ผู้จัดการรายวัน360 - ก.วัฒนธรรม เร่งสรุปข้อมูลด้านศาสนาส่ง คสช.พิจาราณา รองรับคำสั่ง ม.44 วางมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในไทย ด้าน “ประวิตร” เชื่อช่วยทำให้สถานการณ์จะดีขึ้นแน่
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ออกคำสั่ง คสช. ที่ 49/2559 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.59 เรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทย โดยมีสาระกำหนดให้หน่วยงานราชการ และองค์กรศาสนาต่างๆที่ทางราชการรับรอง ร่วมกันกําหนดมาตรการ และกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา และกําหนดมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น โดยให้รายงานการทำงานทุก 3 เดือนต่อนายกรัฐมนตรีนั้น
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้ว ซึ่งเรื่องศาสนานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะแต่กรมการศาสนา แต่ยังเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนา จึงจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการประเมินสถานการณ์ สรุปประเด็นปัญหา และทำแผนการส่งเสริมศาสนาทุกศาสนา ซึ่งความขัดแย้งที่ปรากฎส่วนใหญ่มาจากสื่อออนไลน์ที่ปลุกเร้าคนให้เกิดกระแสจนเป็นประเด็นลุกลาม แม้ว่ารัฐบาลจะดูแลงาน 5 ศาสนาอย่างดี และส่งเสริมให้เกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ยังไม่เป็นกิจลักษณะจะมีแค่ครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งตนจะเรียกทุกฝ่ายในกระทรวงมาประชุมหารือภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านศาสนาสรุปนำเสนอ คสช.ต่อไป
** “ประวิตร” หวังคลายปมขัดแย้ง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า คำสั่งัวหน้า คสช. เป็นการแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีบางกลุ่มนำประเด็นดังกล่าวไปปลุกปั่น ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งนี้เป็นการแก้ปัญหาประชาชนในพื้นที่เข้าใจเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ประชาชนอาจจะไม่เข้าใจ เราไม่มีเจตนาให้เป็นไปตามที่เขาคิด เราอาจจะเขียนไม่ชัดเจนไปหน่อย นายกฯจึงใช้วิธีการนี้เพื่อแก้ปัญหา เพราะกลัวว่าประชาชนจะคิดว่าไม่มีการดูแลศาสนาอื่น ผมเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น”.
จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ออกคำสั่ง คสช. ที่ 49/2559 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.59 เรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทย โดยมีสาระกำหนดให้หน่วยงานราชการ และองค์กรศาสนาต่างๆที่ทางราชการรับรอง ร่วมกันกําหนดมาตรการ และกลไกในการส่งเสริมความเข้าใจอันดีและความสมานฉันท์ของศาสนิกชนของทุกศาสนา และกําหนดมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนา และศาสนาอื่น โดยให้รายงานการทำงานทุก 3 เดือนต่อนายกรัฐมนตรีนั้น
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้แจ้งเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแล้ว ซึ่งเรื่องศาสนานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเฉพาะแต่กรมการศาสนา แต่ยังเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนา จึงจำเป็นต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการประเมินสถานการณ์ สรุปประเด็นปัญหา และทำแผนการส่งเสริมศาสนาทุกศาสนา ซึ่งความขัดแย้งที่ปรากฎส่วนใหญ่มาจากสื่อออนไลน์ที่ปลุกเร้าคนให้เกิดกระแสจนเป็นประเด็นลุกลาม แม้ว่ารัฐบาลจะดูแลงาน 5 ศาสนาอย่างดี และส่งเสริมให้เกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ยังไม่เป็นกิจลักษณะจะมีแค่ครั้งคราวเท่านั้น ซึ่งตนจะเรียกทุกฝ่ายในกระทรวงมาประชุมหารือภายในสัปดาห์นี้ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านศาสนาสรุปนำเสนอ คสช.ต่อไป
** “ประวิตร” หวังคลายปมขัดแย้ง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า คำสั่งัวหน้า คสช. เป็นการแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีบางกลุ่มนำประเด็นดังกล่าวไปปลุกปั่น ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งนี้เป็นการแก้ปัญหาประชาชนในพื้นที่เข้าใจเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ประชาชนอาจจะไม่เข้าใจ เราไม่มีเจตนาให้เป็นไปตามที่เขาคิด เราอาจจะเขียนไม่ชัดเจนไปหน่อย นายกฯจึงใช้วิธีการนี้เพื่อแก้ปัญหา เพราะกลัวว่าประชาชนจะคิดว่าไม่มีการดูแลศาสนาอื่น ผมเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น”.