xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หยุด! สังหารโหดต้นไม้ใหญ่ “ชายหมู” มัวทำอะไรอยู่?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ต้นไม้ที่ถูกตัดผิดเหี้ยนเตียนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยสายสืบตรวจต้นไม้ (ภาพจากเพจ ซอยไหนๆ ก็มีจักรยาน)
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยังคงเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำแล้ว สำ หรับ สถานการณ์ต้นไม้ใหญ่ในเมืองถูกตัดเหี้ยนเตียนไม่เหลือแม้แต่ใบ ด้านผู้แบกรับความรับผิดชอบ 'ชายหมู' - ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะออกมารับปากรับคำว่าจะจัดการให้ถูกต้อง แต่ภาพที่ชาวบ้านเห็นคือ เจ้าหน้าที่ กทม. ยังคงสังหารโหดต้นไม้อย่างขมีขมันในหลายเขต

ขณะที่ภาคสังคมรวมพลังสนับสนุนการพลิกฟื้นป่าธรรมชาติ ยกตัวอย่าง ป่าต้นน้ำ จ.น่าน ที่บรรดาคนดังเข้าร่วมหนุนเงินพร้อมลงแรงจนกลายเป็น ไวรัลคนเมืองปลูกป่า ให้ผู้คนค่อนประเทศตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ เพราะหลายทศวรรษที่ผ่านมา มนุษย์บางกลุ่มย่ำยีธรรมชาติอย่างไร้ความปรานี และธรรมชาติกำลังมอบบทเรียนครั้งใหญ่ เห็นชัด จากกรณีแผ่วถางป่าทำไร่ข้าวโพดในภาคเหนือ เมื่อเกิดพายุฝนขึ้นภูเขาหัวโล้นไร้ป่าไม้เป็นต้นกำเนิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนภูเขาถล่มสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนชาวบ้าน อย่างหนัก

ทว่า ต้นไม้ในเมืองกลับถูกคุกคามอย่างน่าสังเวช บ้างเหลือแต่ตอ บ้างพิกลพิการผิดรูปผิดร่าง จนเกิดคำถามขึ้นมาว่า ชายหมูมัวทำอะไรอยู่? ซึ่งงานนี้ดูเหมือนปัญหาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะทบต้นทบดอกเพราะ “เรื่องว้าวุ่นกรุงเทพมหานคร” ประเดประดังไม่หยุด น้ำท่วมก็โดนตำหนิ รถติดก็โดนอ่วม ครั้นสร้างไฟประดับลานคนเมืองก็โดนข้อครหา “ฮั้ว” จวบจนปัญหาการตัดต้นไม้ในเมืองก็โดนประชาชีตราหน้าเสียอีก


สำหรับเหตุผลในการตัดต้นไม้ใหญ่เขตเมือง ที่ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของประชาชน เพราะกิ่งก้านสาขาเจ้ากรรมขึ้นรกระเกะระกะสายไฟฟ้า หรือแม้กระทั่ง เตรียมการตั้งรับพายุลูกใหญ่ที่วันดีคืนดีอาจพัดถล่มเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างข้างๆ คูๆ เพราะโดยข้อเท็จจริงการตัดแต่งกิ่งต้นไม้ใหญ่มีศาสตร์ที่ถูกต้องรองรับ

ยกตัวอย่าง Big Trees กลุ่มอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในเมือง ขับเคลื่อนสร้างองค์ความรู้ผลิต รุกขกร หรือ นักศัลยกรรมดูแลต้นไม้ เข้ามาจัดการดูแลต้นไม้ใหญ่ในเมือง มีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการแก่ เจ้าหน้าที่ กทม. แต่หลายเขตยังตะบี้ตะบันตัดต้นไม้ในลักษณะเหี้ยนเตียนเหมือนเดิม สะท้อนถึงฝ่ายบริหารขาดการใส่ใจในการบำรุงรักษาต้นไม้ในเมือง

ความคืบหน้าล่าสุด มีการร่วมตัวของกลุ่มอนุรักษ์หลายกลุ่มภายใต้ชื่อ “เครือข่ายต้นไม้ในเมือง Thailand Urban Tree Network” พร้อมเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมเป็น “สายตรวจต้นไม้” แชร์เบาะแสการสังหารโหดต้นไม้ใหญ่ในสถานที่ต่างๆ เพื่อยับยั้งการตัดกิ่งต้นไม้ใหญ่แบบผิดวิธี


อย่างไรก็ตาม หลังโดนร้องเรียนเกี่ยวกับการตัดแต่งต้นไม้ริมถนน และพื้นที่สาธารณะว่าไม่เหมาะสมไม่สวยงามเข้ามาจำนวนมาก ล่าสุด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชายหมูมีคำสั่งให้สำนักสิ่งแวดล้อม พิจารณาระเบียบกำหนดให้มีรุกขกร พร้อมทั้งให้ประชาชนเป็นอาสาสมัครดูแลต้นไม้ ซึ่งจะได้รับการอบรมจากผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตัดแต่งต้นไม้อย่างถูกวิธี ร่วมสอดส่องการทำงานของเจ้าหน้าที่สำนักงานเขต พร้อมจะขอถ่ายโอนความรับผิดชอบจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อดูแลต้นไม้ใน กทม. ทั้งหมด

สำหรับสถานการณ์ต้นไม้ใหญ่ในเมืองถูกคุกคามอย่างต่อเนื่องนั้น ปัญหาที่แท้จริงนั้นเป็นผลมาจากความล้มเหลวของฝ่ายบริหารเต็มๆ สั่งสมมาหลายยุคหลายสมัยเปลี่ยนหน้า ผู้ว่าฯ กทม. ไปไม่รู้กี่คน แต่การจัดการเรื่องภูมิทัศน์ในเขตเมืองยังสะเปะสะปะเช่นเดิม

“ครูต้อ” - ธราดล ทันด่วน หมอต้นไม้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ในเขตเมือง ผู้ริเริ่มดำเนินการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่มากกว่า 20 ปี ให้ข้อเท็จจริงว่า เรื่องการจัดการต้นไม้ใหญ่ในเมืองประเด็นสำคัญคือ ผู้บริหารระดับสูงต้องเข้าใจก่อนว่ามันเป็นหน้าเป็นตาของเมือง ซึ่งเมื่อมองเห็นความสำคัญก็จะพยายามผลักดันให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง และนำมาซึ่งผลดีของทั้งระบบ

“สถานการณ์ที่เราเผชิญยู่ตอนนี้ เป็นการให้น้ำหนักแต่การปลูก ปลูกเชิงปริมาณที่ไร้ ระบบระเบียบ ละเลยในเรื่องการดูแลรักษาต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ เมื่อผู้บริหารมองไม่เห็นความสำคัญ คนระดับปฏิบัติระดับล่างเขาก็ไม่คิดว่างานที่ทำเป็นเรื่องสำคัญ ก็เลยตัดโดยไม่ใส่ใจละเลยเรื่องต้นไม้มากๆ ถามว่าระดับบริหารเมืองเราควรจะใส่ใจเรื่องต้นไม้ในเมืองไหม? ในวันนี้กระแสสังคมโลก มันพัฒนาไปถึงระดับป่าในเมืองแล้ว มันข้ามไปถึงสวนป่าในเขตเมืองกันแล้ว เมืองที่ต้นไม้ร่มรื่น ป่าในเมืองที่ร่มรื่นมันส่งผลทางบวกต่อธุรกิจมากมายในเมือง มีงานวิจัยว่าเมืองที่ร่มรื่นจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนหัวนักท่องเที่ยว นั่นก็เป็นความสำคัญอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญก็คือว่า ต้นไม้ใหญ่สภาพแวดล้อมที่ร่มรื่น มันทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น”


“ปัจจุบัน พื้นที่ กทม. แทบไม่มีต้นไม้อายุมากหลงเหลือ เพราะเราตัดแต่งผิดวิธีมาโดยตลอด ส่งผลให้ต้นไม้ต้องโค่นล้มและเป็นปัญหาในอนาคต ยกตัวอย่างไม้โบราณ ต้นมะขาม ถ.ราชดำเนิน จะเห็นว่าลำต้นผุเป็นโพรงซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการตัดแต่งผิดวิธีตั้งแต่ในอดีต จึงทำให้เนื้อไม้ผุและปลวกเข้าไปกิน แต่ถ้าตัดถูกวิธีเนื้อไม้จะสร้างมาปิดรอยแผลนั้นได้เร็วจะไม่มีปัญหาเรื่องปลวกเลย “ครูต้อฉายภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลต้นไม้ก็คือ การสร้างคน ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะต้องสร้างคนที่มีความชำนาญ รวมทั้งต้องสร้างแรงจูงใจ และสร้างความภาคภูมิใจว่า พวกเขากำลังทำงานที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เพื่อให้คนอยากทำงานที่ยาก ฉะนั้น ถ้าระดับบริหารไม่เห็นความสำคัญ เรื่องเหล่านี้ก็จะถูกซุกไว้ข้างหลังแล้วคนที่ทำงานด้านนี้ก็จะไม่ใส่ใจกับมัน

แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือ การบริหารจัดการและการดูแลต้นไม้ในเมืองขาดทั้งระบบ ตั้งแต่ การศึกษา บุคลากร ฯลฯ ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบการจัดการต้นไม้ในเมืองระหว่างประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์ การบริการเมืองของผู้บริหารสิงคโปร์มีชั้นเชิงกว่าประเทศไทยมากมายนักมาก

“สิงคโปร์ ไม่ได้เขียวทุกตารางเมตร มันมีบางพื้นที่ที่เขาปลูกต้นไม่ได้เขาก็ยอมรับ เขาไม่พยายามจะลงต้นไม้ลงไป แต่ว่าตรงพื้นที่ไหนเขาปลูกต้นไม้ได้ ก็ปลูกจริงจัง เอาใจใส่จริงจัง ต้นไม้เขาสวยสง่า และก็ปลอดภัย เพราะเขาดูแลเป็นประจำ เขาไม่ได้ปลูกสะเปะสะปะเรียกว่า เขาเลือกเป้าชก อย่างของไทยเราไปดูต้นไม้บางจุด พื้นที่สัก 50 ซม. ก็แค่นเอาต้นไม่ไปปลูก พอเอาต้นไม้ไปปลูกสักระยะนึงก็ไปเปลี่ยน เราสักแต่ปลูกไม่ได้กำหนดพื้นที่ ไม่ได้กำหนดภาพรวมของพื้นที่ การกำหนดพวกนี้ต้องวางแผน การปลูกที่ไม่มีระเบียบอย่างบ้านเรา ก็คือปลูกคละชนิดมันทำให้การดูแลรักษายาก
ผู้เข้าร่วมปฏิบัติการสายสืบตรวจต้นไม้ร่วมแชร์ภาพ (ภาพจากเครือข่ายต้นไม้ในเมือง)


“อีกประการหนึ่ง เขาอยากได้เมืองสีเขียวเขาเลือกอุปกรณ์ถูกต้อง หยิบอาวุธถูก เขาให้น้ำหนักกับต้นไม้ใหญ่เป็นตัวนำความร่มรื่นเข้ามาในเมือง ต้นไม้ใหญ่ คือพระราชาแห่งป่า ถ้าเราดูแลพระราชาแห่งป่าดี ป่านั้นจะร่มรื่น สิงคโปร์ เขาดูแลต้นไม้ใหญ่อย่างดีโดยให้น้ำหนักต้นไม้ใหญ่มากกว่าต้นไม้เล็ก กลับมาบ้านเราไม้พุ่มเต็มเกาะกลางถนนวิลิศมาหราตัดเป็นเรือเป็นหงส์ ผมถามคำถามเดียว ต้นไม้ใหญ่ดูแลปีละครั้ง ไม้พุ่มดูแลเดือนละกี่ครั้ง? แน่นอนมันเป็นการสร้างงานให้ตัวเอง แล้วเรารู้สึกไหมว่าเมืองเราร่มรื่น?”

อย่างไรก็ดี แม้ผู้ว่าฯ กทม. มีนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง สร้างสวนสาธารณะ ฯลฯ แต่ในเรื่องการจัดการต้นไม้ในเขตเมืองหลวงดูจะท่าดีทีเหลว จนถูกประชาชนบางเขตที่ไปรับปากไว้ออกมาทักท้วง

“ณ วันนี้ถามว่าคนที่เขาทำงานตัดต้นไม้ข้างถนนเขารู้สึกไหมว่าเขาทำงานสำคัญ? มันต้องเริ่มจากทุกระดับ การอบรมมีการอบรมหลายครั้งแต่ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ แต่เมื่อเทียบกับพื้นที่โดยเฉลี่ยของ กทม. ผมถือว่าไม่ปรากฏในทางที่ดีขึ้นเลย ขณะที่เราพยายามจะปลูกต้นไม้ ปีหนึ่งหลายแสนต้น แต่ปลูกแล้วเราไม่ดูแลรักษาจะมีประโยชน์ใด ขณะสนามหญ้าเรายังต้องตัดทุก 15 วัน ต้นไม้ใหญ่ทำไมเราไม่ดูแลรักษาให้ถูกต้อง”

“ไม่ว่าท่านฯ จะพูดอะไรก็ตาม เราประชาชนเราต้องถามว่าท่านฯ ส่งมอบอะไรให้เรา นโยบายที่ดีที่สวยแต่ถ้าส่งมอบไม่ได้การทำงานมีปัญหาแล้ว ท่านฯ พูดแบบนักการเมืองหรือเปล่า? อย่างเรื่องพื้นที่สีเขียวมันเป็นวาทกรรมที่ทำให้คนพูดดูดีหรือเปล่า? ผมมีคำถามนะ เฉพาะเรื่องความเขียวขจีในกรุงเทพฯ เราปลูกต้นไม้ตามซัปพลายเออร์ตามผู้ขายต้นไม้หรือเปล่า? ปีนี้ผู้ขายเขามีต้นไม้อะไรเราซื้อมาเราก็ปลูกไปตามคนขายหรือเปล่า? เราไม่มีแผนไม่มีแผนแม่บทเรื่องพื้นที่สีเขียวในเมืองเลยหรือเปล่า? เราไม่มีพื้นที่เป้าหมายที่ชัดเจนหรือเปล่า เราไม่มีความตั้งใจที่จะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวหรือเปล่า? มันต้องเริ่มตั้งแต่การวางคอนเซ็ปต์ของเมือง บ้านเราไปเน้นผิดประเด็น บ้านเรามีแต่โครงการอะไรที่ยิ่งใหญ่อลังการแต่ไม่สร้างหน้าตาที่ดีให้กับเมืองเลย เหมือนคนซื้อกระเป๋าหรูแต่หน้าตากิริยามารยาทไม่ดี”ครูต้อฉายภาพ

นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งคือ ต้นไม้ใหญ่ที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ นั้นสามารถนำไปขายเป็นฟืนได้ตันละ 1,000 บาท จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าการตัดไม้ในเมืองของ เจ้าหน้าที่ กทม. สำนักงานเขตต่างๆ กระทำเพื่อประโยชน์น้อยนิดตรงนี้หรือไม่? รวมทั้งต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ยังสามารถนำไปขายทำเฟอร์นิเจอร์ได้อีกด้วย

“ณ วันนี้อยากเห็นผู้บริหารเมืองที่ชาญฉลาด และก็มีพลังที่จะทำเรื่องนี้จริงๆ จังๆ และผมเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าระดับบริหารยังไม่จริงจัง บริหารไม่เป็นระบบเราไม่มีทางประสบความสำเร็จ เรื่องนี้ต้องเป็นระดับบริหารลงมา เราอยากได้ผู้บริหารเมืองที่ชาญฉลาด และมีความมุ่งมั่นในเรื่องความร่มรื่นของเมือง เราอยากได้ผู้บริหารที่เข้าใจว่าเรื่องภูมิทัศน์เมือง ว่ามันเป็นหน้าเป็นตาของเมือง”ครูต้อ หมอต้นไม้ กล่าวตัดพ้อทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น