xs
xsm
sm
md
lg

รุมอัด"อลงกรณ์"ออฟไซด์ คุยพรรคการเมืองมีวาระซ่อนเร้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (4ก.ค.) มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมีร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ทำหน้าที่ประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิกสปท. ได้สอบถามกรณีนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท. คนที่ 1เดินสายพบพรรคการเมือง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นมติของที่ประชุมสปท. หรือกระทำเพื่อผลประโยชน์ เพื่อวัตถุประสงค์ใด และเป็นอำนาจหน้าที่ของสปท.หรือไม่ ทั้งที่ขณะนี้ พรรคการเมืองไม่สามารถจัดกิจกรรมทางการเมืองได้
จากนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสปท. อภิปรายว่า ขณะนี้สปท. ถูกจับตามองว่าได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้วหรือไม่ อย่างเช่น การที่จะให้สปท. ชี้แจงกับทูตานุทูตประเทศต่างๆ เข้าใจถึงการทำงานของสปท. เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งการพบกันครั้งแรก ก็ไม่ได้ติดขัดเท่าไร เพราะเชื่อว่าจะได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ แต่การเชิญทูตานุทูตครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยผู้บรรยาย คือรองประธาน สปท.คนที่ 1 จึงมีข้อสังเกตว่า การจัดครั้งนี้ มีการหารือกับประธานสปท. หรือไม่ และการเชิญมา เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อการปฏิรูปหรือไม่ ตนมองว่า ทำให้เสียเวลา ทำให้ทูตเบื่อหน่าย ไม่เห็นความสำคัญของเรา เนื่องจากจัดถี่เกินไป
นายเสรี กล่าวด้วยว่า นายอลงกรณ์ จัดเวทีบรรยายเรื่องการจัดทำประชามติ กลไกการขับเคลื่อน ที่ไม่เกิดประโยชน์กับกรรมาธิการของ สปท. ซึ่งหน้าที่การบรรยาย เป็นเรื่องรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบติดต่อประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับทูตานุทูต ส่วนสปท.เป็นเพียงแต่สนับสนุน และไปร่วมกับรัฐบาล แต่ไม่ใช่มาจัดเองอย่างพร่ำเพรื่อแบบนี้ ดังนั้น ถ้าหยุดได้เลิกได้ ก็ให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งว่าอย่าจัดงานเลยในบ่ายวันนี้
นายเสรี ยังได้กล่าวถึงข้อบังคับการประชุมในการตั้งกรรมาธิการประสานงานทั้ง 3 ฝ่าย และประสานงานระหว่าง สปท.-สนช. ซึ่ง สปท.ได้ตั้งคณะกรรมการเครือข่ายการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยไม่เห็นว่ามีความจำเป็นในเรื่องที่เกี่ยวกับการประสานงาน และไม่ได้ช่วยเหลือสปท. แต่ตั้งมาเพื่อสร้างเครือข่าย จึง
ถามว่า ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อสร้างพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะมีการของบฯ 1,342,800 บาท ซึ่งแต่ละครั้ง จะเอาไปใช้จ่ายอื่นๆ เช่น แจกกระเป๋าเอกสาร แต่ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท.คนที่ 2 ก็ไม่อนุมัติ
"สิ่งที่เราทำ ไม่ได้แตกต่างจากพรรคการเมืองที่พยายามสร้างเครือข่าย จัดเลี้ยง แจกของ นี่คือการซื้อเสียงล่วงหน้า ซึ่ง สปท.ควรทำ หรือไม่ ทั้งที่คสช.มีประกาศห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมใดๆ เมื่อเราห้ามพรรคการเมืองแล้ว แต่เราจัดกระบวนการทางการเมืองเสียเอง หรือจะตั้งพรรคการเมือง ในอนาคตหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ โครงการเครือข่ายที่จัดทำ กลับกลายเป็นว่า เราห้ามพรรคการเมืองข้างนอก แต่เราก็มาสร้างพรรคการเมืองในสปท. แล้วจะไปตอบพรรคการเมืองได้อย่างไร การไปพบหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆ ตอนแรกผมเข้าใจว่า ประธานทำหนังสือไป แต่ประธานไม่ได้เป็นผู้นำหนังสือไป ทำให้คนข้างนอกเข้าใจผิด มาทราบภายหลังว่า ประธานไม่ได้เป็นคนทำหนังสือ แต่คนที่ทำหนังสือไปในนามประธาน คือ รองประธาน สปท.คนที่ 1 ผมแปลกใจ บางเรื่องประธานก็ไม่ทราบ บางเรื่องเห็นชอบภายหลัง ผมเห็นประธานมาทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าทุกวัน ทำไมไม่เห็นประธานเซ็นต์ชื่อในหนังสือดังกล่าว" นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวต่อว่า การไปพบหัวหน้าพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อสปท. เพราะเขาติติง สปท.ว่า ทำงานแล้วไม่ปฏิรูป และสิ่งที่เป็นปัญหาคือ พรรคการเมืองเหล่านั้น ใช้โอกาสฝากไปถึงรัฐบาล และ คสช. พร้อมติติงว่ากล่าวรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง อีกทั้งในวันที่ 15 ก.ค. จะพบพรรคการเมือง 70 พรรค คสช. คงเกรงใจประธาน สปท. คิดว่าสิ่งที่ทำเป็นการปฏิรูปประเทศ เนื่องจากมีชื่อประธานนำหน้า จึงไม่ได้พูดห้ามปราม แต่สิ่งที่ทำผิดกฎหมาย และขัดคำสั่งคสช. ดังนั้นเพื่อไม่ให้การทำงานของ สปท. เกิดผลกระทบ และความเสียหาย ขอให้ประธานระมัดระวัง อย่าให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก และอย่าให้ไปดำเนินการเกี่ยวกับทางการเมืองอีก
