xs
xsm
sm
md
lg

นักเลงในคราบนักเรียน : ปัญหาสังคมโดยรวม

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

โดยปกติเมื่อพูดถึงนักเรียน เราทุกคนจะนึกถึงเด็กชายหญิงสวมเครื่องแบบนักเรียน ถือกระเป๋าหนังสือออกจากบ้านไปเรียน และออกจากโรงเรียนกลับบ้าน ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตน เยี่ยงเด็กไทยที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดี

แต่ในวันนี้ ภาพนักเรียนในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนไปเป็นนักเลงในคราบนักเรียน จะเห็นได้จากการยกพวกตีกันและการดักทำร้ายร่างกายนักเรียนจากสถาบันคู่อริ ทั้งๆ ที่บางรายไม่เคยโกรธแค้นฏํฯเป็นเรื่องส่วนตัวกันมาก่อน และยิ่งกว่านี้ ปัญหานักเรียนเกเรก่อเหตุขึ้นบ่อย และมีแนวโน้มว่าจะมีความรุนแรงยิ่งขึ้นทุกวันจนกลายเป็นปัญหาสังคมรูปแบบหนึ่งในปัจจุบัน

อะไรคือเหตุให้เกิดปัญหานักเรียนเกเรและก้าวร้าว และจะมีแนวทางแก้ไขป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร

ก่อนอื่นในการแก้ไขปัญหานี้ จะต้องพิจารณาจากภาวะแวดล้อมทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีวัฒนธรรม และศาสนาเพื่อนำมาเป็นแนวทางแก้ไข และป้องกันให้สอดคล้องกับภาวะแวดล้อม และเมื่อพิจารณาภาวะแวดล้อมแล้วก็จะพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยนับถือพุทธ ดังนั้น แนวทางแก้ไขปัญหานี้ควรจะใช้แนวทางพุทธ ซึ่งปรากฏชัดเจนในคำพูดของพระอัสสชิเถระที่ได้บอกแก่ติสสะปริพาชก (ต่อมาได้บวชในพุทธศาสนา และมีชื่อว่า สารีบุตร) เย ธัมมา เหตุป ปะภะวา เต สังเหตุ ตะถาคะโต เต สัญจะโย นิโรโธจะ เอวัง วาที มหาสมโณ แปลโดยใจความว่า ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ ตถาคต ตรัสเหตุและความดับแห่งธรรมนั้น พระมหาสมณะกล่าวเช่นนี้

โดยนัยแห่งวาทะดังกล่าวข้างต้น มีความหมายชัดเจนว่า พระพุทธองค์ตรัสว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปนั้น เกิดจากเหตุ ดังนั้น ถ้าจะดับก็ต้องดับที่เหตุ

ในทำนองเดียวกับปัญหาเด็กนักเรียนยกพวกตีกัน ก็จะต้องเกิดจากเหตุ และเหตุที่ว่านี้ ถ้าอนุมานสภาพของปัญหาและภาวะแวดล้อมทางสังคมไทยในปัจจุบันแล้ว ก็น่าจะได้แก่

1. พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเด็กขาดการให้ความรู้ และการอบรมเด็ก ปล่อยให้เด็กใช้ชีวิตตามแต่สภาวะแวดล้อมทางสังคมจะพาไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนฝูงจะชักจูงไป ทั้งนี้เนื่องจากว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กที่เกเร และก่อปัญหาส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย จึงต้องแบกรับภาระในการทำงานหาเงินมาเลี้ยงตนเอง และครอบครัว จึงไม่มีเวลาในการสั่งสอน และให้การอบรมเด็ก ซึ่งพ่อแม่หรือผู้ปกครองควรจะต้องทำในฐานะครูคนแรกของบุตร ธิดา หรือผู้ใต้ปกครอง

อีกประการหนึ่ง เด็กที่เกเรและก่อปัญหาส่วนหนึ่งพ่อแม่ตาย หรือแตกแยกต้องไปอยู่กับญาติหรือผู้อุปการะ ดังนั้น เด็กเหล่านี้จึงขาดความอบอุ่นจะกลายเป็นเด็กที่มีปมด้อยและเก็บกด จึงแสดงออกไปทางก้าวร้าวได้ง่ายกว่าเด็กปกติทั่ซไป ซึ่งเติบโตในครอบครัวที่มีความอบอุ่น

2. โรงเรียนซึ่งเป็นสถาบันทางสังคมอันดับสองรองจากสถาบันครอบครัวที่เด็กควรจะได้รับการสั่งสอน และให้การอบอมเพื่อให้เด็กเป็นคนดี โดยมีครูเป็นผู้ให้สิ่งเหล่านี้แก่เด็ก แต่โรงเรียนในปัจจุบันมิได้เป็นผู้ให้เยี่ยงในอดีต แต่เป็นเพียงสถานศึกษาที่สอนในเชิงธุรกิจคือ คำนึงถึงผลตอบแทนทางธุรกิจ จึงสอนตามหลักสูตรที่กฎหมายกำหนด ส่วนการให้การอบรมในเรื่องคุณธรรม จริยธรรม แทบไม่มีหรือมีอยู่น้อย ทั้งนี้เนื่องจากในปัจจุบันครูส่วนหนึ่งมิได้มีสถานะทางสังคมเป็นพ่อแม่คนที่สองของเด็ก เช่นเดียวกับครูในอดีต ทั้งนี้เนื่องจากมีเหตุปัจจัยหลายประการที่ทำให้ครูไม่มีวิญญาณของความเป็นครู ซึ่งพอจะอนุมานได้ดังต่อไปนี้

