นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เตรียมเสนอให้ กกต. ทำงานในรูปแบบของบอร์ด แทนการแบ่งงานเป็นด้านต่างๆ ว่า ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นงานบริหาร หรืองานวินิจฉัยชี้ขาดคดีก็วินิจฉัยในรูปแบบของบอร์ดอยู่แล้ว ไม่เคยมีกฎหมายหรือระเบียบที่กำหนด กกต.ออกเป็นด้าน แต่ที่ผ่านมาที่มีการแบ่งการทำงานก็เพื่อต้องการอำนวยความสะดวกในการบริหารงานเท่านั้น
ส่วนกรณีที่เตรียมเสนอให้วันที่ 10 ธ.ค.60 เป็นวันเลือกตั้ง ไม่ขอออกความเห็น เพราะจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจ เนื่องจากต้องรอกระบวนการร่างกฎหมายประกอบรธน. ของกรธ.ก่อน ซึ่งทุกอย่างมีกรอบเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ การกำหนดวันเลือกตั้งนั้น ยังไม่แน่นอน ซึ่งคาดว่าเป็นเพียงการกำหนดโรดแมปที่จะต้องเตรียมความพร้อมเท่านั้น
สำหรับการเสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่ระบุอำนาจในการตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือ ใบส้ม ว่ากรณีการให้ใบส้ม กกต.สามารถพิจารณาได้ 2 ช่วง คือก่อนวันเลือกตั้ง หากพบการกระทำที่ส่อว่าทุจริตในการเลือกตั้ง และก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง หากพบว่ามีการทุจริต และเชื่อมโยงไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนที่แยกจากพิจารณาของศาล ว่าจะให้ใบแดงกับผู้สมัครหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่ออุดช่องว่างก่อนการเลือกตั้ง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการเลือกตั้งใหม่ ที่อาจจะสูญเสียงบประมาณ
"เพื่อให้สอดรับกับรธน.ฉบับที่ผ่านการอออกเสียงประชามติ กกต.ได้เสนอความเห็นในประเด็นสำคัญๆ อาทิ พนักงานสอบสวนของสำนักงานกกต. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด หรือ อายัดเอกสาร หรือ พยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย การคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้ง และการกันบุคคลเป็นพยาน การจ่ายรางวัลนำจับกับผู้ชี้เบาะแส การเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น และให้อำนาจศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลฎีกา มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และกำหนดให้ผู้ที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ให้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย " นายบุญส่ง กล่าว
นายบุญส่ง ยังเสนอแนะไปยังกรธ. และ สนช. ถึงประเด็นโทษการกำหนดโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิตในคดีทุจริตเลือกตั้งว่า อยากให้กำหนดเพิ่มเติมในกฎหมายของศาลยุติธรรมว่า ในคดีเลือกตั้งให้สามารถทบทวนคำพิพากษาที่ศาลได้พิจารณาไปแล้วได้ หากปรากฏว่ามีหลักฐานพยานใหม่ชัดเจนว่า ผู้ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตนั้น ถูกกลั่นแกล้งจากการเบิกความเท็จของพยาน เพราะถือว่าโทษดังกล่าวเป็นโทษที่มีความรุนแรง ดังนั้น ควรให้สิทธิในการต่อสู้คดีอีกครั้ง ให้แก่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำผิดจริง
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 10 ธ.ค.60 ว่า นายสมชัยพูดแล้วว่าเป็นความคิดส่วนตัว อาจเป็นการพูดเล่นธรรมดา โดยนายสมชัย มักจะพูดความคิดของตัวเองหลายเรื่องอยู่แล้ว ไม่ผูกมัดกกต. เหมือนที่นายกฯ บอกว่า บางครั้งเป็นการพูดคาบลูกคาบดอก อย่าไปทึกทักว่าจะต้องพาดหัวหน้าหนึ่งไปหมด ไม่เช่นนั้นจะเครียดไปหมด เวลาพูดอะไร ต้องระวัง ตนเองเคยหลุดปากพูดเล่นไปหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชน ยังไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น เพราะกว่าจะถึงเวลานั้นมีขั้นตอนอีกหลายอย่าง ยังไม่สามารถกำหนด หรือควบคุมอะไรได้ในเวลานี้
ส่วนกระแสข่าวการตั้งกรธ. เพิ่ม เพื่อมาทำกฎหมายลูกนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนนี้กรธ. ยังตั้งเพิ่มไม่ได้ ตราบใดที่รธน.ฉบับใหม่ ยังไม่ได้บังคับใช้ กรธ.ยังมีเพียงแค่ 21 คน ตามที่บัญญัติไว้ในรธน.ชั่วคราว แต่พอรธน.ใหม่ประกาศใช้ ในบทเฉพาะกาลระบุว่า สามารถขอเพิ่มกรธ.ได้อีกไม่เกิน 9 คน รวมเป็น 30 คน ที่สุดแล้วต้องทำกันตอนนั้น ไม่ใช่ทำในขณะนี้ ที่สำคัญหากไปทาบทามใคร แล้วเขาจะยอมมาเป็นหรือไม่ เพราะคนที่จะมาเป็นกรธ. จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ภายในระยะเวลา 2 ปี หลังจากพ้นตำแหน่ง 21 คนแรกเขาร่วมเสี่ยงมาแล้ว แต่ 9 คนใหม่ ที่จะมาเสี่ยงแล้วเป็นอะไรไม่ได้ แม้แต่ส.ว. จึงต้องคิดกันหน่อย
