ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน แย้มใช้หลักฐานใหม่ยื่นฟ้องเรียกคืนทรัพย์สิน ปตท. ยันไม่ใช่คดีเก่า เตือน ปตท.อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ยันเอาท่อก๊าซไปให้เจ้าอื่นเช่าต้องจ่ายคืนรัฐด้วย เผยพร้อมสอบปานามาเปเปอร์ ถ้ามีคนร้องมา ชี้ผิดจริยธรรมชัด
นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณียื่นฟ้องคดีเรียกคืนทรัพย์สินจากปตท. ต่อศาลปกครองว่า การดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดินพบพยานหลักฐานใหม่ จำนวนมากกว่าที่นส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. เคยยื่นฟ้อง และศาลปกครองสั่งไม่รับฟ้องก่อนหน้านี้ ซึ่งหลักฐานใหม่ที่ค้นพบเพิ่มขึ้นจำนวน 58 รายการ มูลค่า 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 52,000 ล้านบาท
"ยืนยันว่าคดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่ง มีเพียงบางเรื่องที่คาบเกี่ยวกับคดีของ นส.รสนา เท่านั้น จึงขอให้ปตท. อย่านิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะเรื่องนี้มีความชัดเจนว่า กระบวนการคืนทรัพย์สินไม่เป็นไปตามมติครม. ไม่ผ่านสตง. และไม่มีการนำกลับไปให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง อีกทั้งในส่วนของกรมธนารักษ์ เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบทรัพย์สินไม่ได้รับมอบหมายจากอธิบดี แต่ไปดำเนินการด้วยตัวเอง จึงทำให้เรื่องนี้มีตำหนิ"
นายศรีราชา ยังได้ยกตัวอย่าง กรณีที่ปตท. นำท่อก๊าซไปให้เช่า มีผลประโยชน์เข้าปตท.จำนวนมหาศาล ซึ่งประโยชน์ในส่วนนี้ต้องคืนให้กับรัฐด้วย เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ที่ได้ไปในช่วงที่เป็นรัฐสาหกิจ แต่เมื่อแปรูปแล้ว ผลประโยชน์ทุกอย่างตกอยู่กับผู้ถือหุ้น จะมาอ้างว่ากระทรวงการคลังถือหุ้น ไม่ได้ เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึง ร้อยละ 51 จึงถือว่าเป็นเรื่องของเอกชน
"หากเขามีสำนึก ก็ต้องคืนมา ผู้ตรวจการแผ่นดินทำตามหน้าที่ เมื่อมีผู้ร้องมา ก็ต้องตรวจสอบให้ดีที่สุด อะไรที่เป็นของรัฐก็ต้องคืนมา อะไรก็ตามที่เป็นเงิน ก็ต้องคืนมา ปตท.อาศัยอำนาจรัฐทุกอย่างไปดำเนินการ ดังนั้นทุกอย่างทุกอย่างต้องเป็นของรัฐ" นายศรีราชากล่าว
นายศรีราชา กล่าวด้วยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมดำเนินการตรวจสอบ กรณีปานามา เปเปอร์ หากมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ แต่ผู้ตรวจฯ ไม่มีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเอง ต้องมีผู้ร้องเท่านั้น
นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณียื่นฟ้องคดีเรียกคืนทรัพย์สินจากปตท. ต่อศาลปกครองว่า การดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดินพบพยานหลักฐานใหม่ จำนวนมากกว่าที่นส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. เคยยื่นฟ้อง และศาลปกครองสั่งไม่รับฟ้องก่อนหน้านี้ ซึ่งหลักฐานใหม่ที่ค้นพบเพิ่มขึ้นจำนวน 58 รายการ มูลค่า 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 52,000 ล้านบาท
"ยืนยันว่าคดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่ง มีเพียงบางเรื่องที่คาบเกี่ยวกับคดีของ นส.รสนา เท่านั้น จึงขอให้ปตท. อย่านิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะเรื่องนี้มีความชัดเจนว่า กระบวนการคืนทรัพย์สินไม่เป็นไปตามมติครม. ไม่ผ่านสตง. และไม่มีการนำกลับไปให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง อีกทั้งในส่วนของกรมธนารักษ์ เจ้าหน้าที่ผู้รับมอบทรัพย์สินไม่ได้รับมอบหมายจากอธิบดี แต่ไปดำเนินการด้วยตัวเอง จึงทำให้เรื่องนี้มีตำหนิ"
นายศรีราชา ยังได้ยกตัวอย่าง กรณีที่ปตท. นำท่อก๊าซไปให้เช่า มีผลประโยชน์เข้าปตท.จำนวนมหาศาล ซึ่งประโยชน์ในส่วนนี้ต้องคืนให้กับรัฐด้วย เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน ที่ได้ไปในช่วงที่เป็นรัฐสาหกิจ แต่เมื่อแปรูปแล้ว ผลประโยชน์ทุกอย่างตกอยู่กับผู้ถือหุ้น จะมาอ้างว่ากระทรวงการคลังถือหุ้น ไม่ได้ เพราะกระทรวงการคลังถือหุ้นไม่ถึง ร้อยละ 51 จึงถือว่าเป็นเรื่องของเอกชน
"หากเขามีสำนึก ก็ต้องคืนมา ผู้ตรวจการแผ่นดินทำตามหน้าที่ เมื่อมีผู้ร้องมา ก็ต้องตรวจสอบให้ดีที่สุด อะไรที่เป็นของรัฐก็ต้องคืนมา อะไรก็ตามที่เป็นเงิน ก็ต้องคืนมา ปตท.อาศัยอำนาจรัฐทุกอย่างไปดำเนินการ ดังนั้นทุกอย่างทุกอย่างต้องเป็นของรัฐ" นายศรีราชากล่าว
นายศรีราชา กล่าวด้วยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมดำเนินการตรวจสอบ กรณีปานามา เปเปอร์ หากมีผู้ยื่นเรื่องร้องเรียน เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องผิดจริยธรรม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ แต่ผู้ตรวจฯ ไม่มีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเอง ต้องมีผู้ร้องเท่านั้น
