ผู้จัดการรายวัน360 - หลวงพี่แป๊ะ ดอดเข้าพบดีเอสไอ รับทราบข้อกล่าวหาคดีรถเบนซ์โบราณสมเด็จช่วง แต่ไม่ยอมตอบคำถามพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด อ้างจะขอตอบเป็นลายลักษณ์อักษรแทน ด้านคดีฟอกเงิน-รับของโจร "พระธัมมชโย" เร่งสอบพยานเพิ่มเติมก่อนนำส่งอัยการ 11 ส.ค.นี้ และนัดสั่งฟ้องคดีในวันที่ 30 ส.ค. 59
จากกรณีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเลขานุการส่วนตัว สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา "มีไว้ในครอบครองรถยนต์โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527" หลังมีส่วนเกี่ยวข้องคดีรถเบนซ์ โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถผิดกฏหมายหลบเลี่ยงภาษี ในวันที่ 16 ส.ค.นี้
ล่าสุดวานนี้ (10 ส.ค.) พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยมี พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 3 ท่าน ร่วมสอบปากคำ
สำหรับ พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำในประเด็น อาทิ 1.ที่มาที่ไปของเงินบริจาค ก่อนจะนำไปซื้อรถเบนซ์ โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ 2.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคหรือไม่ 3.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ท่านทราบหรือไม่ว่า รถเบนซ์ โบราณดังกล่าว เป็นรถผิดกฏหมาย และ 4.รู้หรือไม่ว่าราคาที่แท้จริงรถเบนซ์ดังกล่าวมีราคาประมาณ 6 ล้านบาท
เบื้องต้น พระมหาศาสนมุนี ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และไม่ขอตอบคำถามที่พนักงานสอบสวนถามไป ก่อนที่นายสุรพงษ์ ทนายความส่วนตัวจะแจ้งว่า จะขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน และขอรอผลการพิจารณาศาล ในคดีแพ่ง ที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่รถผู้รับจ้าง ประกอบรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ในข้อหา ผิดสัญญาจ้างวาน หลังจากนั้นจะนำเอกสารทั้งหมดมามอบให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 27 ก.ย.นี้
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พระมหาศาสนมุนี ได้ประสานขอเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อนกำหนดในวันนี้แทนวันที่ 16 ส.ค. และในชั้นนี้พนักงานสอบสวนได้ปฎิบัติตามขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาครบถ้วนตามกระบวนการ
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยธ. กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรียบร้อยแล้ว ต้องชื่นชมท่านเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งการมารายงานตัวและทำอย่างนี้เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องมาโต้ตอบให้เป็นกระแสสังคมแต่ให้ยึดมั่นกฎหมายเป็นหลัก
*** อัยการนัดสั่งคดีธัมมชโย 30 ส.ค.นี้
นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึง ความคืบหน้าการจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังมีการลงประชามติเสร็จสิ้น ว่า พนักงานสอบสวนยังดำเนินการต่อเนื่อง หากมีใครเกี่ยวข้องก็ทำการสอบสวนไปด้วยตามพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันเรื่องที่เจรจาทางฝ่ายปกครองทางสงฆ์เรียบร้อยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้คุยอธิบดีดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ตนก็เข้าใจสังคมมองเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้พระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า พนักงานอัยการคดีพิเศษได้มีคำสั่งให้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำนินการทำสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมพระผู้ใกล้ชิดพระธัมมชโย เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการรับเช็คและการใช้จ่ายเงินในวัดพระธรรมกาย ที่อัยกายขอให้สอบพระจำนวน 5 รูป ซึ่งก่อนหน้าได้ส่งสำนวนบางส่วนแล้ว
สำหรับพระจำนวน 5 รูปที่อัยการให้สอบสวนเพิ่ม ประกอบด้วย 1.พระราชภาวนาจารย์ หรือพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 2.พระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก รอง ผอ.สำนักพัฒนาทรัพยากร วัดพระธรรมกาย 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 4. พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก ผอ.สำนักองค์ประธาน วัดพระธรรมกาย และ5.พระสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย สาขา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ส่วนผลการสอบสวนเพิ่มเติมที่เหลือนั้นพนักงานอัยการได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำมาส่ง ในวันที่ 11 ส.ค.ซึ่งจะส่งผลสอบเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่อัยการให้ดำเนินการครบทุกประเด็นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และหากพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถส่งผลสอบเพิ่มเติมครบทุกประเด็นตามที่อัยการสั่งให้สอบก็ต้องดูเหตุผล และคำชี้แจงของพนักงานสอบสวนก่อนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ทางพนักงานอัยการจะยังคงนัดผู้ต้องหามาฟังการสั่งคดีตามกำหนดการเดิมวันที่ 30 ส ค.นี้
จากกรณีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเลขานุการส่วนตัว สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา "มีไว้ในครอบครองรถยนต์โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527" หลังมีส่วนเกี่ยวข้องคดีรถเบนซ์ โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถผิดกฏหมายหลบเลี่ยงภาษี ในวันที่ 16 ส.ค.นี้
ล่าสุดวานนี้ (10 ส.ค.) พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยมี พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 3 ท่าน ร่วมสอบปากคำ
สำหรับ พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำในประเด็น อาทิ 1.ที่มาที่ไปของเงินบริจาค ก่อนจะนำไปซื้อรถเบนซ์ โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ 2.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคหรือไม่ 3.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ท่านทราบหรือไม่ว่า รถเบนซ์ โบราณดังกล่าว เป็นรถผิดกฏหมาย และ 4.รู้หรือไม่ว่าราคาที่แท้จริงรถเบนซ์ดังกล่าวมีราคาประมาณ 6 ล้านบาท
เบื้องต้น พระมหาศาสนมุนี ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และไม่ขอตอบคำถามที่พนักงานสอบสวนถามไป ก่อนที่นายสุรพงษ์ ทนายความส่วนตัวจะแจ้งว่า จะขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน และขอรอผลการพิจารณาศาล ในคดีแพ่ง ที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่รถผู้รับจ้าง ประกอบรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ในข้อหา ผิดสัญญาจ้างวาน หลังจากนั้นจะนำเอกสารทั้งหมดมามอบให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 27 ก.ย.นี้
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พระมหาศาสนมุนี ได้ประสานขอเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อนกำหนดในวันนี้แทนวันที่ 16 ส.ค. และในชั้นนี้พนักงานสอบสวนได้ปฎิบัติตามขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาครบถ้วนตามกระบวนการ
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยธ. กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรียบร้อยแล้ว ต้องชื่นชมท่านเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งการมารายงานตัวและทำอย่างนี้เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องมาโต้ตอบให้เป็นกระแสสังคมแต่ให้ยึดมั่นกฎหมายเป็นหลัก
*** อัยการนัดสั่งคดีธัมมชโย 30 ส.ค.นี้
นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึง ความคืบหน้าการจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังมีการลงประชามติเสร็จสิ้น ว่า พนักงานสอบสวนยังดำเนินการต่อเนื่อง หากมีใครเกี่ยวข้องก็ทำการสอบสวนไปด้วยตามพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม ขณะเดียวกันเรื่องที่เจรจาทางฝ่ายปกครองทางสงฆ์เรียบร้อยหรือไม่นั้น ยังไม่ได้คุยอธิบดีดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม ตนก็เข้าใจสังคมมองเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้พระธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า พนักงานอัยการคดีพิเศษได้มีคำสั่งให้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ดำนินการทำสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติมพระผู้ใกล้ชิดพระธัมมชโย เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการรับเช็คและการใช้จ่ายเงินในวัดพระธรรมกาย ที่อัยกายขอให้สอบพระจำนวน 5 รูป ซึ่งก่อนหน้าได้ส่งสำนวนบางส่วนแล้ว
สำหรับพระจำนวน 5 รูปที่อัยการให้สอบสวนเพิ่ม ประกอบด้วย 1.พระราชภาวนาจารย์ หรือพระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาส รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 2.พระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก รอง ผอ.สำนักพัฒนาทรัพยากร วัดพระธรรมกาย 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย 4. พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสโก ผอ.สำนักองค์ประธาน วัดพระธรรมกาย และ5.พระสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย สาขา นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ส่วนผลการสอบสวนเพิ่มเติมที่เหลือนั้นพนักงานอัยการได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอนำมาส่ง ในวันที่ 11 ส.ค.ซึ่งจะส่งผลสอบเพิ่มเติมครบถ้วนตามที่อัยการให้ดำเนินการครบทุกประเด็นหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และหากพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถส่งผลสอบเพิ่มเติมครบทุกประเด็นตามที่อัยการสั่งให้สอบก็ต้องดูเหตุผล และคำชี้แจงของพนักงานสอบสวนก่อนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ทางพนักงานอัยการจะยังคงนัดผู้ต้องหามาฟังการสั่งคดีตามกำหนดการเดิมวันที่ 30 ส ค.นี้