ส่วนกรณีที่เตรียมเสนอให้วันที่ 10 ธ.ค.60 เป็นวันเลือกตั้ง ไม่ขอออกความเห็น เพราะจะเป็นการก้าวล่วงอำนาจ เนื่องจากต้องรอกระบวนการร่างกฎหมายประกอบรธน. ของกรธ.ก่อน ซึ่งทุกอย่างมีกรอบเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว ทั้งนี้ การกำหนดวันเลือกตั้งนั้น ยังไม่แน่นอน ซึ่งคาดว่าเป็นเพียงการกำหนดโรดแมปที่จะต้องเตรียมความพร้อมเท่านั้น
สำหรับการเสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่ระบุอำนาจในการตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือ ใบส้ม ว่ากรณีการให้ใบส้ม กกต.สามารถพิจารณาได้ 2 ช่วง คือก่อนวันเลือกตั้ง หากพบการกระทำที่ส่อว่าทุจริตในการเลือกตั้ง และก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง หากพบว่ามีการทุจริต และเชื่อมโยงไปยังผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนที่แยกจากพิจารณาของศาล ว่าจะให้ใบแดงกับผู้สมัครหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่ออุดช่องว่างก่อนการเลือกตั้ง เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการเลือกตั้งใหม่ ที่อาจจะสูญเสียงบประมาณ
"เพื่อให้สอดรับกับรธน.ฉบับที่ผ่านการอออกเสียงประชามติ กกต.ได้เสนอความเห็นในประเด็นสำคัญๆ อาทิ พนักงานสอบสวนของสำนักงานกกต. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด หรือ อายัดเอกสาร หรือ พยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย การคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้ง และการกันบุคคลเป็นพยาน การจ่ายรางวัลนำจับกับผู้ชี้เบาะแส การเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น และให้อำนาจศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลฎีกา มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และกำหนดให้ผู้ที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ให้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย " นายบุญส่ง กล่าว
นายบุญส่ง ยังเสนอแนะไปยังกรธ. และ สนช. ถึงประเด็นโทษการกำหนดโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิตในคดีทุจริตเลือกตั้งว่า อยากให้กำหนดเพิ่มเติมในกฎหมายของศาลยุติธรรมว่า ในคดีเลือกตั้งให้สามารถทบทวนคำพิพากษาที่ศาลได้พิจารณาไปแล้วได้ หากปรากฏว่ามีหลักฐานพยานใหม่ชัดเจนว่า ผู้ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตนั้น ถูกกลั่นแกล้งจากการเบิกความเท็จของพยาน เพราะถือว่าโทษดังกล่าวเป็นโทษที่มีความรุนแรง ดังนั้น ควรให้สิทธิในการต่อสู้คดีอีกครั้ง ให้แก่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้กระทำผิดจริง
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 10 ธ.ค.60 ว่า นายสมชัยพูดแล้วว่าเป็นความคิดส่วนตัว อาจเป็นการพูดเล่นธรรมดา โดยนายสมชัย มักจะพูดความคิดของตัวเองหลายเรื่องอยู่แล้ว ไม่ผูกมัดกกต. เหมือนที่นายกฯ บอกว่า บางครั้งเป็นการพูดคาบลูกคาบดอก อย่าไปทึกทักว่าจะต้องพาดหัวหน้าหนึ่งไปหมด ไม่เช่นนั้นจะเครียดไปหมด เวลาพูดอะไร ต้องระวัง ตนเองเคยหลุดปากพูดเล่นไปหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชน ยังไม่มีอะไรต้องตื่นเต้น เพราะกว่าจะถึงเวลานั้นมีขั้นตอนอีกหลายอย่าง ยังไม่สามารถกำหนด หรือควบคุมอะไรได้ในเวลานี้
ส่วนกระแสข่าวการตั้งกรธ. เพิ่ม เพื่อมาทำกฎหมายลูกนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตอนนี้กรธ. ยังตั้งเพิ่มไม่ได้ ตราบใดที่รธน.ฉบับใหม่ ยังไม่ได้บังคับใช้ กรธ.ยังมีเพียงแค่ 21 คน ตามที่บัญญัติไว้ในรธน.ชั่วคราว แต่พอรธน.ใหม่ประกาศใช้ ในบทเฉพาะกาลระบุว่า สามารถขอเพิ่มกรธ.ได้อีกไม่เกิน 9 คน รวมเป็น 30 คน ที่สุดแล้วต้องทำกันตอนนั้น ไม่ใช่ทำในขณะนี้ ที่สำคัญหากไปทาบทามใคร แล้วเขาจะยอมมาเป็นหรือไม่ เพราะคนที่จะมาเป็นกรธ. จะไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ภายในระยะเวลา 2 ปี หลังจากพ้นตำแหน่ง 21 คนแรกเขาร่วมเสี่ยงมาแล้ว แต่ 9 คนใหม่ ที่จะมาเสี่ยงแล้วเป็นอะไรไม่ได้ แม้แต่ส.ว. จึงต้องคิดกันหน่อย