วานนี้ (28มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีที่ยังมีเหตุการณ์กลุ่มเยาวชน นักศึกษา ยกพวกตีกัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และประชาชนได้รับความเดือดร้อน แม้จะมีการใช้ มาตรา 44 คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 30/2559 แล้วว่า "พวกเราต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจในเรื่องของกฎหมาย ในเมื่อทุกวันนี้มีคนละเมิดกฎหมาย และเราก็ไปนำเสนอข่าว หรืออะไรที่ทำผิดกฎหมายอยู่ และมันก็เป็นตัวอย่าง เป็นบทเรียนทุกคนก็ไม่กลัวกฎหมาย ต้องสอนให้คนรู้จัก ไม่ใช่กลัวกฎหมาย ให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ผมไม่ต้องการให้คนมากลัวผม ให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกันเท่านั้นเอง ตรงนี้คือเจตนารมณ์ของผม แม้ว่าผมจะเข้ามาแบบนี้ก็ตาม จะเห็นว่าผมไม่ได้ใช้เพื่อไปทำร้ายคนดีๆ คนที่ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้มีความผิดตามตัวบทกฎหมายที่เราเขียน ผมไม่เคยไปยุ่งกับใคร ใครเดือดร้อนบ้าง คนจะเดือดร้อน คือคนที่ทำผิดกฎหมาย ตั้งใจทำผิด"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ อยู่ที่จิตใต้สำนึก คำว่า จิตสำนึกไม่ใช่ตนสร้างคนเดียว สื่อมวลชน สังคมโซเชียลมีเดีย ก็ต้องช่วยกัน ครอบครัว ผู้ปกครอง เพื่อนฝูงทั้งหมด ต้องนำสังคมกลับมาสู่สังคมที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะลดภาระลงไป วันนี้ทุกคนยังไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขาเห็นว่ายังละเมิดกฎหมายทั่วไปได้ มาตรา 44 ออกไป ก็ยังตอบโต้อยู่ ขนาดคสช.ยังตอบโต้ แล้วจะไปเป็นตัวอย่างให้ใคร คิดแง่มุมนี้ อย่ามาบอกว่าออกไปแล้วยังไม่กลัว ก็ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นตัวอย่าง
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้จะให้เจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลตลอดทุกตารางนิ้ว คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก่อนที่จะมี ม.44 ออกมา เขาก็มีกฎหมายที่ดำเนินการกับพวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้
"ผมก็หนักใจ แต่ว่าเราจะไปตรวจทุกจุด มันจะทำได้หรือ เราขึงประเทศไม่ได้ จะให้ขึงประเทศเป็นตาข่าย เป็นใยแมงมุม ให้เจ้าหน้าที่ไปยืนก็ไม่ได้ เราถึงได้มีมาตรการให้ผู้ปกครองเข้ามาดูแลด้วย เพราะถือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ดังนั้นผู้ปกครองต้องลงมาดูแลร่วมกับโรงเรียน หรือสถานศึกษา อย่าไปหวังว่าเจ้าหน้าที่จะดูทุกตารางนิ้ว ไม่มีทางที่จะทำได้หรอก หรือถ้าใครมีวิธีที่ดี หรือข้อแนะนำดีๆ ก็บอกมา ผมยินดี จะได้ไปทำตามที่นายกฯได้สั่งมา" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มาตรา 44 มีไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องอดทนแก้ปัญหา หาทางแก้ปัญหา มาตรการอะไรที่ยังอ่อน ก็ต้องทำให้เข้มแข็งขึ้น โดยกลุ่มเด็กที่มักมีการก่อเหตุความรุนแรง จะให้เข้าค่ายทหารอบรมที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะดีขึ้น เด็กๆ จะได้รู้จักทำกิจกรรมร่วมกัน สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดนลูกหลงไปด้วยนั้น เราก็มีความเป็นห่วง ในส่วนของสถานศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชน ในกลุ่มอาชีวะ หลังจากเกิดเหตุทุกครั้ง ก็เข้าไปดูแลพูดคุย
"เราเสียใจ แต่ต้องอดทนแก้ปัญหาต่อไป อย่างที่บอก มาตรา 44 ออกมาแล้วไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะหยุด"
