xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดประวัติ 'องอาจ ธรรมนิทา' โฆษกฯ หน้าใส ขวัญใจนะจ๊ะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “พระเดชพระคุณหลวงพ่อ...” กลายเป็นคำคุ้นหูของคนไทยไปเสียดื้อๆ หลังจากออกมาเปิดหน้าแถลงข่าวเพื่อปกป้อง “พระเทพญาณมหามุนี” หรือ “พระธัมมชโย” ที่ถูกหมายจับในข้อหา “ฟอกเงินและรับของโจร” จากคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

ยิ่งเมื่อผนวกรวมกับใบหน้าที่ใสปิ๊งราวกับไปทำโบท็อกซ์หรือฉีดสารคอลลาเจนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สังคมกระหายใคร่รู้เป็นอย่างยิ่งว่า “องอาจ ธรรมนิทา” โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ผู้นี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และทำไมถึงได้ทุ่มกายถวายชีวิตเพื่อ “ต้นธาตุต้นธรรม” อย่างยิ่งยวดชนิดทุ่มกายถวายหัวเช่นนี้

องอาจ ธรรมนิทา หรือ อาร์ท ถือเป็นศิษย์ก้นกุฏิวัดพระธรรมกาย เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงชีวิตในวัยเด็กว่า ความที่บ้านเกิด ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อยู่ใกล้วัดฯ บวกกับคุณพ่อเป็นทหารมีระเบียบวินัยเข้มงวด เมื่อโดนดุมากเข้าจึงทำให้ตนไปสนิทสนมกับคุณย่า ซึ่งท่านเป็นคนธรรมะธัมโม ชอบทำบุญ

ความสนิมสนมกับคุณย่าที่หมั่นเพียรทำบุญทำทานตรงนี้เอง คือจุดเริ่มต้นหล่อหลอมเด็กหนุ่มให้เติบโตมาเป็นศิษย์เอกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ทำให้เขารู้จักวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัยวัดพระธรรมกายยังเป็นศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม

“ย่าเป็นต้นแบบในการทำให้เราเห็นความสำคัญเรื่องบุญ” เขากล่าวในตอนหนึ่งผ่านรายการ ผู้ออกแบบชีวิต ออกอากาศทางช่อง DMC TV

องอาจเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 ปัจจุบันมีอายุ 34 ปี

สำหรับประวัติการศึกษา ข้อมูลเปิดเผยว่า จบการศึกษาระดับมัธยมจาก โรงเรียนธรรมศาสตร์คลองหลวงวิทยาคม จ.ปทุมธานี ต่อมาเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ชีวิตในวัยเด็กขององอาจถือเป็นเด็กกิจกรรมคนหนึ่งเลยทีเดียว อ้างอิงข้อมูล สำนักข่าว Thaipbs และการสืบค้นข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต พบว่าเขาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ หลายต่อหลายรางวัล ไม่ว่าจะเป็น เยาวชนดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2545 หรือ เยาวชนอาสาสมัครตัวอย่างแห่งชาติ ประจำปี 2546 และอื่นๆ

บทบาทหนึ่งที่ชื่อของ องอาจ ธรรมนิทา ได้รับการจับตามากขึ้นคือ เมื่อปี 2548 เขาเป็นหนึ่งในตัวแกนนำนิสิตนักศึกษาจาก 50 แห่งทั่วประเทศ เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อคัดค้านการนำธุรกิจประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมให้สัมภาษณ์ ความว่า

“หากบริษัทระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์จะทำให้ศักยภาพในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น สามารถผลิตได้มากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะกระทบต่อเยาวชนที่ตกเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลกำไรของกลุ่มธุรกิจที่ขาดความรับผิดชอบด้านศีลธรรม ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ หรือเกิดการทะเลาะวิวาท รวมทั้งทำให้ขาดสติในการตัดสินใจ นำมาซึ่งปัญหาอุบัติเหตุ อาชญากรรม การทะเลาะวิวาท รวมไปถึงการทำร้ายเด็กและสตรี”

องอาจได้รับการยอมรับว่าเป็นคนมีวาทศิลป์เป็นเลิศรวมทั้งมีดีกรีเป็นเยาวชนดีเด่น จึงได้รับการทาบทามจากวัดพระธรรมกายให้เข้ามาปฏิบัติงาน ทำหน้าที่เป็นพิธีกร “ผู้ประกาศธรรม” ประจำช่อง DMC TV

นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่รายงานข่าวทางเว็บไซต์ www.dmc.tv โดยใช้ชื่อว่า “ลูก ART” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการรายงานข่าวคราวกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย เช่น ธุดงค์ธรรมชัย, การเปิดวัดพระธรรมกายสาขาต่างประเทศ เป็นต้น

และเป็นนักเขียนคอลัมน์ประจำ เส้นทางผู้นำเยาวชน นิตยสารกัลยาณมิตร สื่อสิ่งพิมพ์ของวัดพระธรรมกายอีกด้วย ซึ่งครั้งหนึ่งเขาถ่ายทอดงานเขียนเกี่ยวกับการเดินทางเข้าสู่วัดพระธรรมกาย ตัดทอนข้อความตอนหนึ่ง ความว่า

“พูดถึงธรรมทายาทแล้ว ทำให้ผมหวนนึกถึง วันวานอันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนครั้งนั้นเมื่อ 6 ปีก่อน ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.3ผมทราบ ข่าวการอบรมมัชฌิมธรรมทายาท จาก อาจารย์สอนวิชาพระพุทธศาสนาที่โรงเรียนท่านชวนให้มาอบรมถือศีล 8 และบรรพชาเป็นสามเณร ประมาณ1 เดือนที่วัดพระธรรมกาย

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตอบตกลงอาจารย์ไป ทั้งที่ ทางบ้านก็คงไม่คัดค้าน ไม่ใช่ครอบครัวไม่รักหรอก นะครับ แต่ว่าคงจะไม่เปลืองข้าวบ้านไปหลายวัน เอ้ย! ไม่ใช่ มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะส่งลูกหลานให้ ใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา เหมือนสมัยที่บรรพบุรุษ ปู่ย่าตายายของเราปฏิบัติกันเรื่อยมา แต่ในปัจจุบัน แทบจะหมดสิ้นความสัมพันธ์กันไปแล้ว ว้า...แย่จัง!

“ที่ว่ายากคือคิดดูซิครับ เด็กชายตัวน้อย ๆ น่ารักอย่างผม (แหม! น่าคลื่นไส้จัง) จะต้องไป ใช้ชีวิตแม้จะไม่โดดเดี่ยว แต่ก็ไกลความดูแลของ พ่อแม่ ขาดการติดต่อกับเพื่อน ๆ แถมยังต้อง รักษาศีล ตั้ง 10 ข้อ ยิ่งกว่านั้นต้องบวชเป็น สามเณรอีกด้วย แต่ในที่สุดด้วยยอดกัลยาณมิตร คือพระอาจารย์ รวมทั้งอาจารย์ ก็เอาผมอยู่หมัด สมัครเข้าอบรมจนได้

“ด้วยเวลาเพียง 20 กว่าวันในการอบรม ทำให้ ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไป จากที่ไม่เคยรู้เลยว่า เราเกิดมาทำไม? อะไรคือเป้าหมายชีวิต? ก็ทำให้รู้ อย่างแจ่มแจ้งว่า เราเกิดมาสร้างบารมี และเข้าถึง ความสุขที่แท้จริงคือธรรมะภายใน ส่วนเป้าหมาย ชีวิตของเราก็คือ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ผมได้รู้ถึง แนวทางในการฝึกฝนตนเอง จากบรรยากาศการ อบรมที่สนุกสนาน (ปนซึ้ง) อบอุ่นด้วยรอยยิ้ม และปิยวาจาที่คณะพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยงมอบให้ทุกวัน ทำให้ผมสามารถอยู่รับการอบรมได้ตลอดจนจบโครงการ ความประทับใจครั้งนั้น ได้กลายมาเป็นพลังใจที่ยิ่งใหญ่ ในการสร้างบารมีของผมในวันนี้”

องอาจ เติบโตในหน้าที่การงานมีบทบาทสำคัญในวัดพระธรรมกายมากขึ้นตามลำดับ ต่อมาในปี 2557 เขาได้เปิดเผยว่า การทำงานอาสาสมัครให้กับวัดพระธรรมกายทำให้เขาต้องรู้จักแบ่งเวลาการทำงานให้ดี โดยขณะนั้น องอาจมีตำแหน่งเป็น กรรมการผู้จัดการบริษัท มหัศจรรย์บุญ จำกัด มีภารหน้าที่รักษาการทำงานทางโลกและทางธรรมให้สมดุลกัน

และเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับรางวัลผู้บริหารแห่งปี CEO Thailand Awards 2014 จัดโดยสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รวมทั้ง โครงการบริหารการจัดการเพื่อการพัฒนายุคใหม่ สถาบันรัชต์ภาคย์ ซึ่งรับมอบรางวัลจาก ฯพณฯ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ในปีเดียวกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีรายงานข่าวจากเว็บไซต์ ThaiPublica ความว่า องอาจ ธรรมนิทา ได้รับรางวัล ผู้นำพุทธโลก สาขาสื่อมวลชน จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักข่าวThaipbs ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดวัดพระธรรมกาย อันเป็นข้อมูลสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่มีการสืบค้น พบว่า องอาจ เป็นลูกศิษย์ธรรมกายตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านหลักสูตรการฝึกพูดของทางวัด จนเข้ารับหน้าที่ผู้จัดรายการอยู่ในช่อง DMC TV ถือเป็นนักพูดที่ได้รับความไว้วางใจจากทางวัดมากที่สุดคนหนึ่ง ในที่สุดได้รับมอบหมายตำแหน่ง โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย

อย่างไรก็ตาม องอาจ เป็นเสมือนเงาของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ซึ่งถูกลดบทบาทลงในระยะหลังเพราะมีความล่าช้าไม่ทันการณ์ องอาจจึงรับหน้าที่หลักในการให้ข้อมูลข่าวสารกับสื่อมวลชนแทน และมีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ทั้งนั้น องอาจ ได้ให้สัมภาษณ์อย่างนอบน้อมถึงเรื่องการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่หลักแทนพระสนิทวงศ์

“หลวงพี่ (พระสนิทวงศ์) ท่านเป็นพระอาจารย์ ต้นบุญ ต้นแบบ ผมด้วยซ้ำไป ผม เรียนรู้ ฝึกตัวจากท่านหลายๆ อย่าง และได้มาร่วมสนองงานท่านในฐานะลูกศิษย์ครับ ช่วงนี้คณะศิษย์ฯ มีการเคลื่อนไหวมาก เลยเจอหน้าผมบ่อย หากแถลงในนามวัดก็เจอหลวงพี่สนิทวงศ์ครับ”

ก็ไม่รู้ว่า เส้นทางต่อจากนี้ของ องอาจ ธรรมนิทา ศิษย์ก้นกุฏิวัดพระธรรมกาย ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นปากเสียงพิทักษ์ความเป็นธรรมของ “พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย” จะเข้มข้นขนาดไหนและจะจบลงเช่นไร!



กำลังโหลดความคิดเห็น