ผู้จัดการรายวัน360 - อาจารย์ม.รังสิต มอบอุปกรณ์โกงข้อสอบให้ตร.ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงนักศึกษา ต้องเลื่อนไป เหตุยังไม่พร้อมให้ข้อมูล ผบ.ตร.สั่งศึกษาข้อกฎหมายเอาผิดกรณีทุจริตสอบเข้าแพทย์ม.รังสิต เล็งนำกรณีม.รังสิตไปศึกษาป้องกันสอบเข้าร.ร.นายร้อยตำรวจ ขณะที่ สช.แจงไร้อำนาจจัดการ "ติวเตอร์เถื่อน" พัวพันแก๊งโกงสอบ หลังไม่พบข้อมูลในระบบ เผยแจ้ง สภ.ปากคลองรังสิตดำเนินการต่อ รับ กม.มีช่องโหว่ให้ดูแล ร.ร.กวดวิชาสอน 7 คนขึ้นไป เล็งแก้กฎหมายขอดูแลกวดวิชาต่ำกว่า 7 คน ตำรวจ แถลง 3 น.ศ. เบี้ยวพบ ตร. ด้านม.รังสิต ฟันธงไม่เลื่อนสอบโกงแพทย์อีก ยึดตามกำหนดการเดิมที่ประกาศแต่แรก วันที่ 31 พ.ค. - 1 มิ.ย. 2559 หวั่นกระทบผู้ปกครอง นักเรียนที่จองตํ่วเครื่องบินแล้ว
ความคืบหน้ากรณีการทุจริตการสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ คณะทันตแพทย์ศาตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ของม.รังสิต เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การประกาศยกเลิกการสอบดังกล่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดวานนี้ (10 พ.ค.) ทางพล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า ร.ต.อ. ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสถาบันอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ได้นำอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้ ทั้งนาฬิกา 3เรือน และแว่นตา 2อัน มามอบให้กับพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้สอบปากคำ โดยตำรวจขอตรวจสอบอุปกรณ์ก่อน
ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงนักศึกษา เบื้องต้นขอเลื่อนออกไป เพราะยังไม่พร้อมให้ข้อมูล และตำรวจจะประสานไปยังนักศึกษาอีกครั้งโดยจะประสานไปยังผู้ปกครองด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องแสวงหาข้อทูลหลักฐานข้อเท็จจริงจากตัวบุคคล เอกสาร หลักฐาน แวดล้อมต่างๆ ส่วนเบอร์โทรที่ส่งข้อมูลคำตอบมาผ่านนาฬิกานั้นก็อยู่ระหว่างตรวจสอบ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อกฎหมายจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกรณีพบการทุจริตสอบเข้าแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการดัดแปลงอุปกรณ์เพื่อทุจริตการสอบ ให้ตรวจสอบว่า สินค้าที่นำเข้ามามีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ พร้อมนำกรณีนี้ไปศึกษา ป้องกันการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วย
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งว่ามีสถาบันกวดวิชาที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบเข้ามหาวิทยาลัยรังสิต 2 แห่ง ตรวจสอบพบมี 1 แห่งเท่านั้น ที่ขอใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น สถาบันกวดวิชาที่ไม่ได้ขอใบอนุญาต จึงเข้าข่ายความผิดมาตรา 120 ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
***สช.ไร้อำนาจฟัน "ติวเตอร์เถื่อน"
นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ม.รังสิต ว่า จากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลสถาบัน/โรงเรียนกวดวิชา ที่จดทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทั่วประเทศ จำนวน 2,626 แห่ง ไม่พบว่ามีข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกวดวิชาที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบของ ม.รังสิต จึงอาจเป็นไปได้ว่าสถาบันกวดวิชาไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทางสช.จึงไม่มีอำนาจ แต่ได้ประสานไปยัง สภ.ปากคลองรังสิตให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
"ถ้าเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่เปิดสอนตั้งแต่ 7 คนขึ้นไปและมีการจดทะเบียนถูกกฎหมาย สช.จะมีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าเป็นการกวดวิชาแค่ 3 คน 5 คนหรือใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการติวนั้น ตรงนี้เราไม่มีอำนาจและการควบคุมดูแลทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจจะต้องมีการหารือเพื่อปรับแก้ไขกฎหมายเปิดช่องให้ สช.มีอำนาจเข้าไปดูแลการกวดวิชาในกลุ่มที่ต่ำกว่า 7 คนได้"
