เมื่อเช้าวานนี้ (11 ส.ค.) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1.รอ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดมูลนิธิฯ ให้ตัวแทนครม. ผู้บัญชาการเหล่าทัพ นายทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนระดับสูง และเหล่าคนสนิท พร้อมทั้งอดีตข้าราชการ รวมถึงคู่แคนดิเดต ชิงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระหว่าง พล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก เข้าอวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 71 ปี
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นตัวแทนคณะกล่าวนำอวยพร ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.อ.ประวิตร มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อีกทั้งมีความมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ เพราะที่ผ่านมาก็ได้ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะ ซื่อสัตย์ และมีความสุจริตเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะนำพาประเทศชาติให้มีความเจริญ รวมทั้งก้าวผ่านความขัดแย้ง และเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ เพื่อสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ ซึ่งพวกเรามีความภาคภูมิใจ และพร้อมปฏิบัติตาม เพื่อความเจริญของกองทัพ และประเทศชาติต่อไป
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวตอบว่า ขอขอบคุณน้ำใจไมตรีทุกคนที่มีมาให้มาตลอด ตนอายุครบ 71 ปี ก็ได้รับความกรุณาปราณีจากเพื่อนๆ และน้องๆ ในกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลตนมาโดยตลอด ซึ่งปีนี้เป็นที่ 50 ที่ตนได้ทำงานมา ทั้งการรับราชการ และทำงานให้กับประเทศ ตนไม่เคยลืมน้องๆเพื่อนๆ ไม่เคยลืมบุญคุณที่ทุกคนดีต่อตน ปัจจุบันนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในขั้นวิกฤต และกำลังก้าวสู่การปฏิรูปประเทศ ทำให้ประชาชนเข้าใจ เกิดความปรองดอง ซึ่ง พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เสียสละทุกอย่างตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เข้ามาทำให้ประเทศสงบและต่างประเทศเกิดความเข้าใจในภาพรวม เเม้จะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ในภาพรวมของคนทั้งประเทศเข้าใจ รวมทั้งได้วางพื้นฐานโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้ประเทศเกิดความมั่นคงในอนาคตต่อไป ซึ่งสิ่งที่นายกฯ ทุ่มเทนั้น ทำให้ตนยอมเข้ามาทำงานกับนายกฯ ซึ่งตนก็เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบเล่นการเมือง แต่ก็ต้องเข้ามาทำงานการเมือง 2 ครั้ง ผู้สื่อข่าวไม่ต้องมาถามว่า ตนจะเล่นการเมืองอีกหรือไม่
"ขอให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจด้วยไม่ต้องมาเเช่งผม ว่าผมป่วย ผมสู้ตาย มาแช่งกันอยู่อย่างนี้ ให้ผมเข้าโรงพยาบาล จะไปเข้าได้อย่างไร ในชีวิตผมไม่เคยแอดมิด จำเอาไว้ และไม่เคยเป็นลม มาเขียนว่า ผมเป็นลม ก็มีแต่สื่อทั้งนั้นที่คิดไปเอง คนในกองทัพไม่มีตั้งกันไปเถอะ คนนั้นคนนี้เป็น ผบ.ไม่ถูกสักคนเดียว ซึ่งนายกฯ ก็บอกแล้ว พูดคนไหน คนนั้นไม่ได้เป็น" พล.อ.ประวิตร กล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำเพื่อบ้านเมือง กองทัพ และประชาชน ตนขอยืนยันว่า ประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างสวยงาม เพราะนายกฯ ได้วางพื้นฐานเอาไว้มากมาย ขอฝากทุกคนให้ช่วยกันทำช่วยกันคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่น้อยเนื้อต่ำใจไม่ ได้เป็นโน้นไม่ได้เป็นนี้ เพราะมีหลายอย่างประกอบกัน ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่ดี แต่มันอยู่ที่จังหวะชีวิตและดวงชะตา ซึ่งต้องถาม ผบ.ตร. ดวงดีหรือไม่ ก็เพราะดวงดี เลยได้เป็น ผบ.ตร.เร็ว เพราะฉะนั้นอย่าไปคิด ขอให้ทำภาพรวมของประเทศและกองทัพให้อยู่อย่างมั่นคง กลมเกลียวและสามัคคีกัน
