กรณีนางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ นางไก่ แจ้งความเอาผิดอดีตลูกจ้างหลายราย ข้อหาลักทรัพย์ แต่ขณะนี้ถูกอดีตลูกจ้างเหล่านั้น แจ้งความกลับในข้อหาแจ้งความเท็จ สะท้อนถึงความบิดเบี้ยว ของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแทนที่จะสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น กลับเป็นฝ่ายสร้างความอยุติธรรมขึ้นเสียเอง
ความอยุติธรรมนี้ เกิดขึ้นที่ สถานีตำรวจประชาชื่น ในช่วงระหว่างปี 2555- 2558 มีผู้ตกเป็นเหยื่อ 9 ราย ที่ถูกนางไก่แจ้งความดำเนินคดี แบ่งเป็นคดียักยอกทรัพย์ 3 คดี ฉ้อโกง 1 คดี ทำให้เสียทรัพย์ 1 คดี และลักทรัพย์ 4 คดี ซึ่ง 1 ใน 9 คดีนี้ คือ คดีที่นางไก่ไปแจ้งความที่สน. ประชาชื่น เมื่อเดือนมีนาคม 2558 ว่า นางสาวประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย อดีตลูกจ้าง ลักทรัพย์ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
น้องก้อยไปมอบตัว ให้ปากคำ ปฏิเสธว่าไม่ได้ลักทรัพย์ ร้อยเวรที่สอบปากคำ ปล่อยตัวให้กลับไป เพราะไม่มีหลักฐาน พยานที่จะเอาผิดได้ แต่หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายน สน. ประชาชื่น ไปขอศาลออกมหายจับน้องก้อย กับพ่อและแม่ ทั้งสามคนไม่มีเงินประกันตัว ต้องโดนขัง น้องก้อยซึ่งอายุ 18 ปี ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจเด็ก และเยาวชน
เมื่อครบกำหนดการคุมขัง น้องก้อยถูกปล่อยตัว และตัดสินใจลุกขึ้นสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตน โดยขอความช่วยเหลือจากนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
นายสงกานต์ พาน้องก้อย และพ่อแม่ ไปแจ้งความที่กองปราบ ว่า ถูกนางไก่ กลั่นแกล้ง แจ้งความเท็จ เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฎว่า นอกจากน้องก้อยแล้ว ยังมีเหยื่ออีกหลายรายที่เคยเป็นลูกจ้างของนางไก่ และถูกแจ้งความว่า ลักทรัพย์นางไก่
หนึ่งในนั้นคือ นางสุกัญญา ศิริม่วง ซึ่งถูกขังอยุ่ในเรือนจำ เพราะไม่มีเงินประกันตัวระหว่างรอการดำเนินคดีในศาล ซึ่งนายสงกานต์ได้ประสานงานกับกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ช่วยวางเงินประกันตัวออกมา และได้แจ้งความเอาผิดกับ นางไก่ ข้อหาแจ้งความเท็จด้วย
ทั้ง 9 คดีที่นางไก่ไปแจ้งความเอาผิดกับอดีตลูกจ้างนั้น ไม่น่าจะเกิดขึ้น ถ้าหาก เจ้าพนักงานสอบสวน สน ประชาชื่น ที่รับผิดชอบคดีดังกล่าว และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น คือ รองผู้กำกับ การสืบสวนสอบสวน และผู้กำกับการ สนประชาชื่น ในช่วงที่นางไก่ ไปแจ้งความ จะทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา
นายตำรวจซึ่งจบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และน่าจะมีประสบการณ์กับงานสืบสวนสอบสวนมาแล้ว ไม่สงสัย เอะใจ บ้างเลยหรือว่า นางไก่นั้น มีพฤติกรรมที่มีพิรุธอย่างยิ่ง แจ้งความเอาผิดกับลูกจ้างตัวเอง ด้วยข้อหาเดิมๆ ถึง 9 ครั้ง และเมื่อเรียกผุ้ถุกกล่าวหามาให้การ เคยใช้สามัญสำนึกไตร่ตรองว่า คำให้การ พยานหลักฐานของฝ่ายไหน น่าเชื่อถือ มีน้ำหนักมากว่ากัน หรือไม่ เคยคิดที่จะสืบสวน สอบสวนเพิ่มเติมว่า ใครโกหก หรือไม่ ก่อนที่จะสรุปสำนวนส่งไปให้อัยการ
เมื่อมีผู้เสียหายมาแจ้งความกับตำรวจ เป็นหน้าทีของตำรวจที่จะต้องพิจาณาข้อกล่าวหาว่า มีมูลหรือไม่ แต่จากกรณีของนางไก่ ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวน สน ประชาชื่น รวบรวมทั้งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จะทำตัวเป็นเครื่องมือของนางไก่ ยัดเยียด ข้อหาให้เหยื่อทั้ง 9 ราย
เป็นความบกพร่องของ เจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวน สน ประชาชื่ นหรือว่า เป็นการสมรู้ร่วมคิด ยัดข้อหาให้กับเหยื่อ ผู้บริสุทธิ์ ด้วยแรงจูงใจบางอย่าง เป็นคำถามที่ประชาชนกำลังรดฟังคำตอบจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