ด้าน ร.อ.ทินพันธ์ ชี้แจงว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาภายใน ตนจะรับไปแก้ไข ซึ่งในการพบทูตต่างประเทศครั้งนี้ ขอตัดสินใจงด และการตัดสินใจ มีข้อดีข้อเสียทั้งสิ้น แต่ประเมินแล้ว ขอสั่งงด และการพบปะพรรคการเมืองครั้งต่อไป ก็ของดเช่นกัน
ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิก สปท. อภิปรายว่า การดำเนินการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นรอง สปท.คนใด หรือเครือข่ายขับเคลื่อนการไปพบนักการเมืองถือเป็นการกระทำของประธาน สปท. ท่านจะรู้หรือไม่รู้ แต่เป็นไปโดยนิตินัย เป็นความรับผิดชอบโดยตรง มีส่วนรู้หรือเห็นเป็นใจยินยอมการะทำทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นท่านจะปฏิเสธใดๆ ไม่ได้ ตนขอถามว่า การสร้างเครือข่ายนี้มาขับเคลื่อนอะไร หรือเป็นเพียงแค่อีเวนต์ทางการเมือง ไม่ได้มีอะไรเป็นแก่นสาร แต่เครือข่ายนี้ใช้เงินหลวง เขาจับมือประธานเซ็นต์เอ็มโอยู ท่านรู้หรือไม่รู้ แต่ทุกทีทำในนามประธาน หรือท่านรู้ว่าเขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก หรือไมรู้ แล้วโดนหลอก ตนไม่แน่ใจ
" มีบางคน บางกลุ่ม บางพวก ใช้ตำแหน่งเพื่อประโยชน์ทางการเมือง แต่ผลกระทบเกิดกับประธานโดยตรง ตอนนี้เรามีเวลาไม่เกิน 6 เดือน ท่านประธาน น่าจะทบทวนบทบาทหน้าที่องคาพยพที่รับผิดชอบ อย่าปล่อยให้เกิดหมอหยองทางการเมือง สร้างภาพไปวันๆ ว่า เป็นเทพ และทำให้คนทั้งหมดเห็นว่า เป็นเทพทางการเมือง สปท. น่าจะยืนอยู่บนตัวจริง เสียงจริง ของจริง ถ้าเกิดเหตุการณ์เน้นกิจกรรมทางการเมือง สร้างภาพมายาทางการเมือง ก็เสียฟอร์มท่านประธานทินพันธุ์" นายวันชัย กล่าว
ด้านนายอลงกรณ์ ชี้แจงว่า เราทำงานร่วมกัน ก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย หากมีข้อผิดพลาด ก็ต้องขออภัยด้วย เพราะ ตนไม่ได้ทำหน้าที่ในที่ประชุมเพียงอย่างเดียว แต่เข้าร่วมการประชุมประสานงานระหว่างรัฐบาล สนช. สปท. และงานที่ประธาน สปท. มอบหมายด้วย ซึ่งการพบปะกับพรรคการเมือง ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรแอบแฝง แต่เป็นการไปพบปะเพื่อสร้างความร่วมมือ เป็นการหันหน้าเข้าหากัน และการไปชี้แจง ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ตนมีความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ส่วนงานที่ฝาก ก็ชัดเจนว่าเป็นงานฝาก ซึ่งประเด็นที่ สปท.ถูกวิจารณ์ว่า ไม่มีผลงานจากฝ่ายต่างๆ รวมสื่อบางส่วน เราก็มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงกลับอย่างสร้างสรรค์ และ ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายก็รับรู้รับทราบการดำเนินงานทุกอย่าง
ด้านร.อ.ทินพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการสั่งยกเลิกการชี้แจงการทำงานของ สปท. ต่อคณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศในวันที่ 4 ก.ค. อย่างกะทันหัน ว่า ตนได้คำนึงถึงผลดี และผลเสียแล้ว และได้รับฟังความคิดเห็นจากสมาชิก สปท. จึงเห็นว่าการยกเลิก มีผลดีมากกว่าผลเสีย ส่วนการเดินสายของนายอลงกรณ์ ที่ไปพบพรรคการเมืองต่างๆนั้น เมื่อทำไปแล้ว ก็ไม่ขอปฏิเสธ คงต้องมีการปรับปรุงการทำงานต่อไป แต่เรื่องทั้งหมดในฐานะประธาน สปท. ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานของ นายอลงกรณ์ เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดีต่อประเทศทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาได้ทราบเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆ ของนายอลงกรณ์ หรือไม่ นายทินพันธุ์ กล่าวว่า รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง และไม่คิดว่านายอลงกรณ์ ขัดคำสั่ง คสช. เพราะไม่มีคำสั่ง คสช. อะไรทั้งสิ้น ทุกคนทำด้วยเจตนาดีทั้งนั้น ในฐานะประธาน สปท. ตนขอรับผิดชอบเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนบางช่วง ร.อ.ทินพันธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และมีน้ำตาคลอเบ้า แต่ยังพยายามฝืนยิ้ม สะกดอารมณ์ในการตอบคำถามต่อสื่อมวลชน
กำลังโหลดความคิดเห็น