ผู้จัดการรายวัน360- ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง " พล.ต.ท.สมคิด " พร้อม 4 อดีตตำรวจ ไม่ผิด คดีอัยการฟ้อง อุ้มฆ่า อัลรูไวลี่ นักธุรกิจซาอุชี้ มีเพียงพยานบอกเล่า ด้านนายกฯ ระบุรัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับซาอุฯ หลังศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีอุ้มฆ่านักธุรกิจ ชี้ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรมและหลักฐาน
ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 3 พ.ค.59 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลลูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย หมายเลขดำ อ.119/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ และอดีต ผบช.ภ.5 , พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน , พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี , พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และขอให้ศาลมีคำสั่งคืนแหวนของกลางคืน ให้แก่ทายาทของนายโมฮัมหมัดอัลรูไวลี่ ด้วย
ซึ่งในคดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาวันที่ 31มี.ค.57 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ได้นำ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ปากสำคัญเข้าเบิกความต่อศาล มีเพียงบันทึกคำให้การของ พ.ต.ท.สุวิชัย เท่านั้นทั้งยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยเกี่ยวกับแหวนทองคำของผู้ตาย พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการยื่นเบิกความพยานและหลักฐานเป็นพยานหลักฐานเดิม ส่วนพยานโจทก์ปากสำคัญ คือ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก เห็นว่าไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากมีการเบิกความกลับไปกลับมาในชั้นพนักงานสอบสวน อีกทั้งพยานแวดล้อมไม่สามารถยืนยันได้ว่าจำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.สมคิด ได้นำตัวนายอัลรูไวลี ผู้เสียชีวิต เข้าไปในโรงแรมฉิมพลีจริง ส่วนแหวนที่อ้างว่าพบใกล้ถังน้ำมันในที่เกิดเหตุ เมื่อมีการนำสืบแล้ว ไม่มีญาติคนใดยืนยันได้ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตจริง ประกอบกับมีประเด็นต้องสงสัย เหตุที่ไม่มีการนำแหวนวงนี้ส่งให้ตำรวจตรวจสอบ แต่ส่งให้ญาติเป็นผู้เก็บรักษา และการเบิกความจากช่างที่รับแหวนไปซ่อม ยืนยันว่าไม่พบรอยไหม้แต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์จึงเห็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งยกฟ้องในคดีนี้.
ภายหลัง นายเอนก คำชุ่ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากมารดานายโมฮัมหมัด กล่าวว่า ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้วินิจฉัย 2 ประเด็นคือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เเละพยานหลักฐานที่นำมาฟ้องไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ซึ่งก็จะกลับไปพิจารณาประเด็นข้อกฏหมายเพื่อที่จะยื่นฎีกา เเต่ประเด็นเเหวนจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล
ด้าน พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จำเลย กล่าวว่า ที่ผ่านมีกระบวนการที่นำพยานหลักฐานเท็จมากล่าวหากลั่นเเกล้ง และมีการร่วมกันนำพยานที่เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาที่หนีออกไปยังต่างประเทศมากล่าวหา โดยที่ผ่านมาตนยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขั้นตอนอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเเละพนักงานอัยการอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้หยุดการพิจารณาคดีไว้เนื่องจากต้องรอผลจากคำพิพากษาในคดีนี้
ที่ห้องพิจารณา 904 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 3 พ.ค.59 ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีอุ้มฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลลูไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย หมายเลขดำ อ.119/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ และอดีต ผบช.ภ.5 , พ.ต.อ.สรรักษ์ หรือสมชาย จูสนิท ผกก.สภ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน , พ.ต.อ.ประภาส ปิยะมงคล ผกก.สภ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี , พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี และ จ.ส.ต.ประสงค์ ทอรั้ง ตำรวจนอกราชการ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และขอให้ศาลมีคำสั่งคืนแหวนของกลางคืน ให้แก่ทายาทของนายโมฮัมหมัดอัลรูไวลี่ ด้วย
ซึ่งในคดีนี้ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาวันที่ 31มี.ค.57 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า ฝ่ายโจทก์ไม่ได้นำ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ปากสำคัญเข้าเบิกความต่อศาล มีเพียงบันทึกคำให้การของ พ.ต.ท.สุวิชัย เท่านั้นทั้งยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยเกี่ยวกับแหวนทองคำของผู้ตาย พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อพิรุธน่าสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการยื่นเบิกความพยานและหลักฐานเป็นพยานหลักฐานเดิม ส่วนพยานโจทก์ปากสำคัญ คือ พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก เห็นว่าไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากมีการเบิกความกลับไปกลับมาในชั้นพนักงานสอบสวน อีกทั้งพยานแวดล้อมไม่สามารถยืนยันได้ว่าจำเลยที่ 2-5 ซึ่งเป็นตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.สมคิด ได้นำตัวนายอัลรูไวลี ผู้เสียชีวิต เข้าไปในโรงแรมฉิมพลีจริง ส่วนแหวนที่อ้างว่าพบใกล้ถังน้ำมันในที่เกิดเหตุ เมื่อมีการนำสืบแล้ว ไม่มีญาติคนใดยืนยันได้ว่าเป็นของผู้เสียชีวิตจริง ประกอบกับมีประเด็นต้องสงสัย เหตุที่ไม่มีการนำแหวนวงนี้ส่งให้ตำรวจตรวจสอบ แต่ส่งให้ญาติเป็นผู้เก็บรักษา และการเบิกความจากช่างที่รับแหวนไปซ่อม ยืนยันว่าไม่พบรอยไหม้แต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์จึงเห็นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งยกฟ้องในคดีนี้.
ภายหลัง นายเอนก คำชุ่ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จากมารดานายโมฮัมหมัด กล่าวว่า ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้วินิจฉัย 2 ประเด็นคือโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เเละพยานหลักฐานที่นำมาฟ้องไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ซึ่งก็จะกลับไปพิจารณาประเด็นข้อกฏหมายเพื่อที่จะยื่นฎีกา เเต่ประเด็นเเหวนจะถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจศาล
ด้าน พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม จำเลย กล่าวว่า ที่ผ่านมีกระบวนการที่นำพยานหลักฐานเท็จมากล่าวหากลั่นเเกล้ง และมีการร่วมกันนำพยานที่เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาที่หนีออกไปยังต่างประเทศมากล่าวหา โดยที่ผ่านมาตนยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาทั้งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขั้นตอนอยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเเละพนักงานอัยการอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้หยุดการพิจารณาคดีไว้เนื่องจากต้องรอผลจากคำพิพากษาในคดีนี้