"ผมหวังอย่างยิ่งว่า ในปีนี้ผมอายุ 71 ก็ขึ้น 6 รอบแล้ว ไม่รู้จะอยู่ดูกองทัพได้นานแค่ไหน อย่างที่ผู้สื่อข่าวเเช่งผม ยิ่งแช่งยิ่งอยู่นาน เมื่อวานมีคนอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วโทรมาบอกผม จะมาแช่งให้ผมป่วย คงไม่ป่วยหรอก ยังแข็งเเรงอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าไปอะไร ข่าวที่ออกมา คนนั้นจะเป็นแทนคนนี้ คนนี้จะเป็นแทนคนนั้น ออกได้ทั้งวัน ผมไม่เข้าใจ ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ผบ.เหล่าทัพ สตช. กรมราชองครักษ์ ทุกคนที่มาอวยพรผม ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจดีขึ้น และเเข็งแรงขึ้นไม่เป็นไปตามที่ผู้สื่อข่าวแช่งผม ขอขอบคุณอีกครั้ง และขอให้ทุกคนโชคดีแข็งแรงเท่าผม" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ต่อมาเวลา 08.00 น. พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิดพล.อ.ประวิตร โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนเดินทางกลับเพียงสั้นๆว่า “ได้อวยพรและมอบดอกไม้ให้กับพล.อ.ประวิตร”จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางกลับ โดยมี พล.อ.ประวิตร เดินออกไปส่งบริเวณด้านหน้ามูลนิธิฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับของขวัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ มอบให้ พล.อ.ประวิตร นั้นมีทั้งช่อดอกไม้และไม้แกะสลักเป็นรูปองค์พระพิฆเนศ ส่วนของที่ระลึกที่ พล.อ.ประวิตร มอบให้กับ ผู้ที่เข้ามาอวยพร เป็นพระขุนแผนพรายกุมาร และปากกา
ต่อมาพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าตนเครียดเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี จนต้องเข้าโรงพยาบาลว่า ไม่ได้เครียด ยังสบายมาก ส่วนความความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารนั้น ลงตัว และลงตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะผ่านการพิจารณาของผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพภาค เมื่อขึ้นมาในระดับตน ก็มาดูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งส่วนใหญ่ต้องเป็นของทหารในหน่วยงานเท่านั้น ผู้บัญชาการในหน่วยต่างๆ ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะมาหาตนทั้งหมด
ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยืนยันว่า มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนจะมีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารในระดับชั้นนายพลเมื่อไรนั้น ตนยังไม่ทราบ แต่รายชื่อทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนวันที่ 15 ก.ย.นี้ แน่นอน
ขณะที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กล่าวถึง การจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปีในส่วนของกองทัพบก ว่า ทุกตำแหน่งลงตัว ไม่มีปัญหา และเรียบร้อยดี
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เป็นตัวแทนคณะกล่าวนำอวยพร ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า พล.อ.ประวิตร มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อีกทั้งมีความมุ่งมั่น มีอุดมการณ์ เพราะที่ผ่านมาก็ได้ปฏิบัติงานด้วยความวิริยะ ซื่อสัตย์ และมีความสุจริตเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะนำพาประเทศชาติให้มีความเจริญ รวมทั้งก้าวผ่านความขัดแย้ง และเดินหน้าการปฏิรูปประเทศ เพื่อสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ ซึ่งพวกเรามีความภาคภูมิใจ และพร้อมปฏิบัติตาม เพื่อความเจริญของกองทัพ และประเทศชาติต่อไป
ด้านพล.อ.ประวิตร กล่าวตอบว่า ขอขอบคุณน้ำใจไมตรีทุกคนที่มีมาให้มาตลอด ตนอายุครบ 71 ปี ก็ได้รับความกรุณาปราณีจากเพื่อนๆ และน้องๆ ในกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลตนมาโดยตลอด ซึ่งปีนี้เป็นที่ 50 ที่ตนได้ทำงานมา ทั้งการรับราชการ และทำงานให้กับประเทศ ตนไม่เคยลืมน้องๆเพื่อนๆ ไม่เคยลืมบุญคุณที่ทุกคนดีต่อตน ปัจจุบันนี้บ้านเมืองของเราอยู่ในขั้นวิกฤต และกำลังก้าวสู่การปฏิรูปประเทศ ทำให้ประชาชนเข้าใจ เกิดความปรองดอง ซึ่ง พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เสียสละทุกอย่างตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 เข้ามาทำให้ประเทศสงบและต่างประเทศเกิดความเข้าใจในภาพรวม เเม้จะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ในภาพรวมของคนทั้งประเทศเข้าใจ รวมทั้งได้วางพื้นฐานโครงสร้างต่างๆ เพื่อให้ประเทศเกิดความมั่นคงในอนาคตต่อไป ซึ่งสิ่งที่นายกฯ ทุ่มเทนั้น ทำให้ตนยอมเข้ามาทำงานกับนายกฯ ซึ่งตนก็เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่ชอบเล่นการเมือง แต่ก็ต้องเข้ามาทำงานการเมือง 2 ครั้ง ผู้สื่อข่าวไม่ต้องมาถามว่า ตนจะเล่นการเมืองอีกหรือไม่
"ขอให้ผู้สื่อข่าวเข้าใจด้วยไม่ต้องมาเเช่งผม ว่าผมป่วย ผมสู้ตาย มาแช่งกันอยู่อย่างนี้ ให้ผมเข้าโรงพยาบาล จะไปเข้าได้อย่างไร ในชีวิตผมไม่เคยแอดมิด จำเอาไว้ และไม่เคยเป็นลม มาเขียนว่า ผมเป็นลม ก็มีแต่สื่อทั้งนั้นที่คิดไปเอง คนในกองทัพไม่มีตั้งกันไปเถอะ คนนั้นคนนี้เป็น ผบ.ไม่ถูกสักคนเดียว ซึ่งนายกฯ ก็บอกแล้ว พูดคนไหน คนนั้นไม่ได้เป็น" พล.อ.ประวิตร กล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากฝากให้ทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำเพื่อบ้านเมือง กองทัพ และประชาชน ตนขอยืนยันว่า ประเทศจะเดินไปข้างหน้าอย่างสวยงาม เพราะนายกฯ ได้วางพื้นฐานเอาไว้มากมาย ขอฝากทุกคนให้ช่วยกันทำช่วยกันคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่น้อยเนื้อต่ำใจไม่ ได้เป็นโน้นไม่ได้เป็นนี้ เพราะมีหลายอย่างประกอบกัน ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่เก่ง หรือไม่ดี แต่มันอยู่ที่จังหวะชีวิตและดวงชะตา ซึ่งต้องถาม ผบ.ตร. ดวงดีหรือไม่ ก็เพราะดวงดี เลยได้เป็น ผบ.ตร.เร็ว เพราะฉะนั้นอย่าไปคิด ขอให้ทำภาพรวมของประเทศและกองทัพให้อยู่อย่างมั่นคง กลมเกลียวและสามัคคีกัน
"ผมหวังอย่างยิ่งว่า ในปีนี้ผมอายุ 71 ก็ขึ้น 6 รอบแล้ว ไม่รู้จะอยู่ดูกองทัพได้นานแค่ไหน อย่างที่ผู้สื่อข่าวเเช่งผม ยิ่งแช่งยิ่งอยู่นาน เมื่อวานมีคนอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วโทรมาบอกผม จะมาแช่งให้ผมป่วย คงไม่ป่วยหรอก ยังแข็งเเรงอยู่ เพราะฉะนั้นอย่าไปอะไร ข่าวที่ออกมา คนนั้นจะเป็นแทนคนนี้ คนนี้จะเป็นแทนคนนั้น ออกได้ทั้งวัน ผมไม่เข้าใจ ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ผบ.เหล่าทัพ สตช. กรมราชองครักษ์ ทุกคนที่มาอวยพรผม ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจดีขึ้น และเเข็งแรงขึ้นไม่เป็นไปตามที่ผู้สื่อข่าวแช่งผม ขอขอบคุณอีกครั้ง และขอให้ทุกคนโชคดีแข็งแรงเท่าผม" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ต่อมาเวลา 08.00 น. พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิดพล.อ.ประวิตร โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนเดินทางกลับเพียงสั้นๆว่า “ได้อวยพรและมอบดอกไม้ให้กับพล.อ.ประวิตร”จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางกลับ โดยมี พล.อ.ประวิตร เดินออกไปส่งบริเวณด้านหน้ามูลนิธิฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับของขวัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ มอบให้ พล.อ.ประวิตร นั้นมีทั้งช่อดอกไม้และไม้แกะสลักเป็นรูปองค์พระพิฆเนศ ส่วนของที่ระลึกที่ พล.อ.ประวิตร มอบให้กับ ผู้ที่เข้ามาอวยพร เป็นพระขุนแผนพรายกุมาร และปากกา
ต่อมาพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าตนเครียดเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี จนต้องเข้าโรงพยาบาลว่า ไม่ได้เครียด ยังสบายมาก ส่วนความความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารนั้น ลงตัว และลงตัวมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะผ่านการพิจารณาของผู้บัญชาการกองพล แม่ทัพภาค เมื่อขึ้นมาในระดับตน ก็มาดูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งตำแหน่งส่วนใหญ่ต้องเป็นของทหารในหน่วยงานเท่านั้น ผู้บัญชาการในหน่วยต่างๆ ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะมาหาตนทั้งหมด
ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยืนยันว่า มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนจะมีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งนายทหารในระดับชั้นนายพลเมื่อไรนั้น ตนยังไม่ทราบ แต่รายชื่อทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ก่อนวันที่ 15 ก.ย.นี้ แน่นอน
ขณะที่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กล่าวถึง การจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปีในส่วนของกองทัพบก ว่า ทุกตำแหน่งลงตัว ไม่มีปัญหา และเรียบร้อยดี