รองหัวหน้า ปชป.แจงเหตุไม่รับร่าง รธน. ชี้มีอคตินักการเมืองทุกด้าน ให้เหล่าทัพนั่ง ส.ว.แบบยุคจอมพลถนอม สืบทอดอำนาจ มีช่องให้ ขรก.เลือกนายกฯ กันเอง แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ส่อถูกดันเป็น กม. แถมคุม ส.ว. เท่ากับมัดมือชก รบ.เลือกตั้ง ฟันธงไม่พรรคใดได้ ส.ส.ถึง 250 คน ส.ว.กลายเป็นฐานผู้มีอำนาจ
วันนี้ (1 ส.ค.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุผลไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้ออกมาโดยมีอคติต่อนักการเมืองในเกือบทุกด้าน อีกทั้งยังให้ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยกำหนดให้มี ผบ.เหล่าทัพเข้าไปเป็น ส.ว.โดยตำแหน่งตามมาตรา 269 (1)(ค) ซึ่งจะย้อนไปสู่ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ทั้งๆ ที่เจตนารมณ์ของการมี ส.ว.คือต้องการคนที่เป็นกลางทางการเมือง และต้องไม่เป็นสภาผัวเมีย หรือสภาครอบครัว แต่ทหารก็ยังให้ ผบ.เหล่าทัพเข้ามาเพื่อคุมเสียงของ ส.ว.สรรหาซึ่งเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของการมี ส.ว. อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดอำนาจ คสช.ผ่าน ส.ว.ด้วย นอกจากนี้ยังให้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มาจากการเลือกตั้งต้องพ้นจากทำหน้าที่ในกรณีใช้งบแปรญัตติ หรือใช้งบผิดประเภทในมาตรา 168 และให้ปลัดกระทรวงเลือกกันเอง หนึ่งคนเพื่อเป็นนายกฯรักษาการณ์ ถือเป็นการทำลายแก่นของระบอบประชาธิปไตย เพราะหลักต้นแบบของประชาธิปไตยมาจากการเสียภาษีของประชาชน แต่ร่างฉบับนี้กลับตารปัด ยอมให้ข้าราชการใช้จ่ายภาษีของประชาชนผ่านตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เลือกกันเองโดยไม่ผ่านประชาชนได้
“ที่สำคัญหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านรัฐธรรมนูญได้กำหนดว่าต้องร่างแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้เสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการยกระดับขึ้นเป็นกฎหมาย ไม่ใช่แค่นโยบาย โดยจะมีผลในการบังคับใช้ ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องทำตาม ทั้งที่ยุทธศาสตร์นี้ออกแบบโดยรัฐบาลทหาร และแม้ผู้เกี่ยวข้องจะชี้แจงว่าแผนยุทธศาสตร์นี้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถามว่าโดยข้อเท็จจริงแล้วในเมื่อเขาคุม ส.ว.250 คนในมือได้ ซึ่งเปรียบเหมือนเป็นพรรคการเมืองหนึ่ง การปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมายใด ก็ทำได้ยาก หากเขาไม่เอาด้วย ดังนั้นจึงเป็นการมัดมือชกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งนี้ อีกเรื่องสำคัญคือ กรณีคำถามพ่วง ถ้าผ่าน ส.ว.สรรหาสามารถโวหตเลือกนายกฯ ได้ร่วมกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นแล้ว ขอฟันธงว่าในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่มีพรรคการเมืองใดได้ ส.ส.มากถึง 250 คน สุดท้าย ส.ว.จะถือเป็นฐานของผู้มีอำนาจ เป็นเหมือนพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งที่มีตุนไว้แล้วก่อนการเลือกตั้ง” นายนิพิฏฐ์กล่าว