อุดรธานี - เป็นประชาธิปไตยแล้ว! "ขวัญชัย ไพรพนา" โผล่เข้ามอบตัวกับ "ผบ.มทบ.24" หลังหนีนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีพาพวกเสื้อแดงรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ที่หนองประจักษ์ โดยถูกสั่งจำคุก 2 ปี อ้างที่หนี เพราะกลัวคดีพลิก รับโทษเพิ่ม กลัวถูกทำร้ายในคุก และติดเชื้อในกระแสเลือดเหมือนนักโทษหลายคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (6ก.ค.) ที่ห้องรับรองมณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 24 จ.อุดรธานี นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา พร้อมนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยาได้เข้าพบกับ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผู้บัญชาการมณฑลททหารบกที่ 24 (ผบ.มทบ.24) พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี (ผบก.อุดรธานี) เพื่อขอมอบตัว หลังจากได้หลบหนีเข้านัดฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุดรธานี ในคดีเป็นแกนนำพากลุ่มคนเสื้อแดงเข้ารุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ขณะกำลังจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เมื่อปี 2551 โดยในระหว่างการเข้ามอบตัว พล.ต.อำนวย และ พล.ต.ต.พีระพงษ์ ได้พูดคุยกับนายขวัญชัย กับภรรยาอย่างเป็นกันเอง
นายขวัญชัยกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ขออนุญาตไม่ตอบว่าหลบไปอยู่ที่ใด เพราะไม่อยากให้พรรคพวกเดือดร้อน แต่เมื่อคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ในการต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 และทบทวนบทบาทตัวเอง เหตุการณ์ต่างๆ เมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องยอมรับความจริง เมื่อศาลฎีกาพิพาษศาลงโทษจำคุก 2 ปี จึงคิดว่ากลับมารับโทษดีกว่า ซึ่งตอนแรกที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ตนได้ข้อมูลมาคลาดเคลื่อน เกรงว่าจะมีการเพิ่มโทษ กลัวว่าจะมีการทำร้ายตนในเรือนจำ เพราะข่าวเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือดกับคนต่าง ๆ มันแรงเหลือเกิน จึงทำให้ตนหลบหนีไป ไม่กล้ามาฟังคำพิพากษา
"วันนี้ได้รับคำยืนยันจากท่าน พล.ต.อำนวย ซึ่งเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ ตั้งแต่สมัยการต่อสู้ปี 49 ที่ตั้งแต่มีการรัฐประหารครั้งแรก ที่ผมไว้วางใจมาโดยตลอด เมื่อท่านให้ความมั่นใจถึงขนาดนี้แล้ว จึงเดินทางกลับมาเข้าสู่กระบวนการรับโทษ พร้อมที่จะเข้าไปต้องโทษ 2 ปี ซึ่งตอนนี้ทำใจได้แล้ว" นายขวัญชัยกล่าว
จากนั้น พล.ต.อำนวย และ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ได้นำตัวนายขวัญชัย ขึ้นรถเพื่อนำตัวส่งยังศาลจังหวัดอุดรธานี โดยมีทนายความ พร้อมภรรยา บุตร และผู้ติดตาม เข้าไปภายในศาลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของศาล ก่อนที่จะควบคุมตัวนายขวัญชัยไปยังเรือนจำกลางอุดรธานี
ด้านพล.ต.อำนวยกล่าว หลังจากที่นายขวัญชัย ไม่มารับฟังความพิพากษา ทางกองทัพบกในฐานะดูแลหน่วยงานความมั่นคง และทางตำรวจ ก็พยายามติดตามตัวกลับมา เพราะกลัวว่าอาจจะมีความเข้าใจผิด หรือมีอะไรที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ ในระบบความมั่นคง จึงได้พยายามติดต่อหาข้อมูลกับทางครอบครัวนายขวัญชัย และฝากบอกว่าขอให้นายขวัญชัย กลับมาเข้าสู่ระบบเสีย เพราะอย่างไรในประเทศไทยก็ยังดำรงเรื่องของความยุติธรรม และความมีน้ำใจอยู่
