คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ออกเอกสารข่าว ระบุว่าในการประชุมคณะทำงานงานเพื่อพิจารณารายงานการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศ (ยูพีอาร์) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ณ. นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ที่ผ่านมา หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้รับข้อเสนอแนะของประเทศสมาชิก เกี่ยวกับการยกเลิกโทษประหารชีวิตกลับมาพิจารณา ตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2557 –2561) ของรัฐบาล ซึ่ง กสม.เห็นว่า โทษประหารชีวิตเป็นการลงโทษผู้กระทำผิดที่มีกำหนดโทษสูงสุดของสังคมมาตั้งแต่อดีต จนกระทั่งปัจจุบัน ในอดีตเป็นการลงโทษด้วยวิธีการที่โหดร้าย ทารุณ เพื่อแก้แค้นทดแทนต่อผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ รวมทั้งเพื่อเป็นการข่มขู่ ยับยั้ง และการตัดโอกาสในการกระทำความผิด เพื่อเป็นการตอบสนองต่อรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความเป็นธรรมในสังคม แต่ในปัจจุบันวัตถุประสงค์ของการลงโทษได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการลงโทษเพื่อแก้ไขฟื้นฟูผู้กระความทำผิดเป็นสำคัญ แต่ทั้งนี้ ทุกครั้งที่มีคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้น สังคมไทยมักจะถกเถียงกันว่า ควรจะมีโทษประหารชีวิตหรือไม่ ซึ่งการยกเลิกโทษประหารชีวิต จะเป็นไปได้หรือไม่ กระแสสังคมมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจ หากสังคมเห็นว่าความผิดเกิดจากการกระทำ ควรหยุดที่การกระทำนั้น ไม่ใช่หยุดชีวิตของผู้กระทำความผิด การยกเลิกโทษประหารชีวิต ก็คงทำได้ไม่ยาก แต่หากความกังวลในความปลอดภัยของชีวิตมีความสำคัญมากกว่า การยกเลิกโทษประหารชีวิต ก็คงจะเกิดขึ้นได้ยาก ทั้งการยกเลิกโทษประหารชีวิตต้องใช้เวลาในการปรับทัศนคติของผู้คนในสังคม และเตรียมความพร้อมทั้งทางกฎหมาย การบริหารกระบวนการยุติธรรม และระบบราชทัณฑ์ รวมทั้งระบบที่จะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้คนในสังคม