วานนี้ (9พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย ใกล้กับหมู่บ้านขุนช่างเคี่ยน อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ ว่า ได้สั่งการลงไปแล้ว และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมได้แล้ว และตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ รวมทั้งที่เกิดเหตุไฟไหม้พื้นที่ภาคใต้ บริเวณป่าพรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส ก็ได้รับรายงานมาตั้งแต่ต้น และได้สั่งการให้ในพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันและให้ทหารเข้าไปช่วยเหลือด้วย เพราะต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บรรทุกน้ำ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่เราต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
"การแก้ไขปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือการเผาป่าที่มีทุกปี ซึ่งผมได้สั่งให้มีการบูรณาการงานร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหา นอกจากเรื่องของไฟไหม้แล้ว ก็จะมีปัญหาหมอกควันตามมาอีก ดังนั้นการแก้ปัญหาหมอกควัน ต้องแก้ที่ต้น แต่การเผาป่า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี เรื่องนี้เกิดจากประชาชนที่มีรายได้น้อย เข้าไปในป่าและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใช้ความคิดแบบโบราณ เราต้องแก้ทั้งหมด โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นภาระผูกพันยาวนานทั้งเรื่องการสร้างความเข้าใจ ความยากจน เรื่องธรรมชาติต่างๆ มีความซับซ้อน ถือเป็นความยากของรัฐบาล แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า สรุปขณะนี้สามารถดับไฟป่าได้สนิทแล้วหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าไฟในพื้นที่ ยังดับไม่สนิท แต่สามารถสกัดไฟไว้ตามแนวกันไฟได้ ทั้งที่ภูพิงค์ และดอยสุเทพ อย่างไรก็ตาม ไฟป่านั้นดับไม่ได้ง่ายๆ เพราะไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 500 - 600ไร่ ส่วนที่ภาคใต้ ก็มีไฟไหม้ป่ากว่า 1,000 ไร่เหมือนกัน นั้นคือสิ่งที่ถูกจุดจากไม้ขีดก้านเดียว ดังนั้นเราต้องช่วยกันฝากบอกไปถึงทุกคนด้วย และตนได้มีคำสั่งไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีกฎหมายหลายกฎหมาย รวมถึงคำสั่งหลายคำสั่งแล้ว เพียงแต่จะทำกันหรือเปล่า
ในวันเดียวกันนี้ ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมข้อราชการ ร่วมผู้บริหารระดับสูงรองปลัดมหาดไทย อธิบดี และ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านเครือข่ายวิดีโอคอนเฟอเร้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย
นายกฤษฎา กล่าวในที่ประชุมว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากนายกฯ และรมว.มหาดไทย มาว่าฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ทำงานในช่วงวันหยุดได้อย่างดี ไม่มีข้อบกพร่อง แต่ตนอยากบอกว่า ภายหลังเกิดเหตุสาธารณภัย อยากให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอ ต้องมีความชัดเจน ในข้อมูล เพื่อเตรียมพร้อมในการประกาศภัยพิบัติ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า หากพื้นที่ใดเกิดเหตุภัยพิบัติ ขอให้จังหวัดตรวจสอบจากอำเภอ ก่อนที่จะดำเนินการใช้งบประมาณ เพราะงบประมาณที่มีในเรื่องภัยแล้งขณะนี้ จากเดิมในงบวงเงิน 20 ล้านบาท ขณะนี้ขยับเป็น 50 ล้านบาท ส่วนภัยอื่นยังคงงบประมาณ 20 ล้านบาท เช่นเดิม ทั้งนี้ หากจังหวัดใดจำเป็นต้องใช้เงินในการช่วยเหลือประชาชนในกรณีภัยแล้ง ขอให้แจ้งมาที่ กรมปภ. หรือ จังหวัดใดที่ได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งไปแล้ว แต่มีความต้องการเพิ่มเติมขอให้แจ้งมาที่ กรมปภ. เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ได้มีการสอบถามเหตุภัยพิบัติในจังหวัดต่างๆในแนวทางแก้ไข และการช่วยเหลือประชาชน อาทิ จังหวัดนราธิวาส มีความเสียหายจากเหตุไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง ประมาณ 200 ไร่ เนื่องจากไฟได้ลุกลามจากแนวป้องกันไฟที่สร้างไว้ จึงจะมีการทำแนวป้องกันไฟเพิ่มเติม ไม่ให้ไฟลุกลามขยายวงกว้าง ส่วน จ.