคุณที่คืนพื้นที่ป้อมหากาฬโบราณสถานอันล้ำค่าของทุกคน” โดยมีฉากหลังเป็นภาพจำลองสวนสาธารณะที่จะดำเนินการก่อสร้าง จนเกิดเสียงวิพากษ์อื้ออึงเสมือนใช้อำนาจรวบหัวรวบหางชุมชนเก่าแก่แห่งนี้

กระนั้นก็ดีในส่วนของชาวป้อมมหากาฬ ยังคงใช้ชีวิตด้วยแรงใจฮึกเหิมขอสู้กันดูสักตั้ง แสดงให้เห็นว่าชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับสวนสาธารณะ หรือโบราณสถานได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งเปิดพื้นที่เป็น พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต (Public space) ภายใต้แนวคิด 'มหากาฬโมเดล' ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากหลายภาคส่วน

แน่นอน ชาวบ้านยินดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร

สิ่งแรกที่สัมผัสหลังก้าวผ่าน ประตูช่องกุฏิ (ประตูกำแพงเมือง) คือ ความเป็นชุมชน พบเห็นวิถีดั้งเดิม การทำกรงนกเขาชวา หรืออย่างการเลี้ยงไก่ชน ซ้อมนวม ฯลฯ ขนานไปกับวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยใหม่ มีบ้านไม้โบราณแทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วบริเวณรายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่อย่าง โพธิ์ ไทร ไกร และกร่าง

บริเวณลานชุมชน คือพิกัดของการทำกิจกรรมต่างๆ ของชาวป้อมมหากาฬ รวมทั้งจัดแสดงนิทรรศการขนาดย่อมๆ สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาเยี่ยมเยียน พีระพล เหมรัตน์ รองประธานชุมชนป้อมมหากาฬ หนึ่งผู้ขับเคลื่อนคนสำคัญมักประจำอยู่บริเวณลานชุมชนแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. เขาเป็นตัวแทนชุมชนร่วมกับประชาสังคมและนักวิชาการ เดินทางไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพื่อยื่นหนังสือถึง บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการพหุภาคี เพื่อหยุดการไล่รื้อและจัดทำแนวทางการรักษาคุณค่าพื้นที่ประวัติศาสตร์ชานพระนครให้เป็นสมบัติชาติ

พีระพลบอกว่า การเดินทางไปยังยื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อให้บิ๊กตู่ช่วยระงับการรื้อถอนชุมชนป้อมมหากาฬ รวมทั้งเป็นการทวงถามเพราะก่อนหน้านี้ทำการยื่นไปแล้วแต่เรื่องยังเงียบ ขณะที่เวลากระชั้นชิดขึ้นมาทุกที ต้องการให้มีการเปิดเวทีพูดคุยกัน หรืออย่างน้อยๆ ก่อนไล่รื้อทั้ง 12 ครัวเรือนที่เต็มใจย้ายออก กทม. ต้องชี้แจงแนวทางปฏิบัติอย่างละเอียดเพื่อสร้างความเข้าใจอันดี

“เราคุยกันว่ามันน่าจะจบกันไปได้แล้วนะ คิดหาทางร่วม ถ้าไม่อย่างนั้น ชาวบ้านไม่ยอม รัฐไม่ยอม อะไรจะเกิดขึ้น มันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เกิดการปะทะ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิด เราไม่อยากสร้างภาพที่มันไม่ดี เราก็เลยมีการพูดคุยกับชาวบ้าน เราก็อารยะขัดขืนอะไรก็แล้ว ถ้ายืนหนังสือแล้วรัฐยังดื้อดึง สงสัยต้องมีการผลักดันกันเกิดขึ้นมา คนที่ย้ายออกส่วนหนึ่ง 12 ครัวเรือน (เหลือ44 ครัวเรือน ที่ยังคงอยู่) เราไม่ติดใจนะ จะมีบางส่วนขออนุญาตย้ายออก สู้กันมานานจนเขาย้าย แต่เราอยากได้ความชัดเจนรื้อย้ายแล้วทำอย่างไรต่อ เฟสต่อไปเป็นของเราหรือเปล่า ฉะนั้น วันที่ 3 - 4 ก. ย. นี้ อยากให้ กทม. คุยก่อน ถ้าเขารื้อแล้วอย่างไรต่อละ ต่อไปคุณจะมารื้อต่อใช่มั้ย ก็เข้าอีหรอบเดิม”

อย่างไรก็ตาม ชุมชนป้อมมหากาฬ มีข้อเสนอต่อทาง กทม. เป็นแนวทางแก้ปัญหาสถานการณ์ขัดแย้งกว่า 24 ปี สืบเนื่องจากแผนแม่บทสร้างสวนสาธารณะของ กทม. มีผลบังคับให้ผู้อยู่อาศัยหลังชานพระนครต้องย้ายออกตามพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน พ.ศ. 2535

“พวกเขามีข้อเสนอ ขอเป็นหน่วยงานย่อยดูแลชุมชนโดยไม่รับค่าตอบแทน ดูแลสวนให้ ทีนี้ ลองคิดภาพเป็นสวนอย่างเดียวแล้ว กายภาพมันเป็นกำแพงสูง มันย่อมมีความอันตราย ยามรักษาอาจจะไม่ทั่วถึง แต่เรามีวิถีชุมชนเราอาสาเป็นเวรเป็นยามให้ ตอนนี้อยู่กัน 56 หลังคาเรือน ออก 12 หลังคาเรือน สู้ไม่ไหวยอมย้ายออก เหลือ 44 หลังคาเรือน เราจะสู้กันต่อไป”

