วานนี้ (3พ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้นายกฯ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง หลังจากคสช.ควบคุมตัว 8 แอตมิน ว่า "ก็โพสต์ไป ผมไม่ได้ไปอะไรกับท่าน ให้เกียรติท่าน ผมเป็นคนที่ไม่รังแกผู้หญิง แต่เรื่องของคดีความ ก็ให้กระบวนการยุติธรรมไปว่ามา สิ่งที่พูดอย่าเอาไปปนกันทั้งหมด การที่เราจะฟ้องอะไรสักอย่าง ถ้าถูกต้อง เช่น ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ มีการทุจริต การฟ้องก็ไม่ผิด เพราะที่ผ่านมามีการปล่อยปละละเลย จึงต้องใช้อำนาจตรงนี้ แต่ก็ใช่ว่าจะเอากันจนตาย เมื่อเข้ากระบวนการยุติธรรม ก็ถือว่าจบสิ้น"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของตนคือ เอาคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ สอบสวน ไม่ได้เหมือนบางคนที่รู้กฎหมายแล้วกลับพูดไม่ให้เกิดความเข้าใจ หาว่าใช้ ม.44 เพื่อละเมิด และนำกฎหมายต่างๆ มาพันกัน ดังนั้นคดีเกี่ยวกับแอตมิน 8 คนนี้ ก็ให้สู้กันในกระบวนการยุติธรรม หากคิดว่าไม่ผิด
"จริงๆแล้วมันไม่ใช้การล้อเลียนอะไรผมหรอก แต่เขาสอบสวนทั้งกระบวนการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันฯ ก็มี หรือเธอจะปล่อย บอกว่าเขาไม่เกี่ยว ก็มันโยงใยกันอยู่ เขาได้สอบสวนมา มีมาตรการกฎหมายดำเนินการ ไม่ได้บังคับให้รับ จะบ้าหรือยังไง จะไปซ้อมให้รับ ผมไม่เคยสั่งการอยู่แล้ว เพราะถ้าซ้อม จะจับคนซ้อมมาด้วย ไม่มีหรอกครับ ร้อนตัวเกินไปหรือเปล่า แต่บิดเบือนทั่วไปแบบนี้ คงไม่ได้ ซึ่งบางคนละเมิดแล้วละเมิดอีก ถ้าปล่อยจับ ปล่อยจับ กระบวนการยุติธรรมของผมจะเสีย ไปเตือนเขาสิ เรียนหนังสือกันหรือเปล่า หรือจะมีอาชีพแบบนี้ ก็ว่ากันไป ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาไม่กลัวเสียชื่อเสียง ก็ให้คนเหล่านี้อยู่ไป ผมไม่ว่าอะไร คนดีๆ ก็เยอะแยะ เพราะผมคิดว่านักศึกษา อาจารย์ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นชอบอยู่แล้ว ก็มีแต่กลุ่มเดิมๆ เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว จนบ้านเมืองบานปลาย แล้วทำไมช่วงนั้นถึงไมทำ ไม่ต่อต้านรัฐบาลโน้นนี้บ้าง อยู่ไหนกันหมด ผมยอมรับ ถ้าอะไรที่ถูกต้อง แต่ถ้าผิดต้องเข้ากระบวนการ แต่ปัญหาวันนี้ ใครทำผิด ฝ่ายไหนทำผิด จะว่าผมไปรังแกข้างใดข้างหนึ่ง ก็ข้างหนึ่งทำผิดตลอด อีกข้างหนึ่งเขาทำหรือยัง ดังนั้นอย่ามาพูดคำว่า ไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เพราะกฎหมายมีมาตรฐานเดียว แต่ถ้าเขาไม่ทำ จะไปจับได้อย่างไร" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า “เปิดดูบ้างหรือไม่ ว่าเฟซบุ๊กนั้นเขาเขียนอะไร และควรจะเขียนหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับการทำประชามติ แต่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มาตรา 112 ถ้าไม่มี เขาไม่จับหรอก จับแล้วสำนึกหรือไม่ คุณต้องการให้คนพวกนี้ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาต่อไปหรือ วันหน้าหากเขาออกไปไหนไม่ได้ โดนตีหัว จะทำอย่างไร