เพชรบูรณ์ ได้เร่งแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับในจังหวัด จากกรณีพายุฤดูร้อน แต่คาดว่าในเย็นวันนี้ ระบบจะจ่ายไฟได้เรียบร้อย 100 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ได้รายงานในที่ประชุม กรณีไฟไหม้ในบริเวณบ้านช่างเคี่ยน ไม่ใช่ที่ดอยสุเทพ อย่างที่เป็นข่าว จึงได้ประสานงานหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าไปจัดทำแนวกันไฟรอบบริเวณ เพื่อไม่ให้มีการลุกลาม รวมถึงได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมให้ไฟดับสนิทได้ ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยวันนี้คาดว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ ส่วนจ.นครราชสีมา ได้รายงานเรื่องวาตภัย มีความเสียหายที่มากกว่าจุดอื่นที่ อ.สีคิ้ว มีเสาไฟล้ม บ้านพัง ซึ่งมีการช่วยเหลือประชาชนจากหน่วยงานต่างๆในจังหวัด ทั้งการซ่อมบ้าน และแจกสิ่งของ
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง เหตุการณ์ไฟไหม้ป่า ว่าในส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คงไม่ถึงขั้นที่จะออกมาตรการ หรือกำหนดเป็นโซนนิ่งในการป้องกันเรื่องไฟป่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ขอหารือ และพูดคุยกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากอะไร
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไฟป่า ไม่ได้มีเฉพาะที่เชียงใหม่เท่านั้น มีเชียงราย และอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีปัญหาดังกล่าว เพราะฉะนั้นสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไทยเที่ยวไทย หรือชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยบ่อยๆ ส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างช่วงสงกรานต์ ก็ยังมีปัญหาหมอกควันอยู่ อีกทั้งทั่วโลกเองไม่ว่าจะประเทศสหรัฐฯ และแคนนาดา ก็มีปัญหาเกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เช่นเดียวกับกรณีแผ่นดินไหว ซึ่งจากการตรวจสอบการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ทุกอย่างยังเป็นไปอย่างปกติ จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นทั้งสองส่วน ดังนั้น จึงไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว
"ขอฝากคนไทยให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการดูแลนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือชาวต่างชาติให้เปรียบเสมือนญาติ ให้ความรู้ดูแลเรื่องความปลอดภัย เราต้องช่วยกัน จะพึ่งเฉพาะเจ้าหน้าที่อย่างเดียวก็คงไม่พอ" นางกอบกาญจน์ กล่าว
"การแก้ไขปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือการเผาป่าที่มีทุกปี ซึ่งผมได้สั่งให้มีการบูรณาการงานร่วมกัน ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหา นอกจากเรื่องของไฟไหม้แล้ว ก็จะมีปัญหาหมอกควันตามมาอีก ดังนั้นการแก้ปัญหาหมอกควัน ต้องแก้ที่ต้น แต่การเผาป่า ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี เรื่องนี้เกิดจากประชาชนที่มีรายได้น้อย เข้าไปในป่าและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใช้ความคิดแบบโบราณ เราต้องแก้ทั้งหมด โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นภาระผูกพันยาวนานทั้งเรื่องการสร้างความเข้าใจ ความยากจน เรื่องธรรมชาติต่างๆ มีความซับซ้อน ถือเป็นความยากของรัฐบาล แต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า สรุปขณะนี้สามารถดับไฟป่าได้สนิทแล้วหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ได้รับรายงานว่าไฟในพื้นที่ ยังดับไม่สนิท แต่สามารถสกัดไฟไว้ตามแนวกันไฟได้ ทั้งที่ภูพิงค์ และดอยสุเทพ อย่างไรก็ตาม ไฟป่านั้นดับไม่ได้ง่ายๆ เพราะไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 500 - 600ไร่ ส่วนที่ภาคใต้ ก็มีไฟไหม้ป่ากว่า 1,000 ไร่เหมือนกัน นั้นคือสิ่งที่ถูกจุดจากไม้ขีดก้านเดียว ดังนั้นเราต้องช่วยกันฝากบอกไปถึงทุกคนด้วย และตนได้มีคำสั่งไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีกฎหมายหลายกฎหมาย รวมถึงคำสั่งหลายคำสั่งแล้ว เพียงแต่จะทำกันหรือเปล่า