***3นักศึกษาโกงสอบเบี้ยวพบตร.
พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผู้บังคับการจำรวจภูธร จ.ปทุมธานี พร้อมด้วย ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาชญวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงผลการตรวจสอบว่า วันนี้นักศึกษาทั้ง 3 คน ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนและขอเลื่อนการให้ข้อมูลออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่พร้อมและต้องขออนุญาตผู้ปกครอง และจะมีการนัดหมายกันมาอีกครั้ง โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็ว เนื่องจากเป็นประเด็นที่สนใจของสังคม
***ม.รังสิต ประกาศไม่เลื่อนสอบโกงแพทย์อีก
วานนี้ (10 พ.ค.) น.ส.ศศวรรณ รื่นเริง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายแนะแนวและรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีการเลื่อนสอบตรงเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต ว่า ที่ประชุมได้มีมติว่าจะยึดวันสอบการคัดเลือกตามเดิมที่เคยได้ประกาศไว้แล้ว คือ วันที่ 31 พ.ค. และ วันที่ 1 มิ.ย.2559 เนื่องจากมองว่าหากมีการเลื่อนสอบไป อาจทำให้ผู้ปกครอง นักเรียนที่อยู่ต่างจังหวัด และได้จองตั๋วเครื่องบิน หรือวางแผนการเดินทาง จองที่พักต้องได้ผลกระทบ
ความคืบหน้ากรณีการทุจริตการสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ คณะทันตแพทย์ศาตร์ และคณะเภสัชศาสตร์ ของม.รังสิต เมื่อวันที่ 7-8 พ.ค.ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การประกาศยกเลิกการสอบดังกล่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดวานนี้ (10 พ.ค.) ทางพล.ต.ต.ถาวร ขาวสะอาด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า ร.ต.อ. ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสถาบันอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ได้นำอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้ ทั้งนาฬิกา 3เรือน และแว่นตา 2อัน มามอบให้กับพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้สอบปากคำ โดยตำรวจขอตรวจสอบอุปกรณ์ก่อน
ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงนักศึกษา เบื้องต้นขอเลื่อนออกไป เพราะยังไม่พร้อมให้ข้อมูล และตำรวจจะประสานไปยังนักศึกษาอีกครั้งโดยจะประสานไปยังผู้ปกครองด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องแสวงหาข้อทูลหลักฐานข้อเท็จจริงจากตัวบุคคล เอกสาร หลักฐาน แวดล้อมต่างๆ ส่วนเบอร์โทรที่ส่งข้อมูลคำตอบมาผ่านนาฬิกานั้นก็อยู่ระหว่างตรวจสอบ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อกฎหมายจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกรณีพบการทุจริตสอบเข้าแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการดัดแปลงอุปกรณ์เพื่อทุจริตการสอบ ให้ตรวจสอบว่า สินค้าที่นำเข้ามามีการเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ พร้อมนำกรณีนี้ไปศึกษา ป้องกันการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจด้วย
ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งว่ามีสถาบันกวดวิชาที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบเข้ามหาวิทยาลัยรังสิต 2 แห่ง ตรวจสอบพบมี 1 แห่งเท่านั้น ที่ขอใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น สถาบันกวดวิชาที่ไม่ได้ขอใบอนุญาต จึงเข้าข่ายความผิดมาตรา 120 ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
***สช.ไร้อำนาจฟัน "ติวเตอร์เถื่อน"
นายอดินันท์ ปากบารา เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ ม.รังสิต ว่า จากการตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลสถาบัน/โรงเรียนกวดวิชา ที่จดทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ทั่วประเทศ จำนวน 2,626 แห่ง ไม่พบว่ามีข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกวดวิชาที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตสอบของ ม.รังสิต จึงอาจเป็นไปได้ว่าสถาบันกวดวิชาไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทางสช.จึงไม่มีอำนาจ แต่ได้ประสานไปยัง สภ.ปากคลองรังสิตให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างถึงที่สุด
"ถ้าเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่เปิดสอนตั้งแต่ 7 คนขึ้นไปและมีการจดทะเบียนถูกกฎหมาย สช.จะมีอำนาจเต็มที่ แต่ถ้าเป็นการกวดวิชาแค่ 3 คน 5 คนหรือใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการติวนั้น ตรงนี้เราไม่มีอำนาจและการควบคุมดูแลทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจจะต้องมีการหารือเพื่อปรับแก้ไขกฎหมายเปิดช่องให้ สช.มีอำนาจเข้าไปดูแลการกวดวิชาในกลุ่มที่ต่ำกว่า 7 คนได้"
***3นักศึกษาโกงสอบเบี้ยวพบตร.
พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผู้บังคับการจำรวจภูธร จ.ปทุมธานี พร้อมด้วย ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ อาจารย์ประจำสาขาวิชาอาชญวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงผลการตรวจสอบว่า วันนี้นักศึกษาทั้ง 3 คน ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนและขอเลื่อนการให้ข้อมูลออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่พร้อมและต้องขออนุญาตผู้ปกครอง และจะมีการนัดหมายกันมาอีกครั้ง โดยยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงโดยเร็ว เนื่องจากเป็นประเด็นที่สนใจของสังคม
***ม.รังสิต ประกาศไม่เลื่อนสอบโกงแพทย์อีก
วานนี้ (10 พ.ค.) น.ส.ศศวรรณ รื่นเริง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายแนะแนวและรับนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีการเลื่อนสอบตรงเข้าวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต ว่า ที่ประชุมได้มีมติว่าจะยึดวันสอบการคัดเลือกตามเดิมที่เคยได้ประกาศไว้แล้ว คือ วันที่ 31 พ.ค. และ วันที่ 1 มิ.ย.2559 เนื่องจากมองว่าหากมีการเลื่อนสอบไป อาจทำให้ผู้ปกครอง นักเรียนที่อยู่ต่างจังหวัด และได้จองตั๋วเครื่องบิน หรือวางแผนการเดินทาง จองที่พักต้องได้ผลกระทบ