แต่ 8 คนนี้ ออกมาเดินมากๆ เถอะ แต่อย่ามาเรียกร้องให้ทหาร ตำรวจ ช่วยก็แล้วกัน ไม่คุ้มใครหรอก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ 8 ผู้ต้องหา ที่โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ คสช. ตามหมายจับศาลทหารคดี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนจากกองปราบ จะเดินทางไปที่เรือนจำกลางพิเศษพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มเติม แก่ นายหฤษฏ์ มหาทน และ น.ส.ณัฏฐิกา วรธัย 2 ผู้ต้องหาคดี ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยในวันเดียวกันนี้ ทีมทนายความได้เดินทางมายื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 150,000 บาท ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลทหารฯ พิเคราะห์แล้วกรณียังไม่มีข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวนเพิ่มเติม ที่จะทำให้มีเหตุเปลี่ยนแปลงดุลยพินิจเดิม จึงไม่อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวน สอบสวน ในคดีนี้ โดยปรากฏข้อมูลในเอกสารคำร้องฝากขังระบุว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้เงินสนับสนุน ว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน ไปก้าวล่วงได้อย่างไร แต่ก็มีพยานหลักฐานการให้เงิน แต่ยังไม่ทราบว่า ให้เพื่อไปทำอะไร กำลังพิจารณาจะเชิญ นายพานทองแท้ มาสอบปากคำ หากพิจารณาแล้วเห็นสมควรสอบปากคำ ก็จะออกหมายเรียกนายพานทองแท้ มาพบพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ต้องตรวจสอบกับทางกองทัพ ในฐานะผู้เสียหายก่อนว่าหลักฐานที่ไปถึงนายพานทองแท้ มีมูลหรือไม่ หากกองทัพยืนยันว่ามีมูล ต้องเรียกสอบ ก็จะออกหมายเรียกมาสอบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และคดีนี้มีผู้ทำผิดมากกว่า 8 คน แน่นอน กำลังสืบสวนสอบสวนขยายผลอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หน้าที่ของตนคือ เอาคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ สอบสวน ไม่ได้เหมือนบางคนที่รู้กฎหมายแล้วกลับพูดไม่ให้เกิดความเข้าใจ หาว่าใช้ ม.44 เพื่อละเมิด และนำกฎหมายต่างๆ มาพันกัน ดังนั้นคดีเกี่ยวกับแอตมิน 8 คนนี้ ก็ให้สู้กันในกระบวนการยุติธรรม หากคิดว่าไม่ผิด
"จริงๆแล้วมันไม่ใช้การล้อเลียนอะไรผมหรอก แต่เขาสอบสวนทั้งกระบวนการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันฯ ก็มี หรือเธอจะปล่อย บอกว่าเขาไม่เกี่ยว ก็มันโยงใยกันอยู่ เขาได้สอบสวนมา มีมาตรการกฎหมายดำเนินการ ไม่ได้บังคับให้รับ จะบ้าหรือยังไง จะไปซ้อมให้รับ ผมไม่เคยสั่งการอยู่แล้ว เพราะถ้าซ้อม จะจับคนซ้อมมาด้วย ไม่มีหรอกครับ ร้อนตัวเกินไปหรือเปล่า แต่บิดเบือนทั่วไปแบบนี้ คงไม่ได้ ซึ่งบางคนละเมิดแล้วละเมิดอีก ถ้าปล่อยจับ ปล่อยจับ กระบวนการยุติธรรมของผมจะเสีย ไปเตือนเขาสิ เรียนหนังสือกันหรือเปล่า หรือจะมีอาชีพแบบนี้ ก็ว่ากันไป ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาไม่กลัวเสียชื่อเสียง ก็ให้คนเหล่านี้อยู่ไป