ผู้จัดการรายวัน360-ศิษย์วัดพระธรรมกายเล่นแง่ ขอเลื่อนตรวจอาการอาพาธ "พระธัมมชโย" แพทยสภาเผยน่าจะเป็นการยกเลิกไปเลยมากกว่า ศิษย์วัดธรรมกาย อ้างเกิดผลดีต่อแพทยสภา ได้ทีขอปิดปาก หลบไปจัดงานวัด ดีเอสไอยันทำคดีไม่ช้า ปฏิบัติตามแผนและยึดหลักกฎหมายตลอด ยุให้เอาคืน ใครถูกศิษย์วัดแจ้งความทั้งที่ไม่ได้ทำผิด "ไพบูลย์"ดัดหลัง จ่อฟ้องผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ "หลวงปู่"เซ็งศาสนจักรเพิกเฉยปมธรรมกาย
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการนำทีมแพทย์ราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจอาการอาพาธของพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ได้รับการติดต่อพูดคุยกับคณะลูกศิษย์ของพระเทพญาณมหามุนีแล้ว โดยขอให้แพทยสภาเลื่อนการตรวจอาการอาพาธออกไปก่อน และจะมีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการยกเลิกการตรวจไปเลย เนื่องจากคณะลูกศิษย์เห็นว่าการตรวจอาการอาพาธไม่ได้เกิดประโยชน์ เพราะทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ออกหมายจับ และตรวจไป ก็ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง
"หากเป็นเช่นนี้ ทางแพทยสภา ก็มีความสบายใจ เพราะการไปตรวจ เป็นเพราะการร้องขอ และสังคมต้องการคำตอบ และแน่นอนว่าการตรวจต้องเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งบวกและลบกับแพทยสภา และแพทย์ผู้ทำการตรวจแน่นอน ซึ่งจะทำให้สังคมแตกแยกมากขึ้น และในการประชุมของแพทยสภา ในวันนี้ (9 มิ.ย.) จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมต่อไป"
ส่วนการสอบเรื่องใบรับรองแพทย์ที่ออกโดย พ.ท.นพ.สิริพงศ์ พัฒนธนาวิสุทธิ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี จ.ราชบุรี ยังคงดำเนินการอยู่ โดยจะมีการเชิญแพทย์มาให้ข้อมูลต่อไป
ที่หน้าอาคารสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้แถลงเกี่ยวกับกรณีการเลื่อนตรวจอาการพระธัมมชโยโดยแพทยสภา ว่า ทางวัดขอเลื่อนการตรวจของแพทยสภาออกไปแบบไม่มีกำหนด ไม่ได้เป็นการปฏิเสธแต่อย่างใด และทาง ศ.นพ.สมศักดิ์ ท่านให้ข่าวในเชิงที่ว่าการยกเลิกจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะดีเอสไอเองก็ยืนยันว่าการตรวจอาการอาพาธไม่ได้มีผลต่อรูปคดี
"ขอยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของดุจพินิจของทางแพทย์ผู้ตรวจอาการของหลวงพ่อธัมมชโย กับแพทยสภา รายละเอียดมากกว่านี้ ผมไม่สามารถให้ข้อมูลได้ และต่อไปนี้คณะศิษยานุศิษย์ต้องของดการให้สัมภาษณ์ใดๆ เกี่ยวกับหลวงพ่อ เนื่องจากทางวัดจะมีการจัดพิธีงานทำบุญ จึงจะต้องจัดกิจกรรมภายในวัดต่อไป"นายองอาจกล่าว
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพระธัมมชโย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังการประชุมหารือ 3 ฝ่าย ยังไม่ได้ข้อยุติ ว่า ดีเอสไอยังคงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีหยุด ไม่ได้ล่าช้า โดยขณะนี้ ยังทำตามแผน มีการทำงานเป็นขั้นตอนและประเมินสถานการณ์ตลอด และกรณีดังกล่าวยังมีผู้เกี่ยวข้องที่ต้องถูกดำเนินคดีอีกหลายกลุ่มนับ 10 คดี
ส่วนกรณีที่วัดพระธรรมกายยื่นเงื่อนไขขอเปลี่ยนพนักงานสอบสวนนั้น ยังไม่ได้รับหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ เพราะการจะเปลี่ยนพนักงานสอบสวนหรือไม่ ต้องพิจารณาเหตุผลทางวัดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร หากพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้อง ก็ไม่มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนตามที่ร้องขอ เนื่องจากการสอบสวนคดีดังกล่าว ดีเอสไอทำในลักษณะของคณะกรรมการ มีที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำ การตัดสินใจก็เป็นมติของที่ประชุม
สำหรับการเลื่อนประชุม 3 ฝ่ายไปเป็นวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ซึ่งอาจมองว่าใช้ระยะเวลานานไปหรือไม่นั้นเป็นการตัดสินใจร่วมกันของคณะกรรมการที่ตกลงร่วมกัน ส่วนการจับกุม ขอเรียนว่าแผนปฏิบัติการมีอยู่แล้ว แต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนการปฏิบัติของแผน อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ และในกรณีกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมและแจ้งความดำเนินคดี ทั้งที่บางเรื่องไม่มีการกระทำความผิดจริง เป็นสิทธิของคนที่ได้รับผลกระทบจะดำเนินการตามกฎหมายได้
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นไปตามคาดว่าพระธัมมชโยคงไม่ยอมให้แพทยสภาหรือแพทย์โรงพยาบาลของรัฐไปตรวจ เพราะกลัวรู้ความจริงว่าอาจะไม่ป่วยจริง ซึ่งจากนี้ ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการจับกุม เพราะหากไม่จับ จะทำให้เสียหายต่อระบบการบังคับใช้กฎหมาย และทำให้ภาพลักษณ์ คสช. เสียหายด้วย
ทั้งนี้ กรณีที่ศิษย์วัดพระธรรมกาย บอกว่า จะฟ้องร้องแพทย์คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อภาพอาการอาพาธของพระธัมมชโย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ 4 ต.ค.2542 หรือ 17 ปีมาแล้ว ตนเห็นว่า ผู้ผลิตคือคณะโฆษกวัดพระธรรมกาย เพราะเอาภาพมาแสดงทำให้ประชาชนหลงผิด และเป็นการกระทำผิดกฎหมายนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบ หากพบว่าเข้าข่ายกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการรกะทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะทีมโฆษกวัดต่อไป
วันเดียวกันนี้ พระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และแกนนำ กปปส. ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" ว่า ท่านไม่กลัวว่าหมู่สงฆ์จะแตกแยกหรือ มีใจความสำคัญ คือ ยืนยันว่าจะขอต่อสู้กับธรรมกาย เพราะกังวลว่าแนวคิดดังกล่าวจะแพร่ขยายแนวคิดกินรวบประเทศไทย รวมถึงความอ่อนแอของศาสนจักรเองที่ทำให้ปัญหาบานปลาย จึงขอต่อสู้เพื่อรักษาพระธรรมวินัยไว้ในประเทศไทย ทั้งนี้ วันนี้ เรามีรัฐบาลที่มุ่งมั่น พยายามจะดำรงรักษาระบบนิติรัฐนิติธรรม แต่ฝ่ายศาสนจักรกลับละเลย เพิกเฉย ไม่สนใจว่าพระธรรมวินัยจะถูกย่ำยีอย่างไร ไม่สนใจว่ากฎหมายระเบียบวินัยของสังคมว่าอย่างไร แต่พยายามรักษาพวกพ้องเอาไว้แม้มันจะเน่าในอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ นี่ต่างหากคือต้นตอของปัญหา
“ผมไม่ได้บวชเข้ามาเพื่อรักษาภาพพจน์ แต่บวชเข้ามาเพื่อปฏิบัติและรักษาพระธรรมวินัย หากภาพพจน์ผมดี แต่แผ่นดินล่มสลาย พระธรรมวินัยเสียหาย ผมสู้ตายดีกว่า” พระพุทธอิสระ ระบุ