สำหรับคดีนี้ ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย สั่งลงโทษจำคุกนายขวัญชัย 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 350,000 บาท พร้อมสั่งปรับนายประกันที่ทำสัญญาไว้จำนวน 500,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วานนี้ (6ก.ค.) ที่ห้องรับรองมณฑลทหารบก (มทบ.) ที่ 24 จ.อุดรธานี นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา พร้อมนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยาได้เข้าพบกับ พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผู้บัญชาการมณฑลททหารบกที่ 24 (ผบ.มทบ.24) พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี (ผบก.อุดรธานี) เพื่อขอมอบตัว หลังจากได้หลบหนีเข้านัดฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดอุดรธานี ในคดีเป็นแกนนำพากลุ่มคนเสื้อแดงเข้ารุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ขณะกำลังจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะหนองประจักษ์ เมื่อปี 2551 โดยในระหว่างการเข้ามอบตัว พล.ต.อำนวย และ พล.ต.ต.พีระพงษ์ ได้พูดคุยกับนายขวัญชัย กับภรรยาอย่างเป็นกันเอง
นายขวัญชัยกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ขออนุญาตไม่ตอบว่าหลบไปอยู่ที่ใด เพราะไม่อยากให้พรรคพวกเดือดร้อน แต่เมื่อคิดทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ในการต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 และทบทวนบทบาทตัวเอง เหตุการณ์ต่างๆ เมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องยอมรับความจริง เมื่อศาลฎีกาพิพาษศาลงโทษจำคุก 2 ปี จึงคิดว่ากลับมารับโทษดีกว่า ซึ่งตอนแรกที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา ตนได้ข้อมูลมาคลาดเคลื่อน เกรงว่าจะมีการเพิ่มโทษ กลัวว่าจะมีการทำร้ายตนในเรือนจำ เพราะข่าวเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือดกับคนต่าง ๆ มันแรงเหลือเกิน จึงทำให้ตนหลบหนีไป ไม่กล้ามาฟังคำพิพากษา
"วันนี้ได้รับคำยืนยันจากท่าน พล.ต.อำนวย ซึ่งเป็นคนที่ผมเคารพนับถือ ตั้งแต่สมัยการต่อสู้ปี 49 ที่ตั้งแต่มีการรัฐประหารครั้งแรก ที่ผมไว้วางใจมาโดยตลอด เมื่อท่านให้ความมั่นใจถึงขนาดนี้แล้ว จึงเดินทางกลับมาเข้าสู่กระบวนการรับโทษ พร้อมที่จะเข้าไปต้องโทษ 2 ปี ซึ่งตอนนี้ทำใจได้แล้ว" นายขวัญชัยกล่าว
จากนั้น พล.ต.อำนวย และ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ได้นำตัวนายขวัญชัย ขึ้นรถเพื่อนำตัวส่งยังศาลจังหวัดอุดรธานี โดยมีทนายความ พร้อมภรรยา บุตร และผู้ติดตาม เข้าไปภายในศาลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของศาล ก่อนที่จะควบคุมตัวนายขวัญชัยไปยังเรือนจำกลางอุดรธานี
ด้านพล.ต.อำนวยกล่าว หลังจากที่นายขวัญชัย ไม่มารับฟังความพิพากษา ทางกองทัพบกในฐานะดูแลหน่วยงานความมั่นคง และทางตำรวจ ก็พยายามติดตามตัวกลับมา เพราะกลัวว่าอาจจะมีความเข้าใจผิด หรือมีอะไรที่เกิดขึ้นแบบไม่คาดคิดหรือไม่ เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น เชื่อถือ ในระบบความมั่นคง จึงได้พยายามติดต่อหาข้อมูลกับทางครอบครัวนายขวัญชัย และฝากบอกว่าขอให้นายขวัญชัย กลับมาเข้าสู่ระบบเสีย เพราะอย่างไรในประเทศไทยก็ยังดำรงเรื่องของความยุติธรรม และความมีน้ำใจอยู่
สำหรับคดีนี้ ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย สั่งลงโทษจำคุกนายขวัญชัย 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา และปรับ 350,000 บาท พร้อมสั่งปรับนายประกันที่ทำสัญญาไว้จำนวน 500,000 บาท