ผมไม่ว่าอะไร คนดีๆ ก็เยอะแยะ เพราะผมคิดว่านักศึกษา อาจารย์ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นชอบอยู่แล้ว ก็มีแต่กลุ่มเดิมๆ เคลื่อนไหวมาตั้งแต่ครั้งที่แล้ว จนบ้านเมืองบานปลาย แล้วทำไมช่วงนั้นถึงไมทำ ไม่ต่อต้านรัฐบาลโน้นนี้บ้าง อยู่ไหนกันหมด ผมยอมรับ ถ้าอะไรที่ถูกต้อง แต่ถ้าผิดต้องเข้ากระบวนการ แต่ปัญหาวันนี้ ใครทำผิด ฝ่ายไหนทำผิด จะว่าผมไปรังแกข้างใดข้างหนึ่ง ก็ข้างหนึ่งทำผิดตลอด อีกข้างหนึ่งเขาทำหรือยัง ดังนั้นอย่ามาพูดคำว่า ไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เพราะกฎหมายมีมาตรฐานเดียว แต่ถ้าเขาไม่ทำ จะไปจับได้อย่างไร" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า “เปิดดูบ้างหรือไม่ ว่าเฟซบุ๊กนั้นเขาเขียนอะไร และควรจะเขียนหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับการทำประชามติ แต่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 มาตรา 112 ถ้าไม่มี เขาไม่จับหรอก จับแล้วสำนึกหรือไม่ คุณต้องการให้คนพวกนี้ทำให้บ้านเมืองมีปัญหาต่อไปหรือ วันหน้าหากเขาออกไปไหนไม่ได้ โดนตีหัว จะทำอย่างไร แต่ 8 คนนี้ ออกมาเดินมากๆ เถอะ แต่อย่ามาเรียกร้องให้ทหาร ตำรวจ ช่วยก็แล้วกัน ไม่คุ้มใครหรอก" นายกรัฐมนตรี กล่าว
วันเดียวกันนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ 8 ผู้ต้องหา ที่โพสต์ข้อความวิพากษ์วิจารณ์ คสช. ตามหมายจับศาลทหารคดี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนจากกองปราบ จะเดินทางไปที่เรือนจำกลางพิเศษพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพิ่มเติม แก่ นายหฤษฏ์ มหาทน และ น.ส.ณัฏฐิกา วรธัย 2 ผู้ต้องหาคดี ม.116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โดยในวันเดียวกันนี้ ทีมทนายความได้เดินทางมายื่นขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 150,000 บาท ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลทหารฯ พิเคราะห์แล้วกรณียังไม่มีข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวนเพิ่มเติม ที่จะทำให้มีเหตุเปลี่ยนแปลงดุลยพินิจเดิม จึงไม่อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวน สอบสวน ในคดีนี้ โดยปรากฏข้อมูลในเอกสารคำร้องฝากขังระบุว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ให้เงินสนับสนุน ว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน ไปก้าวล่วงได้อย่างไร แต่ก็มีพยานหลักฐานการให้เงิน แต่ยังไม่ทราบว่า ให้เพื่อไปทำอะไร กำลังพิจารณาจะเชิญ นายพานทองแท้ มาสอบปากคำ หากพิจารณาแล้วเห็นสมควรสอบปากคำ ก็จะออกหมายเรียกนายพานทองแท้ มาพบพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ต้องตรวจสอบกับทางกองทัพ ในฐานะผู้เสียหายก่อนว่าหลักฐานที่ไปถึงนายพานทองแท้ มีมูลหรือไม่ หากกองทัพยืนยันว่ามีมูล ต้องเรียกสอบ ก็จะออกหมายเรียกมาสอบ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และคดีนี้มีผู้ทำผิดมากกว่า 8 คน แน่นอน กำลังสืบสวนสอบสวนขยายผลอยู่