xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

บอยคอต “ทัวร์จีน” ไม่โง่ก็บ้า รีบตื่นตั้ง “สติ” โกย “สตางค์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ต้องยอมรับว่ากระแสการล้นทะลักเข้ามาเที่ยวไทยของ “นักท่องเที่ยวชาวจีน” สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าและเอือมระอาให้กับสุภาพชนคนไทยที่ทนรับพฤติกรรมขากถุย มูมมาม ชักดาบ ล้างเท้าในอ่างล้างมือ ขี้ไม่ล้าง เยี่ยวหน้าวัด ฯลฯ สารพัดแต่จะทำ ไม่ไหว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวปรากฏเป็นข่าวคราวในสื่อไทยอยู่บ่อยครั้งและสื่อจีนก็นำไปขยายผลจนกลายเป็นเรื่องว่าคนไทย โดยเฉพาะคนเชียงใหม่ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน และนักท่องเที่ยวจีนก็ตอบโต้กลับด้วยการไม่ไปเที่ยวเชียงใหม่

การสั่งสมความรู้สึกไม่ดีต่อกันพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ถึงวันนี้ปรากฏว่านักท่องเที่ยวจีนในเชียงใหม่หายไปแล้วอย่างน้อย 30% และมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ หากไม่รีบแก้ไขปัญหา

สภาพการณ์และตัวเลขนี้อ้างอิงจาก นายบุญทา ชัยเลิศ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้ข้อมูลต่อสื่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาบอกว่าน่าเสียใจอย่างยิ่งหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงจนอาจไม่เหลือเลยเหมือนกับที่ก่อนหน้านี้จีนเคยบอยคอตประเทศฝรั่งเศสที่ดูถูกเหยียดหยามคนจีนจนปัจจุบันแทบไม่มีนักท่องเที่ยวจีนไปฝรั่งเศส อย่าลืมว่าจีนเป็นมหาอำนาจที่มีความเป็นชาตินิยมสูง

ที่ผ่านมา ประเทศไทย มีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนปีหนึ่งไม่ใช่น้อยๆ อย่างปีที่ผ่านมา นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนเป็นชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง มีจำนวนกว่า 8.7 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัดกว่า 3.8 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ตกประมาณ 10% ทำเงินกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวในเชียงใหม่ได้รับผลกระทบกว่า 70% จำเพาะธุรกิจโรงแรมมีรายได้ลดลงกว่า 50%

กระแสรังเกียจนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นเรื่องเป็นราวอยู่บ่อยครั้ง เป็นเรื่องที่ทำท่าลุกลามบานหลาย จนกระทั่งทางการจีนต้องออกแคมเปญผ่านการ์ตูนชุด “ได้โปรดเข้าใจคนจีน” เผยแพร่ผ่าน “เฟซบุ๊ก THAI CCTV” เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีของคนสองชาติ และลดกระแสบอยคอตหรือต่อต้านซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกัน สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ก็เตรียมแก้ไขปัญหานี้โดยจะจัดทำสติ๊กเกอร์ที่มีภาพและข้อความสื่อว่าคนไทยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน คนไทยกับคนจีนเป็นพี่น้องกันนำไปแจกจ่ายติดตามรถบัส รถโดยสาร สถานที่ท่องเที่ยว สถานีขนส่ง ท่าอากาศยาน รวมทั้งรถส่วนตัวของชาวเชียงใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงสัมพันธไมตรีที่คนเชียงใหม่ต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังมีอยู่เต็มเปี่ยม และนำเสนอผ่านช่องทาง we chat ซึ่งเป็นโปรแกรมสนทนาที่ชาวจีนใช้กันมากที่สุด

