ผู้จัดการรายวัน 360 - “นางไก่” เข้าพบ ตร.กองปราบฯรับทราบข้อกล่าวหา โดน 3 ข้อหาหนัก มีผิด ม.112 ด้วย นำตัวค้นคอนโดฯที่พัก ก่อนส่งตัวขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรก ญาติยื่นเงิน 1.1 ล้านขอประกัน ศาลไม่อนุญาต เหตุคดีโทษสูง หวั่นหลบหนี จนท.นำตัวส่งทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน "ศานิตย์" เร่งขยายผลคดี “นางไก่” เชื่อมโยงก๊วน “หมอหยอง” จ่อสอบ ตร.ประชาชื่นแทรกแซงคดี ยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นัดคุยทนายสงกานต์พร้อมเหยื่อวันนี้
วานนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือนางไก่ อายุ 58 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ตามหมายเรียกในคดีที่ น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า อายุ 19 ปีหรือ น้องก้อย และพ่อแม่ แจ้งความกลับนางมณตา ที่แจ้งความน้องก้อยและครอบครัวจนถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาการเข้าให้ปากคำ มีผู้สื่อข่าวหลายสำนักเฝ้ารอทำข่าวจำนวนมาก โดยนางมณตา ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนางมณตา พร้อมแจ้งข้อหาจำนวน 3 คดี เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ในข้อหาแจ้งความเท็จ , กลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา , ข้อหาพยายามค้ามนุษย์ และข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากนั้นจึงพิมพ์ลายนิ้วมือ พร้อมทำประวัตินางมณตา และนำตัวไปยังห้องพัก 3/551 คอนโดบ้านประชานิเวศน์ ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร โดยมีการตรวจเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่นางมณตา กล่าวอ้าง ซึ่งภายหลังการตรวจค้น ตำรวจกองปราบปรามจะนำนางมณตา ไปขออนุญาตศาลอาญา ถ.รัชดา ฝากขังผลัดแรกต่อไป เบื้องต้นนางมณตา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยขอให้การในชั้นศาล
** อ่วม 3 ข้อหามีผิด ม.112 ด้วย
พ.ต.อ.ชาคริต เปิดเผยว่า พนักงานสวนได้สอบปากคำพยานแวดล้อมและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานทางคดีไว้ทั้งหมดแล้ว เมื่อนางมณตา มาพบพนักงานสอบสวนจึงถือเป็นเรื่องดีที่จะได้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งจะสอบปากคำในประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งหมดพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งนางมณตา สามารถนำพยานหลักฐานมาแสดงได้โดยตำรวจจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้น จะเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จและกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา ส่วนความผิดพยายามค้ามนุษย์อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เชื่อว่า หลักฐานที่ตำรวจมีจะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหากับนางมณตา ได้แน่นอน เรื่องนี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ ชุดสืบสวนของ บก.ป. และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) สืบสวนหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทางคดีทั้งหมด หลังพบผู้ร้องเรียนในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน รวมทั้งคดีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ นางสุกัลยา ศิริม่วง แม่ของน้องมีน อยู่ระหว่างดำเนินการพร้อมเร่งตรวจสอบเอกสาร หนังสือเดินทางต่างๆของนางมณตา ด้วย
“พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าว 1.แจ้งความเท็จ 2. พยายามค้ามนุษย์ กรณีน้องก้อย และครอบครัวเข้าแจ้งความก่อนหน้านี้ว่าถูกนางมณตา กล่าวหาว่าลักทรัพย์ และพยายามพาไปต่างประเทศ โดยมีอดีตลูกจ้างอีกหลายคนที่ถูกนางไก่แจ้งความดำเนินคดีลักษณะเดียวกันนี้ นอกจากนี้ยังแจ้งอีกข้อหารวมเป็น 3 ข้อหาคือ หมิ่นสถาบันเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เนื่องจากมีพยานบุคคล 4 ปาก ให้การยืนยันว่านางมณตามีการพูดในลักษณะหมิ่นสถาบันเบื้องสูง แต่นางมณตาให้การปฎิเสธ และจากการตรวจค้นห้องพักที่ชั้น 1 ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบหนังสือเดินทาง 19 เล่ม สมุดบัญชี 9 เล่ม ภายในห้องมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด 2 ตัว ยืนยันตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดในทุกข้อหา” พ.ต.อ.ชาคริต กล่าว
** ไล่สอบ 9 คดีที่แจ้งความ สน.ประชาชื่น
พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า มีการตั้งข้อสังเกตกันว่าในห้องพักของนางมณตามีกล้องวงจรปิด แต่กลับไม่นำภาพกล้องวงจรปิดดังกล่าวมาเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดีเพื่อเอาผิดลูกจ้าง แต่กลับเอาภาพวงจรปิดที่ได้จากภายนอกคอนโดมาแทน ตรงนี้ตำรวจอยากให้นำมาแสดงเพื่อเป็นประโยชน์ทางคดี ส่วนคดีความของนางมณตาทั้ง 9 คดีที่แจ้งความที่ สน.ประชาชื่นนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมประสานมายัง พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รอง ผบช.ก. ในฐานะ รรท.ผบก.ป. หารือแนวทางทำคดีร่วมกันและให้สอบสวนพยานแวดล้อมและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เหตุใดถึงมีการแจ้งความมากขนาดนี้ รวมทั้งตรวจสอบคดีที่นางมณตาถอนแจ้งความก่อนหน้านี้ด้วยว่า เหตุใด้ถึงถอนแจ้งความ ซึ่งเป็นหนึ่งประเด็นที่ต้องตรวจสอบ
** “ศานิตย์” สงสัยปมถอนแจ้งความ
ด้าน พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวถึงกรณีที่นางมณตายื่นถอนแจ้งความลูกจ้างชาวกัมพูชา จำนวน 3 คน ในข้อหาลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์ เมื่อปี 2557 และคดีที่แจ้งความจับทหารยศพันเอก ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ในเดือน ม.ค.59 โดยมองว่า นางมณตาอยู่ในฐานะผู้เสียหาย ย่อมสามารถใช้สิทธิ์ส่วนตัวในการถอนคำร้องทุกข์ได้ ถ้าเป็นเรื่องความผิดต่อส่วนตัวกฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจน ซึ่งการถอนแจ้งความเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยทางตำรวจต้องทำการตรวจสอบรายละเอียด ข้อเท็จจริงทั้ง 9 คดี ว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องเท็จ ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือหากแต่ละคดีมีทั้งความจริง และความเท็จผสมผสานกัน ทางตำรวจต้องมาแยกแยะ เพื่อหาว่าเข้าองค์ประกอบความผิดอย่างไรบ้าง ที่ นางมณตา ได้เป็นผู้ที่แจ้งความเอาผิดกับลูกจ้าง ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
“ตอนนี้ทุกหน่วยงานทั้ง บช.น. และ บก.ป.ร่วมมือกันทำงาน ผมในฐานะ ผบช.น.รับผิดชอบตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ก็ต้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยตัวเองว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร หรือมีเหตุทำให้การทำคดีนี้ล่าช้าหรือไม่ ตามที่มีผู้เสียหายที่เป็นอดีตลูกจ้างของนางมณตา อ้างว่ามีนายตำรวจ สน.ประชาชื่น เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแทรกแซงคดี ทั้งนี้ผมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
** นัดคุย “ทนายสงกานต์” วันนี้
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ตำรวจต้องสอบสวนขยายผลไปถึงความสัมพันธ์ ระหว่าง นางมณตา กับนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง ผู้ต้องหา คดีหมิ่นสถาบันฯ มาตรา 112 เพราะก่อนหน้านี้ ที่มีปรากฏตามข่าวทางสื่อมวลชนว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน แต่ขณะนี้คงยังไม่สามารถเชื่อมโยงว่า นางมณตาจะเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมาตรา 112 หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่ข้อเท็จจริง ให้สิ้นกระแสความ หมดข้อสงสัยเสียก่อน ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น
พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 8 ก.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และคณะทนายความ จะพาผู้เสียหายในคดีที่ถูกนางมณตาแจ้งความดำเนินคดีฐานลักทรัพย์นายจ้าง มาเข้าพบตนที่ บช.น. โดยจะมีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดต่างๆ ในคดี ข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการมาพูดคุยกันก็เพื่อให้งานคลี่คลายให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าแม้จะมีอิทธิพลจริงก็ไม่สามารถหลุดพ้นความผิดไปได้
เมื่อถามว่า ผลการสอบข้อเท็จจริงพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จะทราบผลเมื่อใด พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ตนพยายามเร่งรัดอยู่ แต่อยากให้ทำโดยมีหลักฐานชัดเจนซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ การจะลงโทษใครต้องมีเหตุและผล คาดว่าไม่เกินสัปดาห์ผลสอบข้อเท็จจริงคงออกมาว่าคดีทั้งหมด 9 คดีที่นางไก่ มาแจ้งความเป็นจริงหรือเท็จ และเข้าองค์ประกอบความผิดเรื่องใด
** “นางไก่” อดประกัน-นอนคุก
เมื่อเวลา 15.15 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีเจริญนำ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังได้นำตัวนางมณตา มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยพนักงานสอบสวน ระบุในคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ค.59 นายกมลศักดิ์ ศรีประเสริฐ อาชีพทนายความ ได้นำหญิงลูกจ้างของผู้ต้องหาเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ต้องรับโทษ นอกจากนี้ยังได้ความจริงจากผู้เสียหายอีกว่า ผู้ต้องหานี้มีพฤติการณ์ดูหมิ่นสถาบัน โดยมักแอบอ้างว่า มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายในสถาบันเบื้องสูง พนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ มีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ต่อมาญาตินางมณตาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 1.1 ล้านบาทเพื่อขอปล่อยชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์มีลักษณะนำความเสื่อมเสียมาสู่สถาบันอันเป็นที่เทิดทูนของประชาชนผู้จงรักภักดี ประกอบกับพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน อีกทั้งผู้ต้องหายังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีข้อหาเดียวกันนี้ของศาลทหารอีก จึงไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวนางมณตาไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวน บก.ป.ยื่นคำร้องฝากขังนางมณตาผู้ต้องหานี้ในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงข้อหาเดียวเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นๆ นางมณตาได้เข้ารับทราบในชั้นสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว.