รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยยังไม่ตัดประเด็นใดในการสอบสวนบึ้มใต้ ยันต้องจับตัวละครให้ได้มากกว่านี้จึงจะรู้ใครชักใย ย้ำไม่พบเอี่ยวต่างชาติ ระบุหน่วยข่าวไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เผย “ประวิตร” สั่งขันนอตแล้ว แต่ขอเวลาทำงาน อาจขอความร่วมมือเพื่อนบ้านช่วยสอบ แนะชาวบ้านช่วยกันดูและความผิดปกติ
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดออกจากการสอบสวนได้ เพราะต้องตรวจสอบผู้บงการ ผู้ก่อเหตุ และผู้สนับสนุน โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและการจัดซื้ออุปกรณ์ระเบิดได้ ที่สำคัญต้องจับกุมตัวละครให้ได้มากกว่านี้จึงพบมูลเหตุจูงใจว่าใครอยู่เบื้องหลัง สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงกับต่างประเทศนั้นตนให้ความสำคัญน้อยกว่าประเด็นอื่น เพราะข้อมูลข่าวกรองไม่พบการประสานงานใดๆ
นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า สำหรับงานด้านการข่าวมีความยากง่ายไม่เหมือนกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้หน่วยข่าวไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ และเมื่อเกิดเหตุขึ้นหน่วยข่าวมักจะถูกตำหนิ เพราะสังคมอาจจะมองว่าไม่มีศักยภาพ ไม่มีความสามารถ จึงต้องดูว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหน่วยข่าวมองข้ามสิ่งใดไป มองไปที่ประเด็นอื่นมากไปหรือไม่ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จึงต้องแผนปรับปรุงและพัฒนางานด้านการข่าวให้บูรณาการแต่ละหน่วยงานเพิ่มมากขึ้น
“หน่วยข่าวต้องปรับปรุงการทำงานเพราะปล่อยให้มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น แต่ก็ต้องให้เวลาหน่วยข่าวกรองได้ทำงานเพราะเขาเองก็กดดัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีระเบิดบางจุดทำงานไม่สมบูรณ์จะทำให้เห็นหลักฐานเช่น โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นฮีโร่ ที่ใช้ปฏิบัติการมีหมายเลขเครื่องและซิมการ์ดระบุอยู่ ก็ต้องนำมาดูว่าทั้งเครื่องโทรศัพท์และซิมการ์ดมีขายในประเทศไทยหรือไม่ ถ้าขายในประเทศเพื่อนบ้านเราอาจจะขอความร่วมมือให้มาช่วยตรวจสอบได้หรือไม่ เพื่อนำมาช่วยขยายผลการสอบสวนได้” นายสุวพันธุ์กล่าว
นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า ตนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญซึ่งระบุว่าโอกาสที่จะมีผู้ก่อเหตุมี 2 กรณี 1. การกระทำของคนในพื้นที่ 2. คนนอกพื้นที่ แต่สร้างระเบิดให้เหมือนกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่วันนี้ยังไม่มีตัวละครที่จะมายืนยันว่าใครทำ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่เครือข่ายภาคประชาชนและชุมชนต้องช่วยกันดูแลความผิดปกติ ขณะที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำงานหนัก คนไทยต้องช่วยกันเดินหน้าหลุดพ้นจากความรุนแรง