การแก้ไขปัญหาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรไมตรีต่อกันเช่นนี้ มีแต่จะสร้างผลดีให้กับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายไทยซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนต้องตั้งสติ วิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขให้ถูกจุด ต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ดังกรณีตัวอย่าง “วัดร่องขุ่นโมเดล” ซึ่งก่อนหน้านี้อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินผู้เอกอุที่สร้างวัดร่องขุ่น เคยปรี๊ดแตกด่าแหลกทัวร์จีนที่ไปเยี่ยวหน้าวัด ขี้ไม่ล้าง ฯลฯ จนปิดวัดไม่ให้ทัวร์จีนเข้าเยี่ยมชมครึ่งค่อนวัน ก่อนที่อาจารย์จะได้สติจากคำเตือนของลูกชาย แล้วหันมาแก้ไขปัญหา เตรียมพร้อมรับมือกับทัวร์จีนทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จังหวัดเชียงรายและประเทศชาติจะได้รับจากการเข้ามาท่องเที่ยวของชาวจีนเป็นที่ตั้ง

อาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งเคยมีทัศนคติที่สุดแย่กับทัวร์จีน วิจารณ์อย่างดุเดือดว่า “... เวลาคนจีนมา เรานึกว่าแม่งเหมือนกันหมด นั่นคือคิดเอาเอง เพราะเรายังไม่ศึกษาก็เลยด่าแม่มัน พอหลังๆ มานั่งนึกดู นั่งวิเคราะห์ 100 คนจีน ที่เรียบร้อย มีการศึกษาดี มีมารยาทก็เยอะแยะมากมาย แล้วอีกอย่าง คนจีนแม่งก็ด่าคนจีนด้วยนะ เช่น เด็กนั่งเยี่ยวหน้าวัด คนจีนฝูงใหญ่รุมชี้หน้าด่าพ่อแม่มันใหญ่ ไม่ได้ตบมือชอบใจหรอก”

และ “ไม่ใช่คนจีนอย่างเดียวหรอก คนไทยเราก็มี เวลาไปญี่ปุ่นคนไทยแม่งเหี้ยสุดๆ คนญี่ปุ่นเดือดร้อนกันมาก เพราะมันไม่รู้เรื่องห่าอะไรซักอย่าง เข้าไปเด็ดดอกไม้ ถ่ายรูป พิงตรงนู้น จับตรงนี้ เหมือนคนจีนมาวัดร่องขุ่นเป๊ะ” แต่สุดท้าย...อาจารย์ก็ตัดสินใจว่า “กูเองที่ไม่พร้อม กูต้องแก้ปัญหา ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาวัดกูให้ได้...” อาจารย์เฉลิมชัย ที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ “โพสต์ทูเดย์” “นักท่องเที่ยวจีนไม่ผิด มึงต่างหากที่ไม่พร้อม” เมื่อเดือนมีนาคม 2559

ความพร้อมหรือไม่พร้อม ณ จุดนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ซึ่งทำหน้าที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเมืองไทย ต้องลงในรายละเอียดด้วยว่า ประเทศไทยมีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมากน้อยแค่ไหน ไกด์ภาษาจีนพอไหม ป้ายบอกทาง บอกกฎกติกามารยาท ตามสถานที่ท่องเที่ยว มีหรือไม่ ฯลฯ บุคลาการด้านการท่องเที่ยวหรือแม้แต่พลเมืองไทย สื่อสารภาษาจีนได้กี่มากน้อย สถานท่องเที่ยวต่างๆ มีเจ้าหน้าที่คอยให้แนะนำนักท่องเที่ยวชาวจีนที่รู้ภาษาและวัฒนธรรมชาวจีนแค่ไหน และเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา กระทรวงการท่องเที่ยว ตำรวจท่องเที่ยว และองคาพยพที่รับผิดชอบงานด้านท่องเที่ยว รับมือไหวหรือไม่ นี่เป็นงานที่พิสูจน์ฝีมือพวกคุณอย่างแท้จริง เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทยก็จะเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย

ดังเช่นที่นายธนากร เสรีบุรี ประธานกิตติมศักดิ์สภาธุรกิจไทย-จีน และรองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ได้พูดไว้ในงานสัมมนา “เล็งจีน เดินหน้าผ่าแดนมังกร” เมื่อเร็วๆ นี้ว่า คนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทยแล้วสร้างความเดือดร้อนมีเป็นส่วนน้อย อย่าพลาดโอกาสนี้ไป โอกาสที่คนจีนออกเที่ยวนอกประเทศมากขึ้นหากคนจีนไปเที่ยวประเทศอื่นไทยจะเสียโอกาส เพราะการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวมีจำนวนมาก ตั้งแต่คนเปิดประตูรถ ร้านอาหาร และโรงแรม ล้วนจะมีรายได้ ปีนี้คาดว่าจะมีคนจีนมาเที่ยวไทยประมาณ 10 ล้านคน จากปีที่แล้ว 7 ล้านคน สำหรับคนจีนที่มีพาสปอร์ตขณะนี้มี 65 ล้านคน จากคนจีนทั้งหมด 1,300 ล้านคน ซึ่งยังไม่ออกมา หากออกมาก็รับกันไม่ไหวแล้ว

อย่าลืมว่าคลื่นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ทะลักเข้าไทยคือช่องทางสร้างรายได้เข้าประเทศที่ยังเหลืออยู่เพียงสาขาเดียวและยังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่การส่งออกของไทยยังไม่ฟื้น ส่วนภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังทรงๆ และภาคเกษตรมีแต่ทรุด

การปรับทัศนคติให้รักและเข้าใจนักท่องเที่ยวจีนนั่นเรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการลดลงอย่างฮวบฮาบของนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนบน นั่นคือการออกกฎคุมเข้มรถยนต์ส่วนตัวของนักท่องเที่ยวของกระทรวงคมนาคม ที่ให้รถของนักท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ที่มีด่านชายแดนคือจังหวัดเชียงรายเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2559 เป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้ รถนักท่องเที่ยวจีนขับเข้าไทยเส้นทาง R3a (มณฑลยูนนาน สป.จีน-แขวงหลวงน้ำทา แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว-อ.เชียงของ จ.เชียงราย) เพื่อท่องเที่ยวแถบภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาคาราวานนักท่องเที่ยวจีนมากันอย่างคึกคักและเนืองแน่นนั้น แต่เมื่อมีการจำกัดพื้นที่ทำให้แทบไม่มีรถนักท่องเที่ยวจีนใช้เส้นทางดังกล่าวผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เข้า อำเภอเชียงของ เรียกว่าเงียบเหงาทันตา มีเพียงการสัญจรของยานพาหนะทั่วไปและรถขนส่งสินค้าเท่านั้น

รถนักท่องเที่ยวจีนแม้แต่คาราวานนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ผ่านเข้ามายังเส้นทางดังกล่าวที่ไม่ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเหมือนแต่ก่อน ได้หักพวงมาลัยออกจากเชียงรายเลี้ยวเข้าไปเที่ยวยังประเทศเพื่อนบ้านแทน ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จึงรับผลกระทบไปเต็มๆ เวลานี้ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ กำลังรวบรวมข้อมูลส่งให้กระทรวงคมนาคม พิจารณาเรื่องนี้ใหม่

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ก็ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการนำรถยนต์ข้ามแดนมายังประเทศไทยที่เชียงรายทำให้มีปัญหา แต่เรื่องกระแสข่าวผ่านสังคมออนไลน์คนไทยต่อต้านนักท่องเที่ยวจีนจนทำให้จีนบอยคอตนั้น ททท.กำลังแก้ปัญหาโดยเชิญสื่อมวลชนของจีน ประกอบด้วย ซีซีทีวี ทีวีและเว็บไซต์ซินหัว พีเพิลเดลี และ@Mangu ซึ่งเป็นฟรีก๊อปปี้ในเมืองไทยมาทำความเข้าใจ และททท.จะจัดทำวีดีโอเรื่องราวดีๆ ของนักท่องเที่ยวจีนและมุมมองดีๆ ของคนไทยต่อคนจีน รวมทั้งการปฏิบัติตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีของคนไทยเผยแพร่ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่กองประกวดมิสไชน่ายูนิเวิร์สจะมาเก็บตัวในไทย คาดว่าจะผ่านสายตาชาวจีนถึง 500 ล้านคน

อย่าพลาดโอกาสทองจากการท่องเที่ยวของชาวจีน โปรดตั้งสติก่อนโกยสตางค์ และอย่าลืมจัดการกับ “นอมินี” ทุนจีนที่เข้ามาบริการกินรวบนักท่องเที่ยวชาติเดียวกันอย่างจริงจังด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น