xs
xsm
sm
md
lg

“วาสนา-ปริญญา” สมควรโดน

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

แม้ต้องติดคุกตอนแก่ แต่แทบไม่มีใครแสดงความเห็นอกเห็นใจ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ อดีตประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)สักเท่าไหร่ เพราะความผิดที่ก่อไว้ร้ายแรงเกินกว่าจะให้อภัย

พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา เป็นอดีต กกต.ชุดที่มีฉายา 3 หนา 5 ห่วง โดยกกต.ทั้งหมด 5 คน มีอยู่ 3 คนที่ถูกจับจ้องว่า เอื้อประโยชน์กับพรรคไทยรักไทย

อดีต กกต.ที่มีพฤติกรรมช่วยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ประกอบด้วย พล.ต.อ.วาสนา นายปริญญา และนายวีระชัย แนวบุญเนียร โดยทั้ง 3 คนถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เร่งสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีพรรคไทยรักไทยจ้างพรรคแผ่นดินไทย และพรรคพัฒนาชาติไทยลงสมัครเลือกตั้งปี 2549

นายวีระชัยเสียชีวิตไปแล้ว จึงไม่ต้องรับโทษ แต่พล.ต.อ.วาสนา แม้จะมีอายุ 67 ปีและนายปริญญาซึ่งมีอายุ 68 ปีต้องเดินเข้าคุก หลังศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ โดยให้จำคุกคนละ 2 ปี และไม่รอลงอาญา

ข้ออ้างเรื่องการรับราชการทำคุณงามความดีให้ประเทศชาติ การเป็นผู้สูงวัยและสุขภาพไม่ดีเพื่อขอลดโทษนั้น ศาลวินิจฉัยว่า การได้รับเลือกเป็น กกต.ย่อมรู้ดีว่าต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ต้องซื่อสัตย์สุจริต แต่จำเลยกลับทำตรงข้าม แสดงว่าจำเลยยอมละทิ้งคุณงามความดี ข้ออ้างจึงไม่เพียงพอให้รอการลงโทษ

การจ้างพรรคเล็กเป็นข่าวฉาวโฉ่และถูกร้องเรียน จนนำไปสู่การสอบสวน ซึ่งผลสอบสวนของคณะอนุกรรมการ กกต.พบพลักฐานว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเป็นกรรมการพรรคไทยรักไทยทั้งคู่ จ่ายค่าตอบแทนพรรคเล็ก

พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ ตามหลักการแล้วควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่กลับหลุดรอดไปอย่างเหลือเชื่อ

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไม่สั่งให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นโมฆะ ถ้าไม่สั่งยุบพรรคไทยรักไทย และปล่อยให้รัฐบาลนายทักษิณลอยนวล วันนี้ประเทศไทยอาจล่มสลายไปแล้วก็ได้ ระบบการปกครองคงเปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตยภายใต้กำมือของตระกูลชินวัตร

และอาจเกิดกลียุคเลือดนองแผ่นดิน เพราะประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน “ระบอบทักษิณ”

ความผิดของพล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญาจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะลืมกันได้ แต่เป็นความผิดมหันต์เกินกว่าจะละเว้นโทษได้

เพราะรู้ทั้งรู้ว่า พรรคไทยรักไทยเล่นสกปรก โกงการเลือกตั้ง

รู้ทั้งรู้ว่า นายทักษิณหว่านเงินซื้ออำนาจ และเป็นนักการเมืองตัวอันตราย ซึ่งอาจนำวิบัติมาสู่แผ่นดิน แต่ยังช่วยเหลือให้มีโอกาสกลับมากุมอำนาจอีกครั้ง

ถ้าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงส่วนใหญ่ยอมทิ้งศักดิ์ศรี ยอมขายคุณงามความดีเหมือนกรรมการองค์กรอิสระบางแห่ง และถ้าไม่เกิดการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ประเทศไทยอาจกลายเป็นซากไปแล้ว

พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญาอาจได้เสวยสุขในฐานะลูกสมุน “ทักษิณ” โดยไม่ต้องชดใช้ความผิดที่ก่อไว้ แต่เวรกรรมน่าจะมีจริง

เพราะคนที่เคยรับใช้ “ทักษิณ” อย่างผิดๆ กำลังถูกอดีตไล่ล่า และทยอยชดใช้กรรมกันเป็นแถว ไม่ว่ามวลชนคนเสื้อแดงที่ถูกยุยงให้เผาบ้านเผาเมือง หัวโจกคนเสื้อแดงที่ทำตัวเป็นอันธพาล ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่สร้างข้อมูลเท็จโจมตีฝ่ายตรงข้าม และแม้แต่พวกที่จาบจ้างสถาบันฯ

พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญาไม่แตกต่างจากลูกสมุน “ทักษิณ” คนอื่นๆ โดยไม่คาดคิดว่า พรรคไทยรักไทยจะหมดอำนาจ ไม่เชื่อว่า “ทักษิณ” จะไม่มีแผ่นดินอยู่

แต่เชื่อว่า ถ้ายืนอยู่ข้าง “ทักษิณ” จะอยู่เหนือกฎหมาย ไม่มีใครเอาผิดได้ โดย “ธัมมชโย” และสาวกธรรมกายอาจคิดด้วยเหมือนกัน

แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า สาวก “ทักษิณ” ทั้งหมดหลงผิด คิดไปเองว่า “ทักษิณ” ใหญ่จนคุ้มหัวใครก็ได้

สาวกและคนที่ขายศักดิ์ศรีเพื่อรับใช้ “ทักษิณ” นับร้อยๆ คนต้องทยอยเดินเข้ารับโทษในคุก คดีของ “ทักษิณ” และคดีคนเสื้อแดงแทบจะปิดหมดแล้ว เหลือแต่บรรดาหัวโจกเสื้อแดงอีกไม่กี่สิบคนเท่านั้นที่รอคิวพิพากษาอยู่

นายขวัญชัย ไพรพนา หัวโจกเสื้อแดง จังหวัดอุดรธานี ซึ่งพาคนบุกทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างป่าเถื่อนคงไม่พ้นคุก แต่อาจเผ่นหนีตามนายใหญ่ “ทักษิณ” ออกนอกประเทศไปแล้ว

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ลุ้นระทึกรอคำตัดสินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ส่วนหัวโจกเสื้อแดงกว่า 20 คนก็รอชะตากรรมในคดีปลุกระดมให้เผาบ้านเผาเมืองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553

จุดจบของลูกสมุนหรือคนที่ก้มหัวรับใช้ “ทักษิณ” ไม่มีใครดีสักราย วาระสุดท้ายต้องชดใช้กรรมในคุกแทบทั้งสิ้น

พล.ต.อ.วาสนา และนายปริญญา ย่อมรู้ว่า ในอดีตเคยทำผิดอะไรไว้ จึงควรก้มหน้ายอมรับชะตากรรม เพราะโทษตัดสินจำคุก 2 ปีนั้น เป็นสิ่งสมควรแล้วที่จะ “โดน” และอาจ “โดน” น้อยไปเสียด้วยซ้ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น