ผู้จัดการรายวัน360-ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ตรวจอาหารและน้ำดื่มที่ดอนเมืองซ้ำสอง อึ้ง! อาหารยังแพงกว่าปกติ 40-200%ทั้งที่ก่อนหน้าขอความร่วมมือให้ขายแพงกว่าห้างได้ไม่เกิน 20% ใช้อำนาจดึงสัญญาประมูลเช่าพื้นที่มาดู ก่อนหาทางปรับให้เหมาะสม เล็งตรวจสนามบินสุวรรณภูมิด้วย 4 พ.ค.นี้
วานนี้ (12 เม.ย.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มภายในบริเวณสนามบินดอนเมืองมีราคาแพง หลังเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2559 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและได้ข้อสรุปให้ลดราคาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2559 เป็นต้นไป เพื่อลดภาระค่าครองชีพในช่วงเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยน้ำดื่ม ได้รับความร่วมมือ ราคาลดลงมาเหลือ 10 บาทแล้ว แต่ราคาอาหารภายในท่าอากาศยานดอนเมือง พบราคาสูงกว่าราคามาตรฐาน 40-200% ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันแล้วว่าให้ขายได้สูงกว่าราคามาตรฐานของห้างสรรพสินค้าได้ไม่เกิน 20% เพราะติดขัดในเรื่องสัญญาที่ผู้ค้าต้องเช่าพื้นที่ของการท่าอากาศยานที่อาจประมูลมาในราคาสูง
“เบื้องต้นได้มอบให้การท่าอากาศยาน และกรมการค้าภายใน ไปศึกษาและกำหนดราคาอาหารที่เป็นมาตรฐานของแต่ประเภท เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดราคาจำหน่ายไม่ให้สูงเกินที่กำหนดในสัญญา และพิจารณาบทลงโทษที่ชัดเจน หากไม่กระทำตามสัญญา ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จะขอเข้าไปดูสัญญา เพื่อนำมาใช้พิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขสัญญาให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน โดยให้เวลาไปรวบรวมสัญญาภายใน 30 วัน คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในเดือนพ.ค.นี้"
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 พ.ค.2559 ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามดูแลปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่ม ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะได้รับการร้องเรียนว่ามีราคาแพงเช่นเดียวกัน ซึ่งจะต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่เป็นธรรม
วานนี้ (12 เม.ย.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มภายในบริเวณสนามบินดอนเมืองมีราคาแพง หลังเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2559 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและได้ข้อสรุปให้ลดราคาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2559 เป็นต้นไป เพื่อลดภาระค่าครองชีพในช่วงเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยน้ำดื่ม ได้รับความร่วมมือ ราคาลดลงมาเหลือ 10 บาทแล้ว แต่ราคาอาหารภายในท่าอากาศยานดอนเมือง พบราคาสูงกว่าราคามาตรฐาน 40-200% ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ตกลงกันแล้วว่าให้ขายได้สูงกว่าราคามาตรฐานของห้างสรรพสินค้าได้ไม่เกิน 20% เพราะติดขัดในเรื่องสัญญาที่ผู้ค้าต้องเช่าพื้นที่ของการท่าอากาศยานที่อาจประมูลมาในราคาสูง
“เบื้องต้นได้มอบให้การท่าอากาศยาน และกรมการค้าภายใน ไปศึกษาและกำหนดราคาอาหารที่เป็นมาตรฐานของแต่ประเภท เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดราคาจำหน่ายไม่ให้สูงเกินที่กำหนดในสัญญา และพิจารณาบทลงโทษที่ชัดเจน หากไม่กระทำตามสัญญา ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดิน มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย จะขอเข้าไปดูสัญญา เพื่อนำมาใช้พิจารณาความเป็นไปได้ในการแก้ไขสัญญาให้เหมาะสมกับภาวะการณ์ปัจจุบัน โดยให้เวลาไปรวบรวมสัญญาภายใน 30 วัน คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้ภายในเดือนพ.ค.นี้"
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 4 พ.ค.2559 ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เตรียมลงพื้นที่เพื่อติดตามดูแลปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่ม ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะได้รับการร้องเรียนว่ามีราคาแพงเช่นเดียวกัน ซึ่งจะต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่เป็นธรรม