เมื่อถามว่า เมื่อมีมาตรา 44 แล้วทำไมไม่ใช้แก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด พล.อ.ดาว์พงษ์ ตอบว่า อยากจะทำ แต่ต้องนึกถึงเด็กด้วย เนื่องวัยรุ่นอาจจะมีความคิดของเขาแบบแผลงๆ แต่เขาคิดว่าใช่ เราก็ต้องเข้าใจ และพยายามทำให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเยาวชน ซึ่งเราก็เป็นผู้ใหญ่ และบางทีผู้ใหญ่ที่โตแล้ว ยังทำเป็นตัวอย่าง ฝ่าฝืนกฎหมาย มีมาตรา 44 ออกมาห้ามก็ยังจะทำเป็นตัวอย่างให้กับเด็ก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ อยู่ที่จิตใต้สำนึก คำว่า จิตสำนึกไม่ใช่ตนสร้างคนเดียว สื่อมวลชน สังคมโซเชียลมีเดีย ก็ต้องช่วยกัน ครอบครัว ผู้ปกครอง เพื่อนฝูงทั้งหมด ต้องนำสังคมกลับมาสู่สังคมที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่จะลดภาระลงไป วันนี้ทุกคนยังไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขาเห็นว่ายังละเมิดกฎหมายทั่วไปได้ มาตรา 44 ออกไป ก็ยังตอบโต้อยู่ ขนาดคสช.ยังตอบโต้ แล้วจะไปเป็นตัวอย่างให้ใคร คิดแง่มุมนี้ อย่ามาบอกว่าออกไปแล้วยังไม่กลัว ก็ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นตัวอย่าง
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้จะให้เจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลตลอดทุกตารางนิ้ว คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก่อนที่จะมี ม.44 ออกมา เขาก็มีกฎหมายที่ดำเนินการกับพวกนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้
"ผมก็หนักใจ แต่ว่าเราจะไปตรวจทุกจุด มันจะทำได้หรือ เราขึงประเทศไม่ได้ จะให้ขึงประเทศเป็นตาข่าย เป็นใยแมงมุม ให้เจ้าหน้าที่ไปยืนก็ไม่ได้ เราถึงได้มีมาตรการให้ผู้ปกครองเข้ามาดูแลด้วย เพราะถือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดเด็กมากที่สุด ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ดังนั้นผู้ปกครองต้องลงมาดูแลร่วมกับโรงเรียน หรือสถานศึกษา อย่าไปหวังว่าเจ้าหน้าที่จะดูทุกตารางนิ้ว ไม่มีทางที่จะทำได้หรอก หรือถ้าใครมีวิธีที่ดี หรือข้อแนะนำดีๆ ก็บอกมา ผมยินดี จะได้ไปทำตามที่นายกฯได้สั่งมา" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มาตรา 44 มีไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น แต่เมื่อยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องอดทนแก้ปัญหา หาทางแก้ปัญหา มาตรการอะไรที่ยังอ่อน ก็ต้องทำให้เข้มแข็งขึ้น โดยกลุ่มเด็กที่มักมีการก่อเหตุความรุนแรง จะให้เข้าค่ายทหารอบรมที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น จะดีขึ้น เด็กๆ จะได้รู้จักทำกิจกรรมร่วมกัน สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดนลูกหลงไปด้วยนั้น เราก็มีความเป็นห่วง ในส่วนของสถานศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชน ในกลุ่มอาชีวะ หลังจากเกิดเหตุทุกครั้ง ก็เข้าไปดูแลพูดคุย
"เราเสียใจ แต่ต้องอดทนแก้ปัญหาต่อไป อย่างที่บอก มาตรา 44 ออกมาแล้วไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะหยุด"
เมื่อถามว่า เมื่อมีมาตรา 44 แล้วทำไมไม่ใช้แก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด พล.อ.ดาว์พงษ์ ตอบว่า อยากจะทำ แต่ต้องนึกถึงเด็กด้วย เนื่องวัยรุ่นอาจจะมีความคิดของเขาแบบแผลงๆ แต่เขาคิดว่าใช่ เราก็ต้องเข้าใจ และพยายามทำให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเยาวชน ซึ่งเราก็เป็นผู้ใหญ่ และบางทีผู้ใหญ่ที่โตแล้ว ยังทำเป็นตัวอย่าง ฝ่าฝืนกฎหมาย มีมาตรา 44 ออกมาห้ามก็ยังจะทำเป็นตัวอย่างให้กับเด็ก
