xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจให้ชิม “โยเกิร์ต-รวีวรรณ” สวย-เก่ง-แซ่บ ครบรส!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
สลัดคราบนางแบบหุ่นแซ่บสุดเซ็กซี่ไปสักประเดี๋ยว เพราะตอนนี้ “โยเกิร์ต-รวีวรรณ บุญประชม” ขอพาเราย้อนยุคห่มสไบไปกับ “บุญมี” ในละครรีเมดที่คอละครต่างพูดถึงมากที่สุดในขณะนี้ “นางทาส” เธอพร้อมเปิดใจให้ชิมครบทุกรสถึงงานแสดงเรื่องแรกในชีวิต ทั้งเรื่องการดูแลหุ่นให้สวยเป๊ะสไตล์สาวโย แล้วจะรู้เลยว่าโยเกิร์ตรสนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !!

ละครเรื่องแรกกับบท “บุญมี”
 
นี่คือละครเรื่องแรกของเธอกับการรับบท “บุญมี” เมียคนที่สามของท่านเจ้าคุณ เราอดถามไม่ได้ว่าความยากของมันจัดอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ เพราะด้วยความที่เธอคุ้นเคยกับวงการนางแบบมาก่อนนี้ การรับเล่นละครเรื่องแรกในชีวิตฐานะนักแสดงอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ

“จริงๆ มันยากหมดเลยค่ะ ยากที่เป็นละครเรื่องแรก ยากด้วยความที่เป็นพีเรียด ยากที่เป็นบทบุญมี เพราะบทตัวนี้เขาลึกมาก มีหลายมิติผสมปนเปกันอยู่ในเรื่องเดียวหมดเลย มันยากมาก”

บทสนทนาเริ่มต้นด้วยความยากของการรับบทในละครเรื่องแรก “นางทาส” ซึ่งก่อนหน้าที่เธอจะได้สัมผัสกับความโหดหินของงานแสดง เธอบอกกับเราก่อนเลยว่าไม่คิดว่าการเล่นละครจะยากถึงเพียงนี้ แต่เมื่อได้มาแสดงละครจริงๆ จึงรู้เลยว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เข้าใจ

“คนรู้จักที่ผ่านงานละครมาแล้วถามเราว่า เล่นเรื่องแรกพีเรียดเลยเหรอ ยากนะ เราก็ไม่เข้าใจว่ามันยากยังไง รู้สึกว่าละครปัจจุบันหรือละครพีเรียดมันก็เหมือนกัน แต่พอได้เล่นเองรู้เลยว่ามันยากง่ายต่างกันมาก พอโยจบเรื่องนางทาสได้ต่อเรื่องที่สองคือ “เพลิงนรี” เป็นละครสมัยใหม่ เรารู้ถึงความยากง่ายแล้วว่ามันต่างกันยังไง”
บุญมีในเรื่องนางทาส

 
คงเป็นที่ทราบกันดีว่าเธอคือนางแบบดาวรุ่งที่เดินเฉิดฉายบนรันเวย์มาแล้วอย่างช่ำชอง ทว่าสำหรับงานแสดงเรื่องแรกในชีวิต หลายคนอาจสงสัยเหมือนกันกับเราว่ามันมีความเหมือนหรือต่างกันมากแค่ไหน ซึ่งเธอกำลังอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างงานเดินแบบและงานแสดงให้เราฟังต่อจากนี้

“มันคล้ายๆ กันนะ เพราะเป็นศาสตร์แขนงเดียวกัน แต่จะต่างกันเรื่องรายละเอียดมากกว่า ตอนเป็นนางแบบต้องใช้การควบคุมร่างกาย จังหวะเดิน จังหวะโพส ใช้จินตนาการบ้างแต่ก็น้อย ต้องมีอินเนอร์เวลาถ่ายรูป

แต่งานแสดง จินตนาการสำคัญมาก มีดีเทลเยอะ ตอนเป็นนางแบบแค่ฉันสวยก็จบ แต่พอเป็นนักแสดงตัวละครตัวนี้คิดอะไรอยู่ มาเพื่ออะไร และต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆ มากมาย รับส่งอารมณ์กันไปมา ไม่เหมือนงานนางแบบที่เป็นงานคนเดียว”

ความฮอตของเธอไม่ได้มีแค่ในงานแสดงและงานเดินแบบเท่านั้น แต่ยังฮอตไปถึงโลกโซเชียลกับกระแสอันร้อนแรงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับการวางตัวนักแสดงในละครนางทาส ซึ่งเธอยอมรับกับเราว่าจากกระแสด้านลบต่างๆ ทำให้เธอรู้สึกท้ออยู่เหมือนกัน

“แรกๆ ท้อนะ กระแสเริ่มมาตั้งแต่วางตัวนักแสดงแล้ว แค่รายชื่อนักแสดงออกก็มีกระแสคอมเม้นต์ต่างๆ นานา ส่วนใหญ่ไปในทางติมากกว่า โยก็ใจแป๊วเหมือนกัน คนอาจจะถามว่าโยเกิร์ตมาจากไหน ทำไมมาเล่นบทนี้ ตัดสินเราก่อนที่จะเห็นผลงานของเราแล้ว เราก็เป๋เหมือนกัน”

ถ้ามีโอกาสอยากฝากอะไรถึงคนที่ติดตามละครเรื่องนางทาส เราเอ่ยถามเธอในฐานะนักแสดงที่ถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้ รวมถึงกระแสที่ยังแรงไม่ตกของละครพีเรียดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เธอบอกกับเราว่าอยากให้คนดูเปิดใจ เพราะแต่ละเวอร์ชันที่ทำมาแล้วนั้นย่อมมีแนวทางที่แตกต่างกัน

 
“อยากให้เปิดใจค่ะ ด้วยความที่นางทาสทำมาหลายเวอร์ชันแล้ว อันนี้เป็นเวอร์ชันที่สามที่โยได้มีโอกาสร่วมแสดง ทุกคนคาดหวังไปต่างๆ นานา ว่าอยากให้มันเหมือนแบบเดิมหรือเปล่า แต่สำหรับเวอร์ชันนี้มีการตีความใหม่ค่อนข้างเยอะ อยากให้เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชันที่เสนอมุมมองใหม่ๆ ไม่อยากให้ยึดติด แต่ละเวอร์ชันเขามีแนวทางที่แตกต่างกัน”

“ไม่ใช่คนเก่ง..แต่ขยัน”

มองภายนอกหลายคนอาจคิดว่าเธอคือผู้หญิงเก่ง ทั้งการงาน ความรัก และเรื่องการเรียน ซึ่งมีปริญญาการันตีความเก่งของเธอจากรั้วจามจุรีถึงสองใบ มองดูแล้วนี่คือผู้หญิงเก่งครบทุกองค์ประกอบเลยก็ว่าได้ ใครหลายคนคงเชื่อแบบนั้น ทว่าเธอคนนี้จะเชื่อแบบนั้นด้วยหรือเปล่า ต้องให้เธอเป็นคนอธิบาย

“ผู้หญิงเก่งเหรอคะ” (ทำท่าครุ่นคิด)
“ผู้หญิงเก่งสำหรับโยคือ สามารถเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงพ่อแม่ได้ ผู้หญิงเก่งอาจจะเป็นอาชีพอื่นๆ หรือวิธีต่างๆ นานา โยรู้สึกว่าผู้หญิงเก่งนอกจากที่ดูแลตัวเองได้แล้ว ต้องดูแลพ่อแม่ได้ด้วย”

นิยามคำว่าผู้หญิงเก่งของเธอคือ ผู้หญิงที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ซึ่งเธอเองได้ขยายความต่อไปให้เข้าใจว่าสำหรับเธอแล้ว ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้หญิงเก่ง เพราะเธอคิดว่ายังสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้อีก

“อีกนิดหนึ่ง มันได้อีก คือมันก็มาถึงในจุดที่เราโอเคกับชีวิตเรา แต่โยรู้สึกว่ามันยังไปได้อีก มันยังทำอะไรมากกว่านี้ได้อีก แล้วโยเพิ่งเข้ามาทำงาน ณ ตอนนี้คือต้องสะสมประสบการณ์ แล้วเอาไปทำอะไรที่ใหญ่โตมากกว่านี้ในอนาคต”

 
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนเข้าวงการบันเทิง เธอจบปริญญาตรีและโทจากคณะวิศวะฯ ไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั่นคงเป็นความสำเร็จที่บ่งบอกได้ถึงความรู้ความสามารถที่เธอมีได้อย่างชัดเจนที่สุด

แสดงว่าเรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก เราโยนความสงสัยนั้นใส่เธอ ก่อนเธอจะรีบตอบอย่างทันควัน

“หัวดีมากกว่าค่ะ ไม่ใช่คนที่เกิดมาแล้วฉลาดเลย แต่เป็นคนหัวดี เรียนรู้เร็ว โยเป็นคนขยัน อย่างตอนโยเอนทรานซ์เข้าจุฬาฯ ก็ไม่ได้คะแนนดีนะ ค่อนไปทางท้ายด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่เป็นคนขยัน อดทน สู้คน ก็พยายามต้องเอาให้ได้ เป็นคนไม่ชอบแข่งกันคนอื่น แต่ชอบแข่งกับตัวเอง”

มาถึงตอนนี้คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยกให้เธอเป็นไอดอลในเรื่องของการเรียน ซึ่งเธอรีบออกตัวกับเราเลยว่าไม่อยากให้มองเธอเป็นตัวอย่างในเรื่องของความฉลาด แต่อยากให้มองถึงเรื่องความขยันและความพยายามที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า

“ไม่อยากให้มองโยว่าเป็นไอดอลของความเก่งความฉลาด เพราะโยบอกแต่แรกแล้วว่าไม่ได้เกิดมาแล้วฉลาดเลย แต่คนอย่างนั้นมีอยู่จริงแต่ไม่ใช่โย ถ้าจะให้มองโยว่าเป็นไอดอล อยากให้มองเรื่องความขยัน ความพยายามดีกว่า เป็นคนสู้คน เป็นคนอดทนอย่างนี้มากกว่า”
ครอบครัวแสนอบอุ่น
สาวกูดเฮ็ลท์..อารมณ์ดี

“จริงๆ ก่อนหน้านี้ที่โยไม่ได้ทำงาน โยไม่เคยออกกำลังกายเลย ไม่มีทักษะทางด้านกีฬาอะไรเลย (เน้นเสียง) เล่นอะไรไม่เป็นเลย”

ฟังดูแล้วอาจรู้สึกขัดแย้งกับภาพในอินสตาแกรมของสาวโยเสียเหลือเกิน เพราะภาพส่วนใหญ่ที่เธออัพโหลดลงนั้นเป็นภาพเกี่ยวกับการออกกำลังกายทั้งนั้น ใครจะไปคิดล่ะว่าก่อนหน้านี้เธอจะเป็นคนไม่ชอบออกกำลังกายมาก่อน

“พอเข้ามาทำงาน ต้องเริ่มรู้จักดูแลร่างกายตัวเอง เริ่มออกกำลังกายที่ตัวเองไหว เล่นโยคะ คอร์สฟิตเนส ซึ่งที่โยไปเทรนมีส่วนเยอะ อย่างโยเป็นคนขี้เบื่อง่าย พอเล่นอะไรไปได้สักพักจะเริ่มเบื่อ ไม่อยากทำอะไรแล้ว

เขาก็พยายามหากิจกรรมใหม่ๆ ให้เราเล่นเสมอ ซึ่งมวยก็เป็นกิจกรรมที่เขาแนะนำให้เราลองเล่น พอเราเล่นและรู้สึกว่ามันไม่เบื่อ เพราะเรามีบัดดี้เล่น อย่างถ้าวิ่งบางทีมันเบื่อเพราะเราอยู่คนเดียว”


 
ใครหลายคนอาจกำลังรู้สึกเช่นนี้อยู่ เมื่อได้ออกกำลังกายไปสักพักจะเริ่มหมดไฟ รู้สึกเบื่อบ้าง ไม่สนุกบ้าง ซึ่งเธอแนะวิธีสำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพร่างกายแต่รู้สึกเบื่อ ให้ลองหากิจกรรมหลายๆ อย่างทำดู อาจจะค้นพบสิ่งที่เหมาะกับตัวเองและจะทำให้รู้สึกสนุกกับมันมากกว่าจะเบื่อหน่าย

“โยอยากแนะนำคนที่ดูแลร่างกายอยู่แล้วรู้สึกเบื่อ ลองหากิจกรรมเยอะๆ ให้ลองทำสลับเปลี่ยนกันไป ทำอย่างเดียวมันจำเจมันเบื่อ คุณอาจจะทำอะไรที่ไม่เข้ากับคุณก็เลยเบื่อ ลองหาลองเปลี่ยนอะไรเล่นเยอะๆ จะได้ไม่เบื่อ”

เราอาจจะติดภาพสาวโยในลุคสปอร์ตเกิร์ลไปแล้ว ทั้งการต่อยมวย ว่ายน้ำ โยคะ ฟิสเนส ต่างๆ ลองมาถามถึงเรื่องอาหารการกินของเธอกันบ้าง ดูเป็นสาวรักสุขภาพแบบนี้เรื่องการทานอาหารคงสำคัญกับเธอไม่แพ้เรื่องของการดูแลรักษาหุ่นแน่นอน

“จริงๆ กินไม่ได้เฮลตี้นะก่อนหน้านี้ เป็นคนเอนจอยอิธติงมาก กินทุกอย่าง แต่พอมาช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าต้องดูแลสุขภาพได้แล้ว เริ่มกินเป็นระบบระเบียบมากขึ้น อย่างอาทิตย์หนึ่งโยจะมีชีสเดย์วันหนึ่งที่อยากกินอะไรก็ได้ แต่วันที่ไม่ใช่ชีสเดย์ก็จะพยายามกินปลากับผัก

โยไม่มีโอกาสที่จะนั่งกินคลีนขนาดนั้น โยก็จะเลือกทานปลากับผักเป็นหลัก โยเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการกินมาสักพักแล้ว มีชีสเดย์วันหนึ่งโยลองกลับไปกินหมูสามชั้นแบบมันเยอะๆ โยรู้สึกว่ารสสัมผัสของเรามันไม่เหมือนเดิม ทัศนะคติเราเปลี่ยนไป เราไม่ได้กินแล้วมันอร่อยเหมือนเดิมแล้ว”

 
ทิ้งท้ายกันด้วยวิธีดูแลสุขภาพของสาวรูปร่างสวยมีเสน่ห์คนนี้กันบ้าง เธอเปรียบเปรยให้เราฟังถึงขั้นตอนการดูแลความสวยความงามของสาวๆ ว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาเหมือนกับกรุงโรมที่คงไม่ได้สร้างเสร็จในหนึ่งวัน การพักผ่อน การกินอาหาร การออกกำลังกาย ต้องทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วย

“พูดรวมๆ ถึงเรื่องความสวยความงามแล้วกัน กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว (หัวเราะ) มันต้องใช้เวลา ต้องทำหลายๆ อย่างควบคู่กันไป นอน กิน พักผ่อน ออกกำลังกาย ไม่ใช่ทำอย่างเดียวแต่ย่างอื่นไม่ทำเลย มันจะไม่เห็นผล ไม่ถาวร อาจจะสวยแต่ก็เดี๋ยวเดียว ถ้าอยากสวยระยะยาว โยรู้สึกว่ามันต้องทำควบคู่กันไปตลอด”

เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ภาพประกอบอินสตาแกรม @yoghurt_rb

ชมภาพความน่ารักสาวโยต่อเลย!!



โยเกิร์ตกับหวานใจพีเค





 
กำลังโหลดความคิดเห็น