ในวันเดียวกันนี้ ที่กระทรวงมหาดไทย(มท.) นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมข้อราชการ ร่วมผู้บริหารระดับสูงรองปลัดมหาดไทย อธิบดี และ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านเครือข่ายวิดีโอคอนเฟอเร้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย
นายกฤษฎา กล่าวในที่ประชุมว่า ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากนายกฯ และรมว.มหาดไทย มาว่าฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ทำงานในช่วงวันหยุดได้อย่างดี ไม่มีข้อบกพร่อง แต่ตนอยากบอกว่า ภายหลังเกิดเหตุสาธารณภัย อยากให้ผู้ว่าฯ และนายอำเภอ ต้องมีความชัดเจน ในข้อมูล เพื่อเตรียมพร้อมในการประกาศภัยพิบัติ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า หากพื้นที่ใดเกิดเหตุภัยพิบัติ ขอให้จังหวัดตรวจสอบจากอำเภอ ก่อนที่จะดำเนินการใช้งบประมาณ เพราะงบประมาณที่มีในเรื่องภัยแล้งขณะนี้ จากเดิมในงบวงเงิน 20 ล้านบาท ขณะนี้ขยับเป็น 50 ล้านบาท ส่วนภัยอื่นยังคงงบประมาณ 20 ล้านบาท เช่นเดิม ทั้งนี้ หากจังหวัดใดจำเป็นต้องใช้เงินในการช่วยเหลือประชาชนในกรณีภัยแล้ง ขอให้แจ้งมาที่ กรมปภ. หรือ จังหวัดใดที่ได้ประกาศพื้นที่ภัยแล้งไปแล้ว แต่มีความต้องการเพิ่มเติมขอให้แจ้งมาที่ กรมปภ. เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุม ได้มีการสอบถามเหตุภัยพิบัติในจังหวัดต่างๆในแนวทางแก้ไข และการช่วยเหลือประชาชน อาทิ จังหวัดนราธิวาส มีความเสียหายจากเหตุไฟไหม้ป่าพรุโต๊ะแดง ประมาณ 200 ไร่ เนื่องจากไฟได้ลุกลามจากแนวป้องกันไฟที่สร้างไว้ จึงจะมีการทำแนวป้องกันไฟเพิ่มเติม ไม่ให้ไฟลุกลามขยายวงกว้าง ส่วน จ.เพชรบูรณ์ ได้เร่งแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับในจังหวัด จากกรณีพายุฤดูร้อน แต่คาดว่าในเย็นวันนี้ ระบบจะจ่ายไฟได้เรียบร้อย 100 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าฯเชียงใหม่ ได้รายงานในที่ประชุม กรณีไฟไหม้ในบริเวณบ้านช่างเคี่ยน ไม่ใช่ที่ดอยสุเทพ อย่างที่เป็นข่าว จึงได้ประสานงานหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าไปจัดทำแนวกันไฟรอบบริเวณ เพื่อไม่ให้มีการลุกลาม รวมถึงได้ชี้แจงกับสื่อมวลชนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมให้ไฟดับสนิทได้ ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยวันนี้คาดว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ ส่วนจ.นครราชสีมา ได้รายงานเรื่องวาตภัย มีความเสียหายที่มากกว่าจุดอื่นที่ อ.สีคิ้ว มีเสาไฟล้ม บ้านพัง ซึ่งมีการช่วยเหลือประชาชนจากหน่วยงานต่างๆในจังหวัด ทั้งการซ่อมบ้าน และแจกสิ่งของ
ด้าน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึง เหตุการณ์ไฟไหม้ป่า ว่าในส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คงไม่ถึงขั้นที่จะออกมาตรการ หรือกำหนดเป็นโซนนิ่งในการป้องกันเรื่องไฟป่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว แต่ขอหารือ และพูดคุยกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากอะไร
อย่างไรก็ตาม ปัญหาไฟป่า ไม่ได้มีเฉพาะที่เชียงใหม่เท่านั้น มีเชียงราย และอีกหลายพื้นที่ รวมทั้งในประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีปัญหาดังกล่าว เพราะฉะนั้นสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของไทยเที่ยวไทย หรือชาวต่างชาติ ที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยบ่อยๆ ส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างช่วงสงกรานต์ ก็ยังมีปัญหาหมอกควันอยู่ อีกทั้งทั่วโลกเองไม่ว่าจะประเทศสหรัฐฯ และแคนนาดา ก็มีปัญหาเกิดขึ้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก เช่นเดียวกับกรณีแผ่นดินไหว ซึ่งจากการตรวจสอบการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ทุกอย่างยังเป็นไปอย่างปกติ จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นทั้งสองส่วน ดังนั้น จึงไม่กระทบต่อการท่องเที่ยว
"ขอฝากคนไทยให้เป็นเจ้าบ้านที่ดี ในการดูแลนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือชาวต่างชาติให้เปรียบเสมือนญาติ ให้ความรู้ดูแลเรื่องความปลอดภัย เราต้องช่วยกัน จะพึ่งเฉพาะเจ้าหน้าที่อย่างเดียวก็คงไม่พอ" นางกอบกาญจน์ กล่าว