นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน เปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะผู้ปฏิบัติงานสืบสวนสอบสวนให้เป็นมืออาชีพ ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาเป็นผู้บริหารของสำนักงานกกต. ในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 120 คน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่สืบสวนสอบสวน และรวมรวบความเห็นจากผู้ปฏิบัติไปพิจารณา เสนอแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งทุกระดับ เพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญที่ผ่านการออกเสียงประชามติ
นายบุญส่งกล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการออกเสียงประชามติ ถือเป็นฉบับแรกที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง เพราะบัญญัติให้มี“การไต่สวน” ในคดีเลือกตั้งด้วย จากเดิมที่มีเพียง“การสอบสวน”เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ครบองค์ประกอบในการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งจากนี้ไปการพิจารณาคดีของศาล จะต้องใช้สำนวนของกกต.เป็นหลักในการพิจารณา ดังนั้นกระบวนการสืบสวนสอบสวนของกกต. จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาคดีด้วย
นายบุญส่ง ยังกล่าวถึงการเสนอความเห็นในการยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในหลายประเด็น อาทิ ให้ กกต. หรือบุคคลที่กกต.แต่งตั้ง โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนของสำนักงานกกต. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด หรือ อายัดเอกสาร หรือ พยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย การคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้ง และการกันบุคคลเป็นพยาน การจ่ายรางวัลนำจับกับผู้ชี้เบาะแส การเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น และให้อำนาจศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลฎีกา มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และกำหนดให้ผู้ที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ให้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ กกต.อยู่ระหว่างการจัดตั้ง สำนักป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้งขึ้นใหม่ด้วย
นายบุญส่งกล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการออกเสียงประชามติ ถือเป็นฉบับแรกที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง เพราะบัญญัติให้มี“การไต่สวน” ในคดีเลือกตั้งด้วย จากเดิมที่มีเพียง“การสอบสวน”เท่านั้น ซึ่งจะทำให้ครบองค์ประกอบในการแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งจากนี้ไปการพิจารณาคดีของศาล จะต้องใช้สำนวนของกกต.เป็นหลักในการพิจารณา ดังนั้นกระบวนการสืบสวนสอบสวนของกกต. จะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการพิจารณาคดีด้วย
นายบุญส่ง ยังกล่าวถึงการเสนอความเห็นในการยกร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในหลายประเด็น อาทิ ให้ กกต. หรือบุคคลที่กกต.แต่งตั้ง โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนของสำนักงานกกต. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอำนาจออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด หรือ อายัดเอกสาร หรือ พยานหลักฐานที่ใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย การคุ้มครองพยานในคดีเลือกตั้ง และการกันบุคคลเป็นพยาน การจ่ายรางวัลนำจับกับผู้ชี้เบาะแส การเพิ่มโทษผู้กระทำความผิดให้สูงขึ้น และให้อำนาจศาลอุทธรณ์ หรือ ศาลฎีกา มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ และกำหนดให้ผู้ที่ไม่ชำระค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ให้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกันนี้ กกต.อยู่ระหว่างการจัดตั้ง สำนักป้องกันและปราบปรามการทุจริตการเลือกตั้งขึ้นใหม่ด้วย