น่าน/พะเยา-ฝนถล่มน้ำป่าทะลักท่วมน่าน-พะเยาอ่วม เผยที่น่านบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 3 พันหลังคาเรือน หนักสุดบ้านทรุดตัวลึกกว่า 1 เมตร ผู้ว่าฯ สั่งเตรียมรับมือ ยึดเหตุการณ์น้ำท่วมปี 49 หวั่นเกิดเหตุซ้ำหนักสุดในรอบ 10 ปี ส่วนที่พะเยา เดือดร้อนกว่า 2,500 หลังคาเรือน คนสูญหาย 1 ไฟดูด 1 ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาเตือนซ้ำภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั่วพื้นที่ทุกอำเภอของจังหวัดน่าน ซึ่งวัดระดับได้เกิน 100 มม. ต่อเนื่องกว่า 24 ชั่วโมง ได้ทำให้ระดับน้ำน่าน ลำน้ำสาขา เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและทะลักล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหลายพื้นที่ โดย พ.อ.อัศม์พงษ์ นิลพันธุ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 32 กองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย ร.ต.ปรัชญา สำโรง ผู้บังคับร้อยทหารพราน 3201 ได้จัดกำลังพลทหารพราน เข้าช่วยเหลือชาวบ้านห้วยฟอง หมู่ 6 ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้ดินอุ้มน้ำไม่ไหวและเกิดการทรุดตัว ถนนเส้นทางหลักของหมู่บ้านทรุดตัวเป็นร่องลึกประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร และทรุดตัวในหลายจุดของหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากดินทรุดตัว 1 หลังคาเรือน คือ บ้านของนายเอกชัย ช่างเงิน โดยกำแพงบ้านได้พังทลายลงมาทับรถจักรยานยนต์เสียหาย และมีเสาไฟฟ้าโค่นล้ม 1 ต้น ทำให้ไฟฟ้าในหมู่บ้านดับ
นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานทุกพื้นที่ทั้ง 15 อำเภอเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณน้ำฝนอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมช่วยเหลือชาวบ้าน รวมทั้งได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนเตรียมการดูแลทรัพย์สินและชีวิตของตัวเอง โดยให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง สัตว์เลี้ยง รถยนต์ ไปไว้ที่ปลอดภัย ขอให้ประชาชนประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2549 ไว้ก่อน เนื่องจากแม่น้ำทุกสายในจังหวัดน่าน มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะล้นตลิ่ง และให้โรงเรียนต่างๆ พิจารณาดูตามความจำเป็นเหมาะสมการเปิด-ปิดโรงเรียน
นายสุรพล เธียรสูตร นายเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า ลักษณะน้ำท่วมแบบนี้ คล้ายกับตอนน้ำท่วม จ.น่าน เมื่อเดือนส.ค.2549 หรือเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้น้ำที่เอ่อเข้าท่วมพื้นที่เป็นสัญญาณเตือนที่คล้ายกับ 10 ปีที่แล้ว
ทางด้านนายกมลโลจฒน์ เชียงวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงท่วมขังบ้านเรือนประชาชน ถนน และพื้นที่การเกษตรแล้วเป็นจำนวนมาก ราษฎรประมาณ 3,000 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน หนักสุดที่ อ.ท่าวังผา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.พะเยา หลังมีฝนตกในพื้นที่ อ.ปง ตลอดทั้งคืนวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้น้ำในลำน้ำงิม ไหลบ่าเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรใน ต.งิม ต.ออย และไหลบ่าลงแม่น้ำยม เอ่อท่วมบ้านเรือนที่อยู่ในที่ลุ่มริมน้ำใน ต.นาปรัง ต.ปง ตลอดจนบริเวณสำนักงานเกษตรอำเภอปง และบ้านพักข้าราชการ รวมถึงได้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างกว่า 10 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลงิม 8 หมู่บ้าน , ตำบลออย 5 หมู่บ้าน , ตำบลนาปรัง 4 หมู่บ้าน และตำบลปง 4 หมู่บ้าน เบื้องต้นทางอำเภอปง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้เร่งช่วยเหลือราษฎรที่ถูกน้ำท่วมในทุกหมู่บ้านให้ขึ้นไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ต่อมานายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากที่ อ.ปง และ อ.เชียงคำ พบว่าในพื้นที่ อ.ปง รวม 5 ตำบลประกอบด้วย ต.งิม ต.ออย ต.ปง ต.นาปรัง และ ต.ควร ได้รับความเสียหายรวม 28 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,500 ครัวเรือน และมีผู้สูญหายจำนวน 1 ราย คือ นายนพรัตน์ คันทะเรศร์ อายุ 39 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.นาปรัง ที่มาช่วยแมวที่ติดอยู่กับเศษกิ่งไม้บริเวณท่อน้ำ คาดว่าอาจจะพลัดตกน้ำแล้วถูกน้ำดูดหายไป และยังพบผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย โดยไฟช็อต 1 ราย อาการสาหัส และหกล้มกระดูกหัก 2 ราย
ขณะเดียวกัน พบว่า ถนนชำรุดเสียหาย 3 เส้นทาง เป็นถนนสายบ้านสันกลาง, บ้านหนองบัว และบ้านแบ่ง โดยมีคอสะพานขาด 1 แห่ง ที่บ้านหนองบัว ม.2 และฝายได้รับความเสียหายอีก 1 แห่ง ใน ต.งิม ส่วนที่ อ.เชียงคำ ได้รับผลกระทบรวม 6 ตำบล รวม 47 หมู่บ้าน 405 ครัวเรือน
