จากการตามหา “นางฟ้านักปั่น” ทั่วประเทศไทย เธอคนนี้คือ 1 ในหญิงสาวกว่า 500 คน ที่มาพร้อมความน่ารักออร่าจับและฝีเท้าการปั่นจักรยานที่ไม่ธรรมดา “แวว-อรทัย มูลคำแปง” สาวนักปั่นหุ่นสวย ไม่พลาดคว้าตำแหน่งรองแชมป์ “Miss Angle Rider 2016” มาครอง เราพร้อมเปิดใจคุยกับเธอไม่ใช่ในฐานะนักปั่นมืออาชีพ แต่ในฐานะผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่หลงใหลการปั่นจักรยานสุดหัวใจ. .
การเดินทางมาของ “มิตรภาพ”
“เริ่มปั่นมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แต่ถ้าปั่นจริงจัง คือตอนเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ปั่นมาได้ 5 ปีแล้ว” เราเริ่มต้นบทสนทนากันด้วยคำถามที่ว่าทำไมเธอถึงชอบปั่นจักรยาน เธอจึงค่อยๆ พาเราย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่ได้มีความทรงจำเกี่ยวกับจักรยานมาตั้งแต่สมัยเรียน
“จริงๆ แล้วแววเกิดที่ลำปาง แต่มาเรียนที่เชียงใหม่ พอได้มาเรียนที่เชียงใหม่ด้วยสถานที่ ด้วยบรรยากาศของที่นั่น เราเลยเลือกใช้จักรยานในการเดินทางไปเรียนมหา'ลัย ใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะถ้าพูดถึงเมืองเหนือจะเป็นเมืองที่รักสงบ ส่วนมากจะใช้รถมอเตอร์ไซด์และจักรยานในการเดินทางมากกว่ารถยนต์”
นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เชื่อมต่อกับโลกสองล้ออย่างไม่คาดฝัน หลังจากย้ายมาที่กรุงเทพฯ เธอได้มองหาการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเอง การโคจรมาพบกันอีกครั้งกับเพื่อนสองล้อ ทำให้ชีวิตเธอไม่เหมือนเดิมอีกเลย
“พอมาอยู่กรุงเทพฯ อยากหากิจกรรมทำที่สามารถตอบโจทย์เรื่องการออกกำลังกาย เพราะแววเป็นคนขี้เบื่อ อยู่ในฟิสเนสบ่อยๆ รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ พอมาเจอจักรยานเป็นอะไรที่สนุกมาก มันท้าทาย พอลองมาปั่นแล้วอยากไปต่อ มันทำให้เราได้ย้อนกลับไปเป็นเด็ก มันลืมเวลาไปหมดเลย”
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน จักรยานคันแรกของเธอคือจักรยานมือสองของคนอื่น หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นมรดกตกทอดอันล้ำค่าที่ทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดฝัน ความชื่นชอบพาเธอมารู้จักกับสังคมจักรยาน จากนั้นเธอก็ตกหลุมรักมันเข้าเต็มๆ
“เริ่มจากจักรยานทัวริ่งก่อนเป็นมือสองของคนอื่น แต่เป็นมือหนึ่งของเรา (หัวเราะ) พอปั่นไปได้สักระยะหนึ่ง มีพี่แนะนำว่าไปพันทิพไหม แววเลยได้ไปรู้จักอีกโลกหนึ่ง พันทิพคือแก๊งค์จักรยานใหญ่ๆ สำหรับคนกลางคืนที่เลิกงานทุ่ม-สองทุ่ม บางคนทำงานออฟฟิศไม่ได้มีเวลาไปปั่นที่สนาม”
เธอเล่าต่อไปว่าสองล้อคู่ใจคันถัดมาคือ จักรยานฟูจิสุดฟรุ้งฟริ้ง ซึ่งได้มาจากพี่ที่รู้จักอีกเช่นเคย ก่อนจะมาฝากหัวใจไว้กับเจ้าเสือหมอบคันล่าสุด ซึ่งเธอบอกเลยว่าการได้ปั่นจักรยานคันหนักๆ มาก่อนทำให้เธอพบว่าศักยภาพในตัวเธอมีมากกว่าที่คิด
“จากนั้นก็มาปั่นจักรยานฟูจิ ไซส์มินิ คันเล็กลงมาหน่อย พี่ที่รู้จักเขาก็ให้มาอีกเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) แววก็เริ่มหัดปั่น หลังจากนั้นใช้เสือหมอบ สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการหัดปั่นจักรยานจากรถหนักๆ แข็งๆ มันทำให้กำลังขาเราดีมาก พอมาเจอรถที่ซับพอร์ตมันทำให้รู้ว่าศักยภาพในร่างกายของเรายังไปได้อีก”
นอกจากนี้เธอยังบอกอีกว่าการปั่นจักรยานให้อะไรได้มากกว่าที่คิด แน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่ได้จากสังคมคนรักสองล้อคือมิตรภาพ เราสัมผัสได้ถึงมิตรภาพที่งดงามนั้นผ่านแววตาที่เธอกำลังเล่าสู่ให้ฟัง
“สิ่งแรกเลยคือมิตรภาพ ถ้าไม่มีจักรยาน แววจะไม่ได้เจอมิตรภาพใหม่เลย พอได้มาอยู่ตรงนี้เราได้อีกมุมมองหนึ่ง มันทำให้เรามีแง่คิดใหม่ๆ ต่อมาคือได้การออกกำลังกาย มันคือผลดีและเป็นของแถมที่ดี สนุกกับมิตรภาพ สนุกกับการออกกำลังกาย และยังมีสุขภาพดีกลับมาอีก”
“ปั่นปันบุญ” บนถนนแห่งความสุข
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเดินทางไม่ได้สำคัญที่จุดหมาย ทว่าสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทางต่างหากที่มีคุณค่ามากกว่าความสำเร็จที่ปลายทาง เช่นกันกับสาวแววและแก๊งนักปั่นฯ ของเธอที่ได้ชวนกันไปทำบุญให้พี่ๆ น้องๆ ที่ขาดโอกาส ด้วยการปั่นจักรยานพกพาน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ไปเพื่อแบ่งปัน
“เราจะทำบุญกันเดือนละครั้งให้กับคนยากไร้ คนไร้บ้าน หรือเด็กพิการ เราจะพากันไปทำโดยการปั่นจักรยาน กิจกรรมนี้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่เราทำด้วยใจรัก ทั้งคนที่รักจักรยาน หรือคนที่ไม่ได้ปั่นจักรยานก็สามารถมาร่วมทำบุญกันได้”
การปั่นจักรยานปันน้ำใจเริ่มต้นมาจากน้านกหวีด ซึ่งได้ชักชวนเธอให้มาทำบุญด้วยกัน หลังจากที่เธอสนใจและได้เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ เธอได้ส่งต่อการทำบุญด้วยการชักชวนคนอื่นๆ ในโลกโซเชียล จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมทำบุญแบบ “Hand To Hand”
“เริ่มต้นคือมาจากน้านกหวีด เขาทำตรงนี้อยู่แล้ว และเขาอยากได้กระบอกเสียง ลองมาชวนเราไปด้วยกันไหม แววก็เลยไปร่วมกิจกรรมกับแก จากนั้นแววก็ลองโพสท์ชักชวนนักปั่นที่สนใจให้มาเข้าร่วมการทำบุญตรงนี้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
สิ่งที่นำไปบริจาคมีทั้งอาหารและข้าวของที่จำเป็น หรืออาจเป็นการนัดรวมตัวกันไปทำบุญตามสถานสงเคราะห์และมูลนิธิต่างๆ เพื่อไปสร้างรอยยิ้มให้กับน้องๆ เหล่านั้น รวมถึงเธอเองก็ได้รับความสุขใจกลับมาด้วย
“ภารกิจที่ทำคือการแจกจ่ายข้าวเดือนละ 150 ห่อ บางทีแววก็เป็นเจ้าภาพ บางทีพี่ๆ ก็เป็นเจ้าภาพ ลงพื้นที่ตามสวนลุม บ้านเด็กคนพิการ จะมีนัดกันว่าเดือนนี้จะไปทำพวกเราก็โทรฯ จอง มันจะมีงบอยู่แล้วค่ะ บางคนก็บริจาคเป็นสิ่งของมาให้ ฝากเราไปทำบุญด้วย”
สิ่งที่เธอได้รับจากการทำบุญทุกครั้งคงเป็นความรู้สึกที่แสนสุขใจ นอกจากนั้นแล้วมันยังสร้างแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตให้ได้อีกด้วย ความย่อท้อและอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นอาจเทียบไม่ได้กับสิ่งที่คนอื่นๆ ต้องเจอ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งแง่คิดที่เธอได้รับกลับมา เพื่อปรับใช้ในการเผชิญหน้ากับปัญหา
“ทุกวันนี้แววมองว่าเรายังอยู่ในโลกที่สวยงาม เราโชคดีที่เกิดมาเจอแต่เรื่องดีๆ พอได้เห็นพวกเขา เราก็อยากแบ่งปันสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ เวลาที่แววรู้สึกเหนื่อยก็จะคิดว่าเรายังมีสองมือสองเท้า เรายังมีโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิต บางคนเขาไม่มีโอกาสเลย แต่เรายังได้รับโอกาสที่ดี มันเลยเป็นกำลังใจที่ดีในการสู้ต่อไป”
“สวย ใส ออร่าปิ๊ง” ปั่นโหดแค่ไหน..ก็สวยได้
ไม่มีใครเชื่อว่าเธอคือสาวนักปั่นที่ผ่านด่านความโหดของเส้นทางมาแล้วไม่รู้กี่กิโลเมตร คงเพราะผิวพรรณที่สวยใสฟรุ้งฟริ้งอย่างไม่น่าเชื่อ ว่าจะผ่านแดดผ่านลมบนหลังอานมาแล้วกว่า 5 ปี เธอจึงแอบกระซิบบอกวิธีดูแลตัวเองที่เธอทำทุกครั้งก่อนออกสนามหรือหลังจบภารกิจ
“การดูแลสุขภาพของแววคือ ก่อนปั่นจักรยานทุกครั้งต้องทาครีมกันแดดก่อน ทั้งหน้าและตัว หลังจากปั่นฯ เสร็จ กลับมาคลีนหน้าตัวเองให้หมดเลย รีบมาร์คหน้า บำรุงมันนิดหนึ่ง เพราะลมและแดดอากาศบ้านเรามันร้อน
ส่วนผิวตัวให้ใช้ครีมบำรุง มันอาจจะหลีกเลี่ยงความไหม้ไม่ได้ แต่มันจะไหม้น้อย ไหม้มาก มันอยู่ที่ว่าจะดูแลตัวเองยังไง หลังจากดูแลตัวเองเสร็จ การดูแลจักรยานก็สำคัญเหมือนกันนะคะ ปั่นฯ เสร็จไม่ใช่เราสักแต่ปั่น ไม่ดูแลรักษาจักรยานก็ไม่ได้ ต้องดูแล ล้างรถ ทะนุบำรุงมันด้วย มันจะได้อยู่กับเรานานๆ”
นอกจากนี้สาวแววยังฝากถึงใครก็ตามที่สนใจอยากออกกำลังกาย แต่ยังหากิจกรรมที่เหมาะและถนัดกับตัวเองไม่เจอ จนทำให้ท้อใจเลิกออกกำลังกายไปเสียดื้อๆ เธอแนะนำว่าให้ดูที่ความสนใจและเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจะดีที่สุด
“อยากฝากถึงผู้หญิงทุกคนว่าถ้ายังหากิจกรรมที่ตัวเองชอบไม่ได้ อย่าบ่นว่าตัวเองอ้วน จริงๆ ถ้ามีเวลาลองมาออกกำลังกาย ลองหากีฬาที่ตัวเองชอบ อย่างแววชอบจักรยาน ชอบเป็นชีวิตจิตใจ เลือกจักรยานที่ไม่ต้องแพงก็ได้ แต่ให้เลือกคันที่เราชอบ เลือกสี ผู้หญิงจะชอบแบบนี้
สำหรับคนที่อยากหันมาออกกำลังกาย คุณอาจคิดว่าปั่นจักรยานอุปกรณ์มันเยอะ แต่ถ้าได้ลองมาปั่นแล้วคุณจะรัก แต่ถ้าไม่ชอบให้ลองหาวิธีออกกำลังกายทางอื่นที่เหมาะกับเราก็ได้ จัดแจงว่าตัวเองชอบแบบไหน รักแบบไหน เพราะแต่ละคนไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ดังนั้นให้เลือกที่ตัวเองชอบและสุขภาพที่ดีก็จะตามมา”
เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ : ศิวกร เสนสอน
ภาพบางส่วน : อินสตาแกรม Lovevaw
ชมภาพความน่ารักของเธอกันต่อ . .