“หลวงพี่แป๊ะ” พบดีเอสไอคดีรถเบนซ์โบราณ “สมเด็จช่วง” เลี่ยงภาษี พร้อมปฏิเสธทุกข้อหา จ่อแถลงข่าวเย็นนี้

MGR Online - ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอ คดีเลี่ยงภาษีเบนซ์โบราณ เบื้องต้นปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เตรียมแถลงข่าวชี้แจงช่วงเย็นวันนี้

จากกรณีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เข้ามารับทราบข้อกล่าวหามีไว้ในครอบครองรถยนต์โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2527 หลังจากมีส่วนเกี่ยวข้องคดีรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถผิดกฎหมายหลบเลี่ยงภาษี ในวันที่ 16 ส.ค.นี้

ล่าสุด วันนี้ (10 ส.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ตามหมายเรียกเป็นผู้ต้องหา โดยมี พ.ต.ท.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ร่วมสอบปากคำพระมหาศาสนมุนี

โดยทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในประเด็นที่มาที่ไปของเงินบริจาค ก่อนจะนำไปซื้อรถเบนซ์ โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์นั้นทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคหรือไม่ และประเด็นที่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ท่านทราบหรือไม่ว่ารถเบนซ์โบราณดังกล่าวเป็นรถผิดกฎหมาย รวมถึงทราบหรือไม่ว่า ราคาที่แท้จริงของรถเบนซ์ดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 6 ล้านบาท

เบื้องต้น พระมหาศาสนมุนีปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และไม่ขอตอบคำถามที่พนักงานสอบสวนถามไป ก่อนที่นายสุรพงษ์ ทนายความส่วนตัวจะแจ้งว่าจะขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนเป็นลายลักษณ์อักษรแทน และขอรอผลการพิจารณาศาลในคดีแพ่งที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่รถผู้รับจ้าง ประกอบรถเบนซ์โบราณ ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพฯ ในข้อหาผิดสัญญาจ้างวาน หลังจากนั้นจะนำเอกสารทั้งหมดมามอบให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอในวันที่ 27 ก.ย.นี้

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พระมหาศาสนมุนีได้ประสานขอเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อนกำหนดในวันนี้แทนวันที่ 16 ส.ค. และในชั้นนี้พนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาครบถ้วนตามกระบวนการ

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานว่าวันนี้พระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ มาให้ปากคำที่ดีเอสไอ ต้องชื่นชมท่านเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ซึ่งการมารายงานตัวและทำอย่างนี้เรื่องจะได้จบ ไม่ต้องมาโต้ตอบให้เป็นกระแสสังคม แต่ให้ยึดมั่นกฎหมายเป็นหลัก

นอกจากนี้ พล.อ.ไพบูลย์เปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังมีการลงประชามติเสร็จสิ้น ว่าสำหรับคดีนี้่พนักงานสอบสวนยังดำเนินการต่อเนื่อง หากมีใครเกี่ยวข้องก็ทำการสอบสวนไปด้วยตามพนักงานอัยการสำนักคดีพิเศษให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน เรื่องที่เจรจาทางฝ่ายปกครองทางสงฆ์เรียบร้อยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับอธิบดีดีเอสไอ ส่วนตัวก็เข้าใจด้วยว่าสังคมมองเป็นเรื่องสำคัญ อยากให้พระธัมมชโยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอเสร็จสิ้นได้เดินทางกลับทันที พร้อมเตรียมแถลงข่าวอีกครั้งที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในช่วงเวลา 16.00-17.00 น.อีกครั้ง