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 15 ส.ค.2559 เมื่อเวลา 17.00 น.ระบุว่า ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกต่อเนื่องรวมทั้งฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน และประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั่วพื้นที่ทุกอำเภอของจังหวัดน่าน ซึ่งวัดระดับได้เกิน 100 มม. ต่อเนื่องกว่า 24 ชั่วโมง ได้ทำให้ระดับน้ำน่าน ลำน้ำสาขา เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและทะลักล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหลายพื้นที่ โดย พ.อ.อัศม์พงษ์ นิลพันธุ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 32 กองกำลังผาเมือง พร้อมด้วย ร.ต.ปรัชญา สำโรง ผู้บังคับร้อยทหารพราน 3201 ได้จัดกำลังพลทหารพราน เข้าช่วยเหลือชาวบ้านห้วยฟอง หมู่ 6 ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้ดินอุ้มน้ำไม่ไหวและเกิดการทรุดตัว ถนนเส้นทางหลักของหมู่บ้านทรุดตัวเป็นร่องลึกประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร และทรุดตัวในหลายจุดของหมู่บ้าน
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากดินทรุดตัว 1 หลังคาเรือน คือ บ้านของนายเอกชัย ช่างเงิน โดยกำแพงบ้านได้พังทลายลงมาทับรถจักรยานยนต์เสียหาย และมีเสาไฟฟ้าโค่นล้ม 1 ต้น ทำให้ไฟฟ้าในหมู่บ้านดับ
นายสุวัฒน์ พรมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานทุกพื้นที่ทั้ง 15 อำเภอเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณน้ำฝนอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมช่วยเหลือชาวบ้าน รวมทั้งได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนเตรียมการดูแลทรัพย์สินและชีวิตของตัวเอง โดยให้เก็บข้าวของขึ้นที่สูง สัตว์เลี้ยง รถยนต์ ไปไว้ที่ปลอดภัย ขอให้ประชาชนประเมินสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2549 ไว้ก่อน เนื่องจากแม่น้ำทุกสายในจังหวัดน่าน มีระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะล้นตลิ่ง และให้โรงเรียนต่างๆ พิจารณาดูตามความจำเป็นเหมาะสมการเปิด-ปิดโรงเรียน
นายสุรพล เธียรสูตร นายเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า ลักษณะน้ำท่วมแบบนี้ คล้ายกับตอนน้ำท่วม จ.น่าน เมื่อเดือนส.ค.2549 หรือเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้น้ำที่เอ่อเข้าท่วมพื้นที่เป็นสัญญาณเตือนที่คล้ายกับ 10 ปีที่แล้ว
ทางด้านนายกมลโลจฒน์ เชียงวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน กล่าวว่า ขณะนี้มีพื้นที่ประสบน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงท่วมขังบ้านเรือนประชาชน ถนน และพื้นที่การเกษตรแล้วเป็นจำนวนมาก ราษฎรประมาณ 3,000 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อน หนักสุดที่ อ.ท่าวังผา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.พะเยา หลังมีฝนตกในพื้นที่ อ.ปง ตลอดทั้งคืนวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้น้ำในลำน้ำงิม ไหลบ่าเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎรใน ต.งิม ต.ออย และไหลบ่าลงแม่น้ำยม เอ่อท่วมบ้านเรือนที่อยู่ในที่ลุ่มริมน้ำใน ต.นาปรัง ต.ปง ตลอดจนบริเวณสำนักงานเกษตรอำเภอปง และบ้านพักข้าราชการ รวมถึงได้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างกว่า 10 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลงิม 8 หมู่บ้าน , ตำบลออย 5 หมู่บ้าน , ตำบลนาปรัง 4 หมู่บ้าน และตำบลปง 4 หมู่บ้าน เบื้องต้นทางอำเภอปง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้เร่งช่วยเหลือราษฎรที่ถูกน้ำท่วมในทุกหมู่บ้านให้ขึ้นไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ต่อมานายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด, นายวรวิทย์ บุรณศิริ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากที่ อ.ปง และ อ.เชียงคำ พบว่าในพื้นที่ อ.ปง รวม 5 ตำบลประกอบด้วย ต.งิม ต.ออย ต.ปง ต.นาปรัง และ ต.ควร ได้รับความเสียหายรวม 28 หมู่บ้าน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,500 ครัวเรือน และมีผู้สูญหายจำนวน 1 ราย คือ นายนพรัตน์ คันทะเรศร์ อายุ 39 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.นาปรัง ที่มาช่วยแมวที่ติดอยู่กับเศษกิ่งไม้บริเวณท่อน้ำ คาดว่าอาจจะพลัดตกน้ำแล้วถูกน้ำดูดหายไป และยังพบผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย โดยไฟช็อต 1 ราย อาการสาหัส และหกล้มกระดูกหัก 2 ราย
ขณะเดียวกัน พบว่า ถนนชำรุดเสียหาย 3 เส้นทาง เป็นถนนสายบ้านสันกลาง, บ้านหนองบัว และบ้านแบ่ง โดยมีคอสะพานขาด 1 แห่ง ที่บ้านหนองบัว ม.2 และฝายได้รับความเสียหายอีก 1 แห่ง ใน ต.งิม ส่วนที่ อ.เชียงคำ ได้รับผลกระทบรวม 6 ตำบล รวม 47 หมู่บ้าน 405 ครัวเรือน
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง" ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 15 ส.ค.2559 เมื่อเวลา 17.00 น.ระบุว่า ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ฝนที่ตกต่อเนื่องรวมทั้งฝนที่ตกสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน และประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย