xs
xsm
sm
md
lg

คสช.ไม่ปลื้ม"อลงกรณ์" ส่อถูกเขี่ยพ้นเก้าอี้รองประธานสปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีข่าวแพร่สะพัด ในหมู่สมาชิกสภาประฏิรูปประเทศ(สปท.) ที่ต้องการปลด นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท. คนที่ 1 เนื่องจากที่ผ่านมาได้ทำงานเกินบทบาทหน้าที่ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่ สปท. จนเป็นเหตุให้ สปท.สายการเมือง นำโดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก นายวันชัย สอนศิริ อภิปรายการทำหน้าที่ของนายอลงกรณ์ ที่ไม่เหมาะสม ระหว่างประชุมสปท. เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมจนถึงบัดนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าวานนี้ (6ก.ค.) นายอลงกรณ์ ได้ส่งข้อความทางไลน์ ให้ สปท.ที่ใกล้ชิดโดยอ้างว่า เป็นเนื้อความจากข่าวของสื่อมวลชน ที่เปิดเผยการประชุมลับ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ในทำนองที่มีสปท.บางส่วน อาทิ พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ท.สุวีระ ทรงเมตตา นายสมเดช นิลพันธุ์ อภิปรายให้กำลังใจ และสนับสนุนการทำหน้าที่ของรองประธาน สปท.คนที่ 1
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยว่าใน เวลา 9.00 น.วันที่ 11 ก.ค.นี้ ก่อนการประชุมวาระปกติของสปท. จะมีสมาชิก สปท.ส่วนหนึ่ง รวมตัวกันนำกระเช้าดอกไม้ ไปมอบเป็นกำลังใจ ประธาน และ รองประธานสปท. ทั้งสองคน อีกด้วย
นายสมเดช นิลพันธุ์ สปท.ในฐานะอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม (มรน.) ที่มีรายชื่อถูกอ้างถึง กล่าวว่า เรื่องการร่วมตัวในกลุ่มสปท. บางส่วนที่จะมอบดอกไม้ให้กำลังใจประธาน และรองประธาน สปท.ทั้งสองคนนั้น ตนได้ทราบเรื่องทางไลน์กลุ่มของ สปท. ที่มีการส่งและแชร์กันต่อๆ มาเท่านั้น ยังไม่ได้มีการหารือกับเพื่อน สปท.แต่อย่างใด
ส่วนกระแสข่าวที่จะปลด นายอลงกรณ์ ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าตลอดการทำงานกับอลงกรณ์ ที่ลงพื้นที่ สร้างเครือข่ายให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ ไม่มีวาระซ่อนเร้นในทางการเมืองแต่อย่างใด แต่สำหรับการทำงานส่วนอื่นๆ ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้ลงไปทำงานด้วย
แหล่งข่าว สปท. อีกฟาก ที่ขัดแย้งกับนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าต่อไปนายอลงกรณ์ คงจะทำงานลำบาก เนื่องจากร.อ.ทินพันธ์ นาคะตะ ประธาน สปท. คงไม่ยอมให้ทำงานโดยพลการ และข้ามหน้าข้ามตาอีกต่อไป ที่สำคัญหลังจากนี้ นายอลงกรณ์ จะไม่ได้รับการยอมรับจาก สปท.ส่วนใหญ่ เห็นได้จากการประชุมลับ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 50 คนเท่านั้น และมีผู้ให้การสนับสนุนนายอลงกรณ์ ไม่ถึง 10 คน จาก 40 คน ขณะที่สปท.อีกประมาณ 100 คน ที่ไม่เข้าร่วมประชุมลับดังกล่าว เพราะไม่ให้ราคานายอลงกรณ์
ส่วนนายอลงกรณ์ จะได้ดำรงตำแหน่อง รองสปท. คนที่ 1 ต่อไปหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับคสช.เป็นผู้ตัดสินใจว่า การทำงานของนายองกรณ์ ที่ติดนิสัยนักการเมือง ที่ชอบสร้างภาพ จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ เพราะคสช.ต้องการเน้นเรื่องปฏิรูปประเทศ และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นสำคัญ โดยสมาชิก สปท. คงจะไม่มีการเดินเกมใต้ดินขับไล่อย่างนักการเมืองแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลง รองประธาน สปท.คนที่ 1 เกิดขึ้นจริง ขณะนี้รับทราบมาแล้วว่า มีการผลักดันบุคคลในสปท. ขึ้นทำหน้าที่เอาไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าว ขณะนี้นายอลงกรณ์ กำลังหนักใจว่า จะทำอย่างไรต่อสิ่งที่ดำเนินการอยู่ 4 โครงการ ได้แก่ 1. จัดตั้งประชาคมปฏิรูปประเทศระดับจังหวัด โดยให้กระทรวงมหาดไทย เป็นแกนกลางในการตั้งคณะกรรมการจากฝ่ายต่างๆ 2. สร้างผู้นำปฏิรูปให้ได้ครบ 2,000 คน 3. ขยายองค์กรเครือข่ายให้ครบ 200 องค์กร และ 4. ตั้งสถาบันการเรียนรู้ ใช้สถาบันการศึกษาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฏ เป็นศูนย์ดำเนินการ
ข่าวแจ้งว่า การดำเนินการของนายอลงกรณ์ เป็นไปตามคำสั่งของ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ที่แต่งตั้งคณะกรรมการเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ลงวันที่ 7 มี.ค.59 กรรมการมีทั้งสิ้น 22 คน นายอลงกรณ์ เป็นประธาน ส่วนกรรมการล้วนเป็นบุคคลภายนอก ที่ใกล้ชิดนายอลงกรณ์ ส่วนสมาชิก สปท.เกือบ 10 คนเป็นที่ปรึกษา จากนั้นนายอลงกรณ์ ได้ตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน มีนายอำนวย ปะติเส เป็นประธาน
"สิ่งที่นายอลงกรณ์ทำอยู่ ไม่ว่าจะทำข้อตกลง หรือเอ็มโอยู เป็นเครือข่ายกับองค์กร สถาบันต่างๆ โดยเน้นให้ได้ปริมาณเครือข่ายมากๆนั้น มีลักษณะเหมือนทำตามลำพัง เป็นเอกเทศ ไม่ได้เชื่อมโยงกับ สปท. เพราะถ้าทำในนามของสปท. ก็ควรจะผ่านมติวิปสปท. หรือนำไปอภิปรายในที่ประชุมสปท. รวมทั้งควรจะมี สปท.มาร่วมเป็นกรรมการ ด้วยเหตุนี้เอง นายอลงกรณ์ จึงถูก สปท.ซักฟอกลางสภา โดยหลักแล้วนายอลงกรณ์ควรจะหยุดดำเนินการโครงการอะไรต่างๆ ถ้ายังขืนทำต่อ ก็จะถูกซักฟอกอีก และดีไม่ดี อาจจะหลุดจากตำแหน่งรองประธาน สปท. คนที่ 1 ผมจะเตือนไว้" แหล่งข่าวใน สปท. กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น