“การที่ผู้ใหญ่กลับมาเล่นเกม ผมรู้สึกว่าเขาได้ปลดปล่อยจินตนาการบางอย่าง ผมรู้สึกว่าผู้ใหญ่คนนั้นกำลังใช้ความเป็นเด็กมาเล่นเกมนี้อยู่ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะที่ทุกคนได้ย้อนกลับมาเป็นเด็ก”
“สุเมธ จินาพันธ์” หนึ่งในสามหุ้นส่วนเจ้าของร้านคาเฟ่บอร์ดเกมชื่อดังย่านถนนพระอาทิตย์ “Hook Board Game Cafe” ผู้หลงใหลในการเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจสู่การต่อยอดความชอบเปิดร้านบอร์ดเกม สร้างคอมมูนิตี้ใหม่สำหรับคอเกมทั้งหลาย พร้อมกันแล้วเราจะพาทุกคนเข้าสู่สนามประลองเชาว์ และทำให้นึกย้อนถึงความรู้สึกที่ได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง . .
“จริงๆ บอร์ดเกมในเมืองไทยมีมาสัก 5 ปีได้แล้ว แต่ 5 ปีในที่นี้เป็นของเด็กเนิร์ดล้วนๆ ซึ่งมันเลยจุดพีคของเด็กเนิร์ดไปแล้ว แต่ในสังคมอย่างเราๆ ที่เป็นคนธรรมดาอาจจะเพิ่งนับ 1-2 ด้วยซ้ำ ผมว่าในอนาคตการเผยแพร่สู่คนหมู่มากมันยังไปได้อีกไกล”
ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน เกมชนิดนี้ถูกรู้จักในแวดวงบอร์ดเกมเฉพาะกลุ่มเท่านั้น หากพูดถึงในประเทศไทยแล้วบอร์ดเกมที่เป็นที่รู้จักและคงไม่มีใครพลาดที่จะได้เล่นนั่นคือ 'เกมเศรษฐี' ซึ่งถือว่าเป็นเกมฮิตตลอดกาลที่เล่นกันจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว
“อย่างบ้านเราบอร์ดเกมที่รู้จักกันเฉพาะเกมส์เศรษฐี หรือเกมนักสืบหัวเห็ด ซึ่งสองเกมนี้จริงๆ แล้วก็เอามาจากเมืองนอกทั้งนั้นแหละ ต้องบอกก่อนว่าบอร์ดเกมมันคือกำพืดหรือดีเอ็นเอของคนต่างประเทศด้วยซ้ำ โดยเฉพาะที่อเมริกากับยุโรป เพราะฉะนั้นมันแทบจะเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของเขาเลย”
ฟังดูแล้วทำให้เกิดคำถามขึ้นมาระหว่างบทสนทนา ทว่า การเล่นบอร์ดเกมในไทยยังไม่เป็นที่กว้างขวางนัก ในขณะที่เมืองนอกเกมชนิดนี้ก่อเกิดมามากกว่า 50 ปี จนเรียกได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของเขาเลยทีเดียว แล้วจุดเริ่มต้นในความสนใจบอร์ดเกมของชายคนนี้มีที่มาที่ไหนอย่างไร นั่นคือความสงสัยที่เรากำลังจะได้ฟังคำตอบ
“ต้องบอกก่อนว่าเดิมทีผมก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ เที่ยว เล่นดนตรี เล่นกีฬาปกติ แต่เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว มีเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอาเกมมาให้เล่น เขาก็คะยั้นคะยอจนเราเล่น มันมีทั้งความเจ็บใจในการเล่นว่าทำไมเล่นแพ้เพื่อน เล่นไปเล่นมาเลยกลายเป็นติด จากนั้นก็เริ่มหาเกมอื่นเล่นไปเรื่อย”
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้เขาเข้าสู่วงการบอร์ดเกมและหลงใหลมันอย่างถอนตัวลำบาก ใครจะเชื่อว่าจากความชอบเล่นเกมกันขำๆ ในกลุ่มเพื่อนวันนั้นจะจุดประกายมาเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาเปิดร้านคาเฟ่บอร์ดเกมอย่างไม่น่าเชื่อ
“จุดเริ่มต้นที่มาเปิดร้านนี้เพราะเคยไปนั่งเล่นร้านพวกนี้มาก่อน มันทำให้เรารู้สึกอบอุ่นตรงที่ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเล่นเกมออนไลน์ก็ดี การเล่นเกมมือถือก็ดี มันเหมือนกับทำให้เราไม่เห็นคนรอบข้างในสายตาเรา เพราะมัวแต่มองหน้าจอ
หรือแม้กระทั่งในครอบครัวอยู่ชั้นหนึ่งชั้นสองไม่ตะโกนขึ้นไปเรียกกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าแชตเอา ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องตลก มันกลายเป็นว่าหนึ่งครอบครัวแทนที่เมื่อก่อนไปเที่ยวทะเลกัน ไปทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน กลายเป็นว่าตอนนี้นั่งอยู่หน้าจอ อยู่ร้านอาหารต่างคนต่างถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียลแค่นั้น”
ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมสำหรับยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว เขามองว่าหากจะมีสักกิจกรรมที่ช่วยลดช่องว่างและความห่างเหินระหว่างกันได้ การเล่นบอร์ดเกมถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
“การมาทำร้านแบบนี้ มันค่อนข้างจะเห็นคำว่าเรียลไทม์พอสมควรเพราะเรียลไทม์คือ เวลาที่เราเล่นเกม มันมีความเจ็บใจ มันมีความหน้าเสีย มันมีการหัวเราะ มันทำให้รู้สึกอบอุ่นมากกว่า และมันเป็นการเจอหน้ากัน
เมื่อ 2 ปีก่อน จากที่ผมศึกษาเรื่องอัตราการนัดเจอกันของเพื่อนในกลุ่มมันน้อยลง แต่พอมีสังคมบอร์ดเกมเข้ามา ผมรู้สึกว่ามันเยียวยาความสัมพันธ์ในจุดนี้ได้ มันเลยเป็นความฟิวกูดส่วนตัวส่วนหนึ่งด้วย”
เสน่ห์ของการเล่นบอร์ดเกมไม่ได้ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนานไปกับมันเพียงอย่างเดียว มันยังทำให้ใครหลายคนได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการเล่นเกมโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือมันทำให้เราได้ย้อนกลับไปรู้สึกถึงความเป็นเด็กได้อีกครั้งหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เขากำลังอธิบายกับเรา
“สิ่งที่ผมมองเห็นแน่ๆ เลยคือ เกมทุกเกมไม่ว่าเกมคอมพ์ฯ หรือเกมมือถือ จะสังเกตว่ามันจะมีสูตรโกง มีสูตรลับ แต่บอร์ดเกมไม่มี เพราะฉะนั้นการที่เราเล่นบอร์ดเกมมันทำให้เราเรียนรู้กฏของมัน ถ้าเราไม่เคารพกฎของเกมมันคือเศษขยะแน่นอน
นอกจากความสนุกและการเคารพกฎแล้ว เราได้เรียนรู้ภาษาไปด้วย เพราะบอร์ดเกมทั้งหมดจะเป็นภาษาอังกฤษ ผมมองว่าการเล่นบอร์ดเกมทำให้เรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง และทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นด้วยเพราะได้อยู่ด้วยกัน”
จากข่าวคราวที่เห็นกันมาตลอดระยะเวลา เราจึงอดถามไม่ได้ว่าการเล่นเกมที่ทำให้เกิดความรุนแรง หรือมีส่วนสร้างให้เด็กมีลักษณะนิสัยหยาบคายก้าวร้าว ความจริงแล้วความโหดร้ายที่เกิดขึ้นนั้น การเล่นเกมมีส่วนทำให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือเปล่า ในฐานะคอเกมคนหนึ่งเขาได้อธิบายให้เราฟังจนต้องเห็นด้วยกับคำตอบ
“ผมมองว่าเนื้อหาเกมที่รุนแรงยังไม่ได้สร้างให้คนมีนิสัยรุนแรง เท่ากับเกมที่ยากเกินไป อย่างผมเล่นเกมฟันดาบ เล่นเกมยิงคน เกมมันไม่ได้ยากนะ เล่นออกมาผมก็แฮปปี้ ผมก็ไม่ได้ไปฟันแทงใคร ถ้าสมมตผมไปเล่นเกมๆ หนึ่งที่มันยากมากๆ ผมอาจจะอุทานคำหยาบๆ ออกมา ผมรู้สึกว่าเกมที่มีเนื้อหารุนแรงมันไม่ได้ทำให้คนรุนแรงนะ”
คงไม่มีสิ่งใดสำคัญมากไปกว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งเขาเองมองว่าสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปนั้นคือการอบรมเลี้ยงดูเด็ก พ่อแม่ทุกคนย่อมรู้เสมอว่าลูกตนเองมีลักษณะนิสัยอย่างไร การให้คำแนะนำและชี้แนะตรงนั้นถือว่าสำคัญมาก
“ผมมองว่าจริงๆ การเล่นเกมผู้ปกครองก็ต้องควบคู่ไปกับการเลี้ยงดูเด็ก เพราะถ้าเราไม่จำกัดเกมให้เด็กเล่น หรือไม่ดูว่าลูกมีนิสัยยังไง มัวแต่ไปโทษโรงเรียนอย่างเดียวว่าสอนไม่ดี แต่จริงๆ แล้วโรงเรียนแรกของลูกก็คือพ่อ-แม่ ผมกลับมองว่าเนื้อหาของเกมก็ส่วนหนึ่ง แต่มันก็ส่วนเดียว ต้องขึ้นอยู่กับคนที่เล่นด้วย”
ทิ้งท้ายกันด้วยมุมมองดีๆ ที่เขาเองอยากส่งต่อถึงผู้ปกครองหลายๆ คน ที่มองว่าการเล่นเกมของเด็กเป็นเรื่องไร้สาระ เขาอยากให้ลองเปิดใจยอมรับข้อดีของการเล่นเกมมากกว่าจะมองแต่ข้อเสีย เพราะทุกสิ่งมักมีหลายด้านเสมออยู่ที่ใครจะมองมุมไหนมากกว่านั้นเอง
“ผมยกตัวอย่างพ่อ-แม่ผมแล้วกัน พ่อชอบพูดเสมอว่าพวกเล่นเกมน่ะปัญญาอ่อน แต่ชีวิตผมโตมากับเกมและหนังสือการ์ตูน มันอยู่ที่ว่าเราจะดึงแง่คิดอะไรจากเกมหรือการ์ตูนเรื่องนั้นมาคิดมากกว่า
เรามัวแต่มองว่าตัวร้ายยังไงก็ต้องร้าย แต่จริงๆ แล้วถ้าเราดึงแง่คิดตรงนี้มาคิดนิดหนึ่ง เราก็จะรู้ว่ามันก็แค่เรามองต่างมุมหรือเปล่า ผมมองว่าพ่อแม่น่าจะลองเปิดใจดูนะ ว่าเกมมันสอนอะไรเรามากกว่าที่จะเป็นของไร้สาระหรือฆ่าเวลาไปวันๆ”
เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพบางส่วน : Hook Board Game Cafe
ชมภาพบรรยากาศภายในร้านกันต่อเลย . .