ผบช.ภ.1 คุมตัวผู้ต้องหาฆ่าปอดคอครูสาวใน จ.สระบุรี รับแอบชอบผู้ตายเพราะเป็นคนอัธยาศัยดี หวังชิงทรัพย์-หมายจะข่มขืนแต่เกิดการต่อสู้จึงจำเป็นต้องฆ่า พร้อมขอโทษครอบครัวผู้ตาย ส่วนทำแผนประกอบคำรับสารภาพขอประเมินสถานการณ์ก่อน เกรงชาวบ้านรอรุมสหบาทา พบประวัติเคยต้องโทษคดีข่มขืนมาแล้ว ด้าน"บิ๊กตู่" ไม่เห็นด้วยหลังเกิดกระแสเรียกร้องโทษคดีข่มขืนให้ประหารชีวิต ส่วน“บิ๊กป้อม” โยนสนช.-นักกม.-จนท.ที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าโทษประหารชีวิตคดีฆ่าข่มขืน
จากกรณีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี พนักงานโรงปูน ฆ่าปาดคอ น.ส.จุฬารัตน์ โทวันนา อายุ 27 ปี ครูอัตราจ้างโรงเรียนแสงวิทยา เสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 17/5 ถนนสุดบรรทัดซอย 8 เขตเทศบาลเมือง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา
วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง พล.ต.ต.ศรายุทธ พูลธัญญะ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตีรโสภณ ผกก.สภ แก่งคอย จ.สระบุรี แถลงผลการจับกุม นายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 316/2559 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลม 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม และชุดที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 2 ก.ค.เวลา 10.30 น. พนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย ได้รับแจ้งพบศพ น.ส.จุฬารัตน์ถูกฆ่าปาดคอ เสื้อนอนถูกถลกขึ้นมีผ้าคลุมถึงหน้าอก โดยลำคอมีบาดแผลฉกรรจ์ถูกของมีคมปาดเกือบขาด มือซ้ายมีบาดแผลยาว 2-3 นิ้ว ข้างศพพบมีดยาวประมาณ 5-6 นิ้ว วางจมกองเลือด ภายในบ้านเช่าเลขที่ 17/5 ถ.สุดบรรทัด ซอย 6 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวหันหน้าเข้าหากัน จำนวน 10 ห้อง มีรั้วรอบขอบชิด ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนรู้จักและอยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงตรวจสอบประวัติผู้อยู่อาศัยบ้านเช่าดังกล่าวย้อนหลังจนพบว่า นายชาตรีเคยมีคดีข่มขืนภรรยาเพื่อนเมื่อปี 2556 ก่อนจะถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 8 เดือน และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือน ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายอาร์ม (สาวประเภทสอง) แฟนของนายชาตรีติดต่อให้กลับมายังบ้านเช่าดังกล่าว เมื่อพบตัวนายชาตรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตพบว่าหลังมือซ้ายมีบาดแผลคล้ายมีดบาดและเลือดยังไหลไม่หยุด ประกอบกับเมื่อสอบปากคำพบพิรุธ โดยนายชาตรีอ้างว่าแผลดังกล่าวเกิดจากห้างร้านตกใส่ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงทำการเค้นสอบอย่างหนักกระทั่งรับสารภาพจึงจับกุมตัวไว้
ด้านนายชาตรีรับสารภาพว่า บ้านเช่าหลังที่อยู่เดิมนั้น นายอาร์ม สาวประเภทสองเช่าเพียงคนเดียว ก่อนที่ตนจะมาขออาศัยและขอช่วยหารค่าห้อง อยู่ด้วยกันประมาณ 6 เดือน และตนก็ได้รู้จักกับผู้ตายได้ 4 เดือน โดยทุกครั้งที่เจอก็จะทักทายพูดคุยกันเสมอเนื่องจากผู้ตายเป็นคนอัธยาศัยดี ตนจึงเริ่มรู้สึกชอบผู้ตาย โดยวันเกิดเหตุประมาณ 22.00 น.ตนออกไปซื้อของข้างนอก และเครียดที่เงินเดือนยังไม่ออก เมื่อเดินผ่านห้องผู้ตายพบว่าประตูไม้หน้าห้องเปิดอยู่ เหลือเพียงประตูเหล็กที่มีมุ้งลวดติดอยู่จึงลองผลักเข้าไปหวังจะลักทรัพย์ ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก ตนจึงเดินเข้าไปภายในห้องเพื่อหวังจะข่มขืน แต่กลับสะดุดสายไฟทำให้ผู้ตายรู้ตัวสะดุ้งตื่น และร้องให้คนช่วย ตนหันไปเห็นมีดวางอยู่บนชั้นวางของจึงวิ่งไปหยิบก่อนจะนำมาปาดคอผู้ตายจนแน่นิ่งไป
เบื้องต้นตำรวจนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นมอบให้ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ต้องหา
'บิ๊กตู่'ไม่เห็นด้วยคดีข่มขืนให้ประหารชีวิต
เมื่อเวลา 13.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ลงโทษประหารชีวิต หลังเกิดคดีฆ่าโหดครูสาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และผู้กระทำความผิดในคดีข่มขืน แล้วฆ่า ว่า "ให้กลับไปดูทั่วโลกว่าเขาว่าอย่างไรอย่าไปคิดเอาเอง วันนี้อย่าลืมว่าเราอยู่กับกฎหมายโลก กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ทั่วโลกยกเลิกการประหารชีวิตกี่ประเทศแล้ว ของเราประหาร 3 ครั้งก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ใช้ในทุกมาตราแล้ว ทั้งกฎหมายปกติ และมาตรา 44 ซึ่งไม่มีอะไรแรงไปกล่าวนี้ ก็ยังไม่กลัวกันเลย ถ้าให้มีการประหารชีวิตก็คงต้องประหารสัก 3 ชาติ ถึงจะกลัว อย่ามาใช้กฎหมายจนเสพติด อย่าไปเสพติดกฎหมายจนไปสู่อำนาจ ไปสู่ผลประโยชน์ อย่าไปเสพติดแบบนั้น ขอให้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่า สังคมก็ต้องช่วยกันกดดัน นักข่าวก็ต้องช่วยกันประณาม สื่อต้องช่วยผมในการกดดัน คนที่ทำความผิดเหล่านี้ให้มันสงบ อย่าปล่อยให้มีปากมีเสียงอยู่ได้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์คลิปวีดีโอ ร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของครูสาวเหยื่อฆ่าข่มขืน ซึ่งเป็นของเพื่อนคุณครูจุฑารัตน์จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ทำขึ้น โดยชาวเน็ตต่างร่วมแสดงความคิดเห็นไว้อาลัยและโกรธแค้นผู้ที่กระทำผิด เนื่องจากเพิ่งพ้นโทษจากคดีข่มมาไม่นาน แต่ยังกล้าที่จะก่อเหตุซ้ำอีก ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้คดีของครูสาวถูกฆ่ารวมไปถึงคดีข่มขืนอื่นๆ ต่อไปในอนาคตต้องรับโทษสูงสุดคือประหารเท่านั้น
“บิ๊กป้อม”โยนสนช.-นักกม.-จนท.เดินหน้าโทษประหารชีวิต
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสสังคมสนับสนุนให้แก้กฎหมายประหารชีวิตผู้ที่มีความผิดข้อหาฆ่าข่มขืน สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายฆ่าปาดคอโหด น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา อายุ 27 ปี ครูสอนเด็ก ป.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังในพื้นที่เขตเทศบาล ต.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่า เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้ดูแล เพราะประเทศเราไม่มีเรื่องการประหารชีวิตมานานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสังคม ในส่วนของตนให้ความเห็นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่า ตนพูดคนเดียว ดังนั้นต้องหารือกันในภาพรวมก่อนว่าควรจะมีกฎหมายประหารชีวิต หรือไม่ อย่างไร รวมถึงต้องให้นักกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้คิดและพิจารณาเรื่องนี้ก่อน
จากกรณีนายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี พนักงานโรงปูน ฆ่าปาดคอ น.ส.จุฬารัตน์ โทวันนา อายุ 27 ปี ครูอัตราจ้างโรงเรียนแสงวิทยา เสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 17/5 ถนนสุดบรรทัดซอย 8 เขตเทศบาลเมือง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 59 ที่ผ่านมา
วานนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง พล.ต.ต.ศรายุทธ พูลธัญญะ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ พล.ต.ต.สมชาย พัชรอินโต พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบช.ภ.1 และ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตีรโสภณ ผกก.สภ แก่งคอย จ.สระบุรี แถลงผลการจับกุม นายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่ 316/2559 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลม 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม และชุดที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 2 ก.ค.เวลา 10.30 น. พนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย ได้รับแจ้งพบศพ น.ส.จุฬารัตน์ถูกฆ่าปาดคอ เสื้อนอนถูกถลกขึ้นมีผ้าคลุมถึงหน้าอก โดยลำคอมีบาดแผลฉกรรจ์ถูกของมีคมปาดเกือบขาด มือซ้ายมีบาดแผลยาว 2-3 นิ้ว ข้างศพพบมีดยาวประมาณ 5-6 นิ้ว วางจมกองเลือด ภายในบ้านเช่าเลขที่ 17/5 ถ.สุดบรรทัด ซอย 6 ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวหันหน้าเข้าหากัน จำนวน 10 ห้อง มีรั้วรอบขอบชิด ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนรู้จักและอยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงตรวจสอบประวัติผู้อยู่อาศัยบ้านเช่าดังกล่าวย้อนหลังจนพบว่า นายชาตรีเคยมีคดีข่มขืนภรรยาเพื่อนเมื่อปี 2556 ก่อนจะถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 8 เดือน และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือน ส.ค. 2558 ที่ผ่านมา จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้นายอาร์ม (สาวประเภทสอง) แฟนของนายชาตรีติดต่อให้กลับมายังบ้านเช่าดังกล่าว เมื่อพบตัวนายชาตรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตพบว่าหลังมือซ้ายมีบาดแผลคล้ายมีดบาดและเลือดยังไหลไม่หยุด ประกอบกับเมื่อสอบปากคำพบพิรุธ โดยนายชาตรีอ้างว่าแผลดังกล่าวเกิดจากห้างร้านตกใส่ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อจึงทำการเค้นสอบอย่างหนักกระทั่งรับสารภาพจึงจับกุมตัวไว้
ด้านนายชาตรีรับสารภาพว่า บ้านเช่าหลังที่อยู่เดิมนั้น นายอาร์ม สาวประเภทสองเช่าเพียงคนเดียว ก่อนที่ตนจะมาขออาศัยและขอช่วยหารค่าห้อง อยู่ด้วยกันประมาณ 6 เดือน และตนก็ได้รู้จักกับผู้ตายได้ 4 เดือน โดยทุกครั้งที่เจอก็จะทักทายพูดคุยกันเสมอเนื่องจากผู้ตายเป็นคนอัธยาศัยดี ตนจึงเริ่มรู้สึกชอบผู้ตาย โดยวันเกิดเหตุประมาณ 22.00 น.ตนออกไปซื้อของข้างนอก และเครียดที่เงินเดือนยังไม่ออก เมื่อเดินผ่านห้องผู้ตายพบว่าประตูไม้หน้าห้องเปิดอยู่ เหลือเพียงประตูเหล็กที่มีมุ้งลวดติดอยู่จึงลองผลักเข้าไปหวังจะลักทรัพย์ ปรากฏว่าไม่ได้ล็อก ตนจึงเดินเข้าไปภายในห้องเพื่อหวังจะข่มขืน แต่กลับสะดุดสายไฟทำให้ผู้ตายรู้ตัวสะดุ้งตื่น และร้องให้คนช่วย ตนหันไปเห็นมีดวางอยู่บนชั้นวางของจึงวิ่งไปหยิบก่อนจะนำมาปาดคอผู้ตายจนแน่นิ่งไป