พีระพล กล่าวถึง พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต มหากาฬโมเดล ซึ่งถือเป็นออกซิเจนต่อลมหายใจแก่ชาวชุมชน แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของชุมชนและโบราณสถาน เปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูสัมผัสถีชีวิตชุมชนเก่าแก่ริมกำแพงเมืองแห่งสุดท้ายใน กทม. โดยที่ชาวบ้านพร้อมใจขยับพื้นที่หน้าบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม

“เดี๋ยวเราปรับปรุงบ้านใหม่ ขยับพื้นที่สวยอีกเสียหน่อยหนึ่ง เปิดพื้นที่ให้คนมาเที่ยวสวนสาธารณะ ถ้าอยากดูวิถีชีวิตนักท่องเที่ยวก็จะเห็นว่าชาวบ้านเขาอยู่กันอย่างไร มีอาชีพอะไรบ้าง เป็นอย่างไร เขาจะได้เห็นกัน แต่การทำสวนสาธารณะอย่างเดียวตรงนี้มันเหมือนโดนลบไปเลย เรื่องประวัติศาสตร์ การที่เราจะมานั่งเล่ากันอย่างนี้ไม่รู้ว่าใครจะมาเล่าแล้ว แต่ถ้าเราได้อยู่ประวัติศาสตร์ก็ยังรับรู้ น้องนักศึกษาเข้ามาข้างในก็จะเห็นว่ามันน่าสนใจ น่าเรียนรู้ เราพยายามทำให้เห็นว่าผลักดันตรงนี้อยู่ แต่ กทม. ไม่สนใจ”

มหากาฬโมเดล เกิดจากการสนับสนุนของภาคประชาสังคม และภาควิชาการ นำประวัติศาสตร์และวิถีชุมชนมาสร้างบรรยากาศลักษณะที่เรียกว่า พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต ซึ่งภายในบริเวณชุมชนป้อมมหากาฬ เต็มไปด้วยบ้านโบราณที่มีเรื่องราว ซึ่งมีการจัดทำแผ่นป้ายข้อมูลภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวด้วย รวมทั้งรวบรวมเด็กๆ ในชุมชนที่มีความสนใจมาเข้าร่วมเป็น 'มัคคุเทศก์น้อย' นำทัวร์นักท่องเที่ยวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

“จากเงินเก็บที่พอมี ก็ไม่มีแล้ว ออกจากงานประจำ มาช่วยกันดูแล ต้องมาเช้ากินค่ำ ใจ มันสู้ ถ้าสู้ไม่ได้แล้วอะไรเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด แต่ขอสู้ก่อน ดีกว่าไม่ได้สู้ ยังยืนยันชาวบ้านก็ยังสู้ สู้ไม่ได้ค่อยว่ากัน” พีระพลบอกเล่าความรู้สึก

ทั้งนี้ จากการเดินสำรวจไปรอบๆ ชุมชนบริเวณด้านหลังป้อมมหากาฬ เมื่อผ่านประตูรั้วกั้นสีเขียว จะพบบ้านหลังแรกซึ่งยึดอาชีพขายกรงนกเขาชวามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ พี่อ้วน - รัชนี นิลใบ สะใภ้ของครอบครัวเก่าแก่ชุมชนป้อมมหากาฬ บอกว่า ครอบครัวตนเป็นครอบครัวใหญ่อาศัยอยู่ 9 คน ทำมาค้าขายที่นี่มานาน และมีความสุขที่ได้อาศัยอยู่ที่ชุมชนแห่งนี้

“ชาวชุมชนป้อมมหากาฬ รักกันดี พี่ชอบแบบนี้” รัชนีบอก

หลังถัดมา ตั้งอยู่ใกล้ลานชุมชน เป็นบ้านของครอบครัว ยายมล รุจิภักดิ์ อายุ 73 ปี อดีตสาวเมืองยโสธร ย้ายเข้ามาพำนักหลังป้อมมหากาฬกว่า 30 ปีแล้ว

ยายมล เล่าความหลังหลังย้ายถิ่นฐานมาปักหลักที่นี่ว่า แต่เดิมบ้านอยู่ที่มุมหนึ่งโดนต้นไม้ล้มทับ ชาวบ้านก็แบ่งพื้นที่ให้มาอยู่หน้าลานชุมชน แต่ละวันชอบออกมานั่งหน้าบ้าน รับอาสาเป็นยามคอยดูแลพื้นที่ด้วย หรือบางวันก็ขายลูกชิ้นปิ้ง อยู่ว่างๆ แก้เบื่อ

“ยายก็แก่แล้ว อยู่อย่างนี้ก็ดี อยู่ที่นี่สบายนะ เข้าก็ง่าย ออกก็ง่าย เวลาไปหาหมอสบายนะ หลานไปโรงเรียนก็อยู่ใกล้ๆ นี่เอง ชอบนั่งหน้าบ้านอยู่เวรยามช่วยเขาดูฟืนไฟ กลัวไฟมันไหม้”

ด้านประตูช่องกุฏิตรงข้ามวัดราชนัดดา เป็นที่ตั้งของบ้านโบราณ 'บ้านกระเพาะปลา' เป็นที่รู้จักกันดีในชุมชนฯ เรื่องเสน่ห์ปลายจวัก ยายสมใจ กาญจนะ อายุ 75 ปี ยึดอาชีพขายกระเพาะปลามาตั้งแต่สาวๆ แต่หยุดไปเพราะประสบอุบัติเหตุไม่นานมากนี้

“มันก็เครียดบ้างนะ แต่ว่าทำใจ เพราะเราไม่รู้จะทำไง ก็ทำใจ ไม่รู้จะทำไงถ้าเขาไล่” ยายสมใจ เปิดเผยความรู้สึก


กำลังโหลดความคิดเห็น