1. เงินเดือนน้อย เมื่อเทียบกับวิชาชีพสาขาอื่น เช่น แพทย์ และวิศวกร เป็นต้น ทั้งๆ ที่งานสอนให้เด็กเป็นคนดี มีความรู้ มีความสามารถ เป็นงานที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าสาขาอาชีพอื่น หรือจะพูดว่ามากกว่าก็คงไม่ผิด เพราะผู้ที่จบสาขาอื่นๆ ซึ่งมีรายได้ในการประกอบอาชีพ ก็เป็นผลงานการสร้างคนให้มีคุณภาพของครูนั่นเอง

2. เมื่อผลตอบแทนในการทำงานน้อย จึงไม่ดึงดูดให้คนดี คนเก่งมาเรียนครู และที่ร้ายยิ่งกว่านี้ ผู้ที่เข้ามาเรียนครูและผลการเรียนอยู่ในระดับดี แต่ไม่รักการเป็นครู ก็จะหางานประเภทอื่นทำ

3. เมื่อคนดี คนเก่งไม่เรียนครู หรือเรียนครูแต่ไม่ยอมเป็นครู ทำให้เหลือคนที่ไม่เก่งเป็นครู แต่จำใจต้องเป็นครู จึงทำให้วิญญาณของความเป็นครู พี่น้อง หรือในบางรายไม่มีเลยเหลือเพียงคนรับจ้างสอน

4. ถึงแม้ผู้ที่เรียนครูส่วนหนึ่งเป็นคนเก่ง และเรียนครูด้วยใจรักในอาชีพครู แต่ครูเหล่านี้ก็เลือกเข้าทำงานในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ซึ่งเด็กเก่งๆ แห่กันมาเรียน สอนก็ง่าย ปกครองก็ง่าย เนื่องจากเด็กไม่เกเรก้าวร้าว ทั้งยังมีโอกาสหารายได้ด้วยการสอนพิเศษ เนื่องจากเด็กในโรงเรียนระดับนี้ พ่อแม่หรือผู้ปกครองมีฐานะทางการเงินดี

ส่วนคนที่เรียนไม่เก่ง ถ้าเรียนสาขาอื่นไม่ได้ต้องเรียนครู โอกาสที่จะเลือกเข้าทำงานในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงคงทำได้ยาก จะเลือกได้ก็ระดับรองลงมาตามความรู้ ความสามารถของแต่ละคนที่จะสอบเข้าทำงานได้ ในทำนองเดียวกันกับครู เด็กที่ไม่เก่งก็เลือกโรงเรียนดี โรงเรียนดังไม่ได้ จะต้องเลือกโรงเรียนในระดับรองลงมา

ดังนั้น เด็กไม่เก่ง ครูไม่เก่ง และโรงเรียนไม่ดีพอนี่เองคือที่มาของเด็กนักเรียนเกเร ก้าวร้าว เนื่องจากทั้งตัวเด็กและสภาพแวดล้อมทางสังคมนี่เอง ทำให้เกิดนักเลงในคราบนักเรียนเกิดขึ้น

ดังนั้น ถ้าจะแก้ปัญหานี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือ พ่อ แม่ ผู้ปกครอง เด็ก และเกี่ยวข้องโดยอ้อมคือ ประชาชนคนทั่วไป และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหา โดยเริ่มจากพ่อ แม่ หรือผู้ปกครองจะต้องคอยสอดส่องดูแล และเมื่อเด็กอยู่บ้านครั้นเด็กอยู่ที่โรงเรียนเป็นหน้าที่ของครูจะต้องรับผิดชอบ ทั้งในด้านการให้ความรู้ และการอบรมอย่างทั่วถึง

ส่วนสังคมทั่วๆ ไปจะต้องให้ความร่วมมือเมื่อพบเห็นเด็กคนใด หรือกลุ่มใดส่อเค้ามีพฤติกรรมรุนแรง จะต้องรีบแจ้งให้ทางโรงเรียน และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาระงับเหตุ

นอกจากนี้ ควรจะมีมาตรการพิเศษให้โรงเรียนจัดสอนพิเศษเด็กที่เรียนอ่านไม่ทันเพื่อน และพร้อมกับจัดหลักสูตรการอบรมเด็กเกเรควบคู่กันไป

ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการธุรกิจควรจะได้มีมาตรการทางสังคมไม่รับเด็กเกเรเข้าทำงาน เว้นไว้แต่ผ่านหลักสูตรการอบรม และมีใครรับรองความประพฤติจากสถาบันการศึกษาควบคู่กันไปกับประกาศนียบัตร หรือปริญญาบัตร ทั้งนี้เพื่อเป็นการลงโทษทางสังคมควบคู่ไปกับการลงโทษทางกฎหมาย ดังที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น