เบื้องต้นตำรวจนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคอย ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในส่วนของการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นมอบให้ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เป็นผู้ประเมินสถานการณ์ เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ต้องหา
'บิ๊กตู่'ไม่เห็นด้วยคดีข่มขืนให้ประหารชีวิต
เมื่อเวลา 13.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ลงโทษประหารชีวิต หลังเกิดคดีฆ่าโหดครูสาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และผู้กระทำความผิดในคดีข่มขืน แล้วฆ่า ว่า "ให้กลับไปดูทั่วโลกว่าเขาว่าอย่างไรอย่าไปคิดเอาเอง วันนี้อย่าลืมว่าเราอยู่กับกฎหมายโลก กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ทั่วโลกยกเลิกการประหารชีวิตกี่ประเทศแล้ว ของเราประหาร 3 ครั้งก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ใช้ในทุกมาตราแล้ว ทั้งกฎหมายปกติ และมาตรา 44 ซึ่งไม่มีอะไรแรงไปกล่าวนี้ ก็ยังไม่กลัวกันเลย ถ้าให้มีการประหารชีวิตก็คงต้องประหารสัก 3 ชาติ ถึงจะกลัว อย่ามาใช้กฎหมายจนเสพติด อย่าไปเสพติดกฎหมายจนไปสู่อำนาจ ไปสู่ผลประโยชน์ อย่าไปเสพติดแบบนั้น ขอให้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่า สังคมก็ต้องช่วยกันกดดัน นักข่าวก็ต้องช่วยกันประณาม สื่อต้องช่วยผมในการกดดัน คนที่ทำความผิดเหล่านี้ให้มันสงบ อย่าปล่อยให้มีปากมีเสียงอยู่ได้"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์คลิปวีดีโอ ร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของครูสาวเหยื่อฆ่าข่มขืน ซึ่งเป็นของเพื่อนคุณครูจุฑารัตน์จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ทำขึ้น โดยชาวเน็ตต่างร่วมแสดงความคิดเห็นไว้อาลัยและโกรธแค้นผู้ที่กระทำผิด เนื่องจากเพิ่งพ้นโทษจากคดีข่มมาไม่นาน แต่ยังกล้าที่จะก่อเหตุซ้ำอีก ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องให้คดีของครูสาวถูกฆ่ารวมไปถึงคดีข่มขืนอื่นๆ ต่อไปในอนาคตต้องรับโทษสูงสุดคือประหารเท่านั้น
“บิ๊กป้อม”โยนสนช.-นักกม.-จนท.เดินหน้าโทษประหารชีวิต
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสสังคมสนับสนุนให้แก้กฎหมายประหารชีวิตผู้ที่มีความผิดข้อหาฆ่าข่มขืน สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายฆ่าปาดคอโหด น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา อายุ 27 ปี ครูสอนเด็ก ป.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังในพื้นที่เขตเทศบาล ต.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่า เรื่องกฎหมายเป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้ดูแล เพราะประเทศเราไม่มีเรื่องการประหารชีวิตมานานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสังคม ในส่วนของตนให้ความเห็นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นว่า ตนพูดคนเดียว ดังนั้นต้องหารือกันในภาพรวมก่อนว่าควรจะมีกฎหมายประหารชีวิต หรือไม่ อย่างไร รวมถึงต้องให้นักกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้คิดและพิจารณาเรื่องนี้ก่อน