ผู้จัดการรายวัน 360 - “ศรีวราห์” นำทีมสืบสวนคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ ลงพื้นที่ “เมืองคอน” หอบหลักฐานเสนอศาลทหารออกหมายจับมือก่อเหตุที่ป่าตอง ชี้ดีเอ็นเอตรงกับผู้ต้องหาก่อเหตุความไม่สงบที่ตากใบเมื่อปี 2547 ผบ.ตร.ยันความคืบหน้าคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ รุดหน้าแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ สามารถต่อจิ๊กซอว์ได้มากขึ้น ลั่นเอาผิดทั้งขบวนการ
ช่วงเช้าวานนี้ (16 ส.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดและเหตุวางเพลิง ใน 7 จังหวัดภาคใต้ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับตำรวจชุดคลี่คลายคดีเผาห้างเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นการประชุมลับไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมฟังการประชุมด้วยแต่อย่างใด มี พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร (ผบก.ภ.) จ.นครศรีธรรมราช และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ไม่พอใจการทำงานของชุดจับกุมที่รีบร้อนจับผู้ต้องหารายแรก ทั้งที่มีพยานหลักฐานไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดความผิดพลาด และอาจเป็นการจับกุมผิดตัว
ขณะที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้บรรยายสรุปถึงความคืบหน้าในการคลี่คลายติดตามจับกุมคนร้ายล่าสุดต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ว่า ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดทั้งห้าง และนอกห้าง ก็พบตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนโดยเห็นหน้าอย่างชัดเจน ขณะนี้ทราบว่านั่งรถโดยสารกลับเข้าไปยังพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จังหวัดหนึ่ง จากการรวบรวมพยานหลักฐานจำนวนมากมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนน่าจะเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุเผาเทสโก้โลตัสนครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน ทำให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์พอใจในการคลี่คลายคดีและสั่งให้ตำรวจใช้ความระมัดระวังรอบคอบในการทำสำนวนคดีให้มากกว่าเดิม โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ จะเดินทางไปขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 41 (มทบ.41) ด้วยตัวเอง
**ศาลอนุมัติหมายจับ 3 ราย
ภายหลังการประชุม พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ตนได้เร่งรัดให้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมทั้งให้ตำรวจพยายามออกหมายจับเพิ่มเติมให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยตนจะเป็นผู้ออกหมายจับเองทุกคดี โดยวันนี้ตนได้นำหลักฐานเพื่อนำไปยื่นต่อศาล มทบ. 41 จ.นครศรีธรรมราช ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเป็นชาย 1 ราย ที่หลักฐานชัดว่าก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยพยานหลักฐานที่ได้จากจุดเกิดเหตุ เมื่อนำไปตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอพบว่าตรงกับผู้ต้องหาที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 จึงขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายนี้เพื่อสืบสวนติดตามตัวต่อไปโดยประสานทุกช่องทางที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นไปได้ว่าผู้ต้องหารายนี้จะหลบหนี จากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้คือกุญแจสำคัญที่จะสาวถึงเครือข่ายรายอื่นๆ ได้
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายศักรินทร์ คฤหัส อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่นั้น พนักงานสอบสวน ภ.จว.นครศรีธรรมราช ออกหมายจับไปตามหลักฐานที่ปรากฏในตอนแรก เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และขณะนี้อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ตามมาตรา 44 โดยหากทหารคุมตัวครบ 7 วันก็จะส่งตัวให้ตำรวจ ถึงตอนนั้นพนักงานสอบสวนจะพิจารณาซึ่งอาจให้ประกันตัว เพื่อปล่อยตัวชั่วคราวก็ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการทำสำนวน ออกหมายจับ ดำเนินคดีต่อใครก็ตามจะทำตามพยานหลักฐานที่ต้องชัดเจน เป็นธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้ง โดยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หากรายใดที่พบว่าไม่มีความผิด ไม่มีหลักฐานตามที่ตั้งข้อหาในตอนแรก ก็สามารถสั่งไม่ฟ้องในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตำรวจและทหารสืบสวนหาข่าวเข้มข้น กดดันกลุ่มต่างๆ เพื่อไม่ให้ก่อเหตุสร้างความไม่สงบต่อประเทศชาติ
ต่อมาเมื่อเวลา 12.40 น. มีรายงานว่า ศาลทหาร มทบ.41 ได้อนุมัติหมายจับตามที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ยื่นเสนอขออนุมัติหมายจับแล้วจำนวน 3 รายประกอบด้วย ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุวางระเบิดที่ จ.ภูเก็ต 1 ราย และได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีเผาห้างเทสโก้โลตัสนครศรีธรรมราชอีก 2 ราย เบื้องต้นคาดว่ายังกบดานอยู่ในประเทศไทย
ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์และคณะจะลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ต.เขาหลัก จ.พังงา และอ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
** ผบ.ตร.เผยคดีคืบหน้าแล้ว 70%
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10 ส.ค.-12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าการสืบสวนสอบสวนคดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทีมสืบสวนสามารถต่อจิ๊กซอว์ในคดีได้มาก ขณะนี้ทีมสืบสวนชุดใหญ่ก็อยู่ปฏิบัติงานในพื้นที่ทั้งหมด โดยเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีซึ่งแนวทางการสืบสวนถือว่าดีมาก ภาพรวมคดีมีความคืบหน้ากว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนความคืบหน้าในการออกหมายจับผู้ต้องหาทราบว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าคนร้ายยังกบดานอยู่ในประเทศ
“เราตั้งใจที่จะเอาผิดทั้งขบวนการ แต่จะได้มากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นก็อยากได้ตัวผู้ที่ก่อเหตุมาก่อน ขณะนี้พยายามเร่งรัดการทำงาน แต่การสืบสวนมีข้อจำกัดเรื่องกระบวนการและเวลา จะรีบเร่งเกินไปไม่ได้ ต้องทำโดยรอบคอบ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือกลุ่มบีอาร์เอ็นที่เข้ามารับงานในพื้นที่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตกันไป เราไม่สามารถห้ามความคิดใครได้อยู่แล้ว แต่เมื่อความจริงปรากฏก็จะรู้เองว่าเป็นอย่างไร
**"สุวพันธุ์" ยอมรับหน่วยข่าวพลาด
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดออกจากการสอบสวนได้ เพราะต้องตรวจสอบผู้บงการ ผู้ก่อเหตุ และผู้สนับสนุน โดยเจ้าหน้าที่มีอุปกรณ์สำหรับวางระเบิด ซึ่งถือเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการจัดซื้อ ซึ่งที่สำคัญต้องจับกุมตัวละครให้ได้มากกว่านี้ จึงพบมูลเหตุจูงใจ ว่าใครอยู่เบื้องหลัง สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ตนให้ความสำคัญน้อยกว่าประเด็นอื่น เพราะข้อมูลข่าวกรองไม่พบการประสานงานใดๆ
นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า งานด้านการข่าวมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ หน่วยข่าวไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อเกิดเหตุขึ้นหน่วยข่าวมักจะถูกตำหนิ เพราะสังคมอาจจะมองว่าไม่มีศักยภาพ ไม่มีความสามารถ จึงต้องดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหน่วยข่าวมองข้ามสิ่งใดไป มองไปที่ประเด็นอื่นมากไปหรือไม่ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จึงต้องแผนปรับปรุงและพัฒนางานด้านการข่าวให้บูรณาการแต่ละหน่วยงานเพิ่มมากขึ้น
"หน่วยข่าวต้องปรับปรุงการทำงาน เพราะปล่อยให้มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น แต่ก็ต้องให้เวลาหน่วยข่าวกรองได้ทำงาน เพราะเขาเองก็กดดัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีระเบิดบางจุดทำงานไม่สมบูรณ์ จะทำให้เห็นหลักฐานเช่น โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นฮีโร่ ที่ใช้ปฏิบัติการมีหมายเลขเครื่องและซิมการ์ดระบุอยู่ ก็ต้องนำมาดูว่าทั้งเครื่องโทรศัพท์และซิมการ์ด มีขายในประเทศไทยหรือไม่ ถ้าขายในประเทศเพื่อนบ้าน เราอาจจะขอความร่วมมือให้มาช่วยตรวจสอบได้หรือไม่ เพื่อนำมาช่วยขยายผลการสอบสวนได้"
นายสุวพันธุ์ กล่าวต่อว่า ตนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งระบุว่าโอกาสที่จะมีผู้ก่อเหตุมี 2 กรณี 1. การกระทำของคนในพื้นที่ 2. คนนอกพื้นที่ แต่สร้างระเบิดให้เหมือนกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่วันนี้ยังไม่มีตัวละครที่จะมายืนยัน ว่าใครทำ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เครือข่ายภาคประชาชนและชุมชน ต้องช่วยกันดูแลความผิดปกติ ขณะที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำงานหนัก คนไทยต้องช่วยกันเดินหน้าหลุดพ